แมวปิฬาร์ รุ่งอรุณแห่งปลาย่าง......1/2

กระทู้สนทนา


เรื่องแมว ๆ..เขียนโดยคนรักแมว... สำหรับคนรักแมว.. และสำหรับบรรดาแมวทั้งหลาย
 

ปิฬาร์ เป็นแมว

เป็นแมวที่พยายาม บอกใครต่อใครว่า ...ตัวเองเป็นแมวแฟนตาซีแรกรุ่น สีขาวดั่งสำลี เพศเมีย (แต่ปิฬาร์ มักจะบอกกับใคร ๆ ว่าตัวเองเป็นแมวเพศหญิง  ไม่ชอบคำว่าเพศเมีย เพราะคิดว่า  แมวเพศหญิง ฟังแล้วดูเท่กว่า)  อาศัยอยู่กับคุณนายใจดีคนงาม ผู้มีใจรักแมว อยู่แถวชานเมืองอันสงบสุข ชีวิตของปิฬาร์หลากหลายประสบการณ์ ไม่ต่างจากชีวิตผู้คนทั่วไป ซึ่งมีทั้งสุข ทุกข์ สดใส ดำมืด รอยยิ้ม (แบบแมว) และหยดน้ำตา
 
 
.......
 
 
             ในบรรดาอาหารแมวทั้งหลาย แมวปิฬาร์ชอบมากที่สุดคือปลาย่าง ยิ่งเป็นปลาสดและย่างใหม่ ๆ   โอ....แมวพระเจ้า...กลิ่นของปลาย่าง ช่างหอมหวนเย้ายวน ชวนกินจนเคลิ้มฝัน จนสุดบรรยาย 
 
            แต่คุณนายใจดีไม่เคยย่างปลาให้กินสักครั้ง คงเป็นเพราะกลัวก้างขวางคอ โอกาสเดียวจะได้กินปลาย่างคือการที่  ‘หนูแจ๋ว’  คนรับใช้ของบ้านหลังนี้เป็นคนทำย่างปลากินนั่นเอง 
 
             วันดีคืนดี หนูแจ๋วจะก่อไฟหลังบ้าน เดินทางไปซื้อปลาจากตลาดตั้งแต่ไก่โห่  (ที่จริงต้องบอกว่า ไก่ขัน เพราะไก่โห่ ฮิ้ว..ไม่เป็น)  มาย่าง เผา กินอย่างเอร็ดอร่อย บางวันก็ออกไปซื้อส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ปลาย่าง จากปากซอย มานั่งกินในบ้านอย่างสุดแสนแซ่บอีหลี
 
              ระหว่างไก่ย่าง กับปลาย่าง แมวปิฬาร์จะชอบปลาย่าง มากกว่า  เพราะแมวคู่ปลามากกว่าจะคู่ไก่  ส่วนส้มตำที่หนูแจ๋วสุดโปรด แมวสาวไม่ชอบเลย และไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมหนูแจ๋วถึงกินลงไปได้ เพราะเห็นกินทีไรน้ำหูน้ำตาไหลพราก น้ำนองหน้าอย่างน่าเวทนาแทบทุกครั้ง คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่ชอบยังกินจนร้องไห้ ยังมาฝืนใจนั่งกินลงไปอีก ไม่เข้าใจพวกมนุษย์เลย...สู้แมวไม่ได้ เพราะแมวไม่กินคือไม่กิน 
 
             คิดดูก็แล้วกัน...ถ้าเป็นแมวปิฬาร์....จ้างให้ไม่มีวันเสียหรอก จะกินไปร้องไห้ไป มันเสียเชิงแมว

             บ้านของคุณนายใจดีใหญ่โตกว่าบ้านใคร ๆ ในละแวกนั้น พื้นที่กว้างชวางทำให้แมวสาวสามารถวิ่งเล่นไปทั่วเขตบ้านอย่างสบายใจ หรือจะเลือกนอนมุมไหนก็ได้ตามใจชอบ  รั้วบ้านก็สูงไต่สนุกปลอดภัย หลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่น้อยหลายต้น ให้ปีนออกกำลังกาย หรือฝนเล็บเล่น ทำให้อยู่อย่างมีความสุข เรียกว่าอยู่อย่างสบายใจเลยดีเดียว  ประกอบกับการอยู่ชานเมืองไม่ได้แออัดอย่างในตัวเมือง ทำให้บรรยากาศดี เหมาะสำหรับวิ่งเล่นทั้งในบ้านและนอกบ้านอย่างสนุกสนาน ตามประสาแมว
 
             รุ่งอรุณของวันนี้แมวสาวตัวสวยตื่นเช้ามา ก็มองเห็น ‘ปลาย่าง’  ตัวโตวางอยู่ในจานแล้ว ท่าทางเพิ่งผ่านการย่างมาใหม่ ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงไออุ่นของปลาย่าง คงเพิ่งผละออกจากเตาถ่านใหม่ ๆ  สงสัยว่าหนูแจ๋วคงเป็นคนเอามาวางให้เป็นอาหารเช้า เพราะคุณนายใจดีคงไม่มีเวลาทำเรื่องแบบนี้ เนื่องจากต้องรีบออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรีบร้อนแบบนั้นแทบทุกวัน สู้แมวปิฬาร์ก็ไม่ได้ ตื่นเช้ามาไม่เห็นต้องรีบร้อนไปทำงาน  จะอ้อยอิ่ง เดินเอ้อละเหยลอยชายอยู่ในบ้านนานแค่ไหนก็ได้ไม่เดือดร้อน  แมวดีกว่าคนตรงนี้ละ
 
             ปลาย่างวางในจานตรงหน้าช่างหอมเหลือเกิน มั่นใจเลยว่าต้องโรยเกลือ ย่างไฟจากเตาถ่านใหม่ ๆ แน่นอนถึงได้หอมทรมานใจขนาดนี้ และเป็นปลาช่อนของโปรดเสียด้วย เพราะเนื้อหอมหวานนิ่มถูกใจ ถึงจะมีก้างมากไปนิดก็ไม่เป็นไร เพราะวิถีแมวรู้วิธีการกินแบบหลบก้างได้เป็นอย่างดี

             “ปลาย่างจ๋า ฉันจะกินเธอล่ะนะ”   แมวสาวบอกด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน ตามมารยาทอันดีงามไม่บุ่มบ่ามรีบร้อนเหมือนแมวนอกบ้าน ซึ่งมักจะไม่มีมรรยาท เห็นอาหารทีไรมักพุ่งเข้าใส่ทันทีแบบไม่คิดชีวิต ราวกับเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวันสิ้นแมว

             “ใครจะกินฉัน”

             เสียงห้วน ๆ แฝงแววไม่พอใจแว่วดังเข้าหู ทำเอาสะดุ้งเฮือก ตาโตหูชันหางชี้พองโตอย่างแปลกใจ เพราะแถวนี้เป็นห้องครัว ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ความสงสัยทำให้มองไปรอบ ๆ หาแหล่งกำเนิดของเสียงไปมาด้วยความหวาดระแวง

             “มองหาใครอยู่”

             เสียงประหลาดแว่วเข้าหูอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนเลย เสียงดังมาจากปลาย่างแน่นอน  ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ 
 
             ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าปลาย่างพูดได้ ขณะกำลังยืนตัวแข็งอยู่นั่นเอง ดวงตาของปลาย่างในจานพลันลืมเบิกโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหันแววตาเป็นสีขาวขุ่น ไร้แววแห่งชีวิตจิตใจเหมือนตาปลาตาย ตัวเริ่มสั่นกระตุกกระดุกกระดิกทีละน้อย ปากเผยอกว้างผิดปกติ จนเห็นฟันยาวผิดปกติขาววาววับเรียงรายอย่างน่ากลัว ราวฟันของฉลามกระหายเลือด กับเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูโหยหวน

            แมวปิฬาร์ร้องเสียงหลง กระโดดถอยหลังอย่างตกใจปากอ้าตาค้าง จ้องมองอย่างมึนงงและประหวั่นพรั่นพรึง 
 
             ปลาย่างซอมบี้
 
             ปลาย่างตัวนั้นเคลื่อนไหวมากขึ้นทุกที กระโดดหลุดออกจากจาน ออกมาดิ้นพราด ๆ อยู่ข้างหน้า ด้วยท่าทางมุ่งร้ายหมายขวัญ ในความรู้สึกของแมวสาวดูเหมือนว่าปลาย่างผีสิงขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากมาย ริมฝีปากขยับไหวไปมา ส่งเสียงเสียดประสาทจากฟันคมกริบกดบดเบียดไปมาชวนสยดสยอง

             “ฉันต่างหากจะเป็นฝ่ายกินเธอ”   พูดจบปลาย่างนรกก็ใช้ครีบตะกายพื้นพุ่งเข้าหา พร้อมปากอ้ากว้างราวกับจะกัดกลืนกินแมวสาวเข้าไปทั้งตัว

             “ม้าว...”

           ปิฬาร์ร้องแทบไม่เป็นภาษาแมว เท้าทั้งสี่ตะกายพื้นห้องหลบฉากโยกตัวออกไปทางด้านข้างอย่างหวุดหวิด  จนหัวชนกับขาโต๊ะอาหารในห้องครัวดังโป๊กดาวกระจายเต็มหน้า แต่ไม่มีเวลามานั่งเจ็บเพราะหางตามองเห็นปลาย่างผีสิงพุ่งเฉียดไป งับเข้ากับขาเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนกัดสะบัดเหวี่ยงหัวฟัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง จนขาเก้าอี้แตกเป็นเศษไม้กระจัดกระจาย 

             นี่เรื่องบ้าอะไรกัน....มันเป็นไปได้อย่างไร แต่ภาพปรากฏเบื้องหน้าตอนนี้มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง ปิฬาร์เผ่นออกจากห้องครัวอย่างสุดชีวิต โดยมีปลาย่างจอมโหดกระโดดดิ้นกระแด่ว อ้าปากไล่หลังมาติด ๆ แบบหวุดหวิดหวาดเสียว ทางหนีทางเดียวเท่าที่นึกได้คือ หนีขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน  ดูสิว่าเจ้าปลาย่างผีสยองจะตามขึ้นมาได้ไหม  เพราะเกิดมาก็ยังไม่เคยได้ยินมาว่าปลาย่างตัวไหนวิ่งขึ้นบ้านได้

             แต่คราวนี้ท่าทางจะคิดผิดเสียแล้ว เพราะฝ่ายติดตามใช้วิธีสปริงตัว กระโดดตีลังกาขึ้นมา ตามขั้นบันไดเป็นระยะ ทีละห้าหกขั้น ราวปาฏิหาริย์  ก่อนล้ำหน้าขึ้นไปปักหลัก แสยะเขี้ยวอ้าปากกว้างรออยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายด้านบน  
 
             แมวปิฬาร์ใจหายวาบ รีบหลบวูบออกด้านข้าง พุ่งเฉียดฟันคมกริบไปได้อย่างหวุดหวิด ชนิดได้ยินเสียงงับดังฉับ! บริเวณปลายหางแบบหวาดเสียว มองเห็นประตูห้องนอนคุณนายใจดีเปิดอ้าเอาไว้อย่างบังเอิญ ไม่ต้องเสียเวลาคิด สี่เท้ารีบตะกาย หักเลี้ยวเปลี่ยนแนวการวิ่งเข้าประตูห้องนอน แล้วรีบพลิกตัวหันกลับมา กระแทกประตูปิดโครม ชนิดหายใจหายคอแทบไม่ทัน

             เป็นคราวเคราะห์ดีว่า คุณนายใจดีก่อนออกห้องคงกดล็อกประตูเอาไว้แล้ว ทำให้พอประตูกระแทกปิดลงก็ล็อกได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องกดล๊อกอีก เพราะถ้าไม่เช่นนั้นคงลำบากมากเนื่องจากแมวปิฬาร์ไม่สามารถกระโดดขึ้นไปกดล็อก ได้เนื่องจากยังไม่เก่งขนาดนั้น แต่โอกาสหน้าไม่แน่

             บทเรียนวันนี้สอนให้รู้ว่า บางครั้งแมวจำเป็นต้องทำให้เรื่องที่ไม่คาดคิดหรือเหลือเชื่อให้ได้ เสียงกระแทกประตูโครมครามด้านนอกจนบานประตูสะท้านสะเทือน บอกให้รู้ว่าปลาย่างนรกตัวนั้น ยังไม่ละความพยายามในการพยายามไล่กัดกินแมว

             สักพัก เสียงกระแทกประตูค่อยหายไป นั่นอาจหมายถึงว่าปลาย่างนรกแตกคงละความพยายามไปแล้ว ปลาย่างจะพังประตูห้องเข้ามาได้ก็ให้รู้ไป  พูดแล้วจะมีใครยอมเชื่อ... ถ้ามีความสามารถขนาดนั้น จะยอมทอดกายให้กินโดยดี

             เสียงดังโครมสนั่นดังกึกก้องกว่าทุกครั้ง ประตูไม้ด้านบนถูกกระแทกแตกออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ ท่ามกลางเศษไม้ปลิวกระจัดกระจายเวียนว่อน  ปลาย่างนรกหมุนตัวลอยผ่านรอยแตกของประตูเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ ราวภาพสโลว์โมชัน จงใจโชว์ความสวยงาม ปิฬาร์ใจหายวาบ หัวใจตกวูบลงไปอยู่อุ้งเท้า ภายในบ้านกลายเป็นพื้นที่สังหารอันตรายไปเสียแล้ว 
 
             ทางออกทางเดียวพอคิดได้ตอนนี้คือหน้าต่าง  
 
             ความคิดพอพุ่งวูบ เท้าทั้งหมดก็กระโจนพรวดสุดกำลังแมว ออกไปทางหน้าต่างทันที

             เพล้ง..!

             กระจกหน้าต่างแตกกระจาย จากแรงกระแทกของแมวหนีตาย ถึงแม้ว่าร่างกำลังลอยลงไป ท่ามกลางเศษกระจกกระจัดกระจาย แมวปิฬาร์ยังรู้สึกว่าฉากนี้เป็นฉากสุดเท่ฉากหนึ่ง ที่หาโอกาสได้น้อย จึงถือโอกาสตีลังกาเกลียวหลายรอบ ก่อนเชิดหน้ากลางอากาศ กางเท้ากางหางเต็มที่ เพื่อรักษาภาพเอาไว้ว่า ต่อให้หนีตายอย่างไรก็ยังทำเท่ได้  
 
             แต่เมื่อมองลงไปข้างล่างก็ต้องตัวเย็นเฉียบใจหายวาบ ความเท่ชะงักงันกลางอากาศ แผ่นหลังและหางเย็นเฉียบด้วยความตกใจหวาดกลัวจับจิต

             เจ้าปลาย่างผีสิง ลงไปปักหลักรออยู่พื้นสนามหญ้าหน้าบ้านอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยลำตัวใหญ่ราวฉลามยักษ์ และอ้าปากสุดล้าฟันยาวเรียงรายเป็นประตูสู่นรกมรณะอันมืดดำ  รอรับร่างของแมวเวหา แบบสิ้นทางหนี

             “เมี้ยว....”

             “คุณปิฬาร์ เป็นอะไรไปคะ”

             มือของใครบางคนกำลังจับตัวเขย่าไปมา แมวสาวหน้าตาตื่น ลุกขึ้นผวามองซ้ายมองขวาด้วยอาการแมวสติแตกชั่วคราว  

            หนูแจ๋วคนรับใช้นั่นเอง

             เธอกำลังก้มลงมามองด้วยสายตาเป็นห่วง  หลังจากใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่ง จึงรู้ว่าเพิ่งตื่นจากความฝันร้ายสุดสยอง  และเป็นที่รู้ว่าถ้าหนูแจ๋วเรียก ‘คุณปิฬาร์’  เมื่อไร แสดงว่าคุณนายใจดียังอยู่บ้าน เพราะถ้าคุณนายใจดีออกจากบ้านไปแล้วจะถูกหนูแจ๋วเรียก ‘ปิฬาร์’ เฉย ๆ โดยไม่มีสรรพนามนำหน้า หรือถ้าอารมณ์ไม่ดี อาจถูกเรียกว่า ‘ยัยปิฬาร์’  ก็ยังเคย

             เสียงใส ๆ ของคนรับใช้สามัญประจำบ้านพูดต่อไป พลางอุ้มแมวสวยขึ้นไปลูบหัวเกาคางอย่างปลอบโยน

            “โอ๋ ๆ...ไม่เป็นไรแล้วนะ ท่าทางคุณปิฬาร์คงฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันว่าโดนปลาย่างไล่กินเท่านั้น เป็นแค่ความฝันอย่าตกใจเลยนะคะ”
 
            แมวปิฬาร์ชะงัก เพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง 

             หนูแจ๋วรู้อย่างไร  ว่า...ปิฬาร์ว่าฝันเรื่องอะไร เพราะยังได้พูดอะไรเลย
 
              ความคิดแบบนั้นทำให้หันหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจด้วยลางสังหรณ์อัปมงคล  หนูแจ๋วยังคงพูดไปเกาคางให้ไปพร้อมด้วยรอยยิ้มซึ่งเริ่มน่ากลัวมากขึ้น และมากขึ้นทุกทีแบบผิดธรรมชาติ จนเห็นฟันขาววาววับเรียงรายเป็นแถวเต็มใบหน้า เหมือนปากของปลาย่างสยองในความฝันไม่มีผิด

             “คุณปิฬาร์อย่าตกใจไปเลย แค่ฝันว่าปลาย่างไล่กินเท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะหนูแจ๋วคนนี้จะกินคุณปิฬาร์เองค่ะ”

             “เมี้ยว....”   อีกครั้งที่แมวสาวร้องสุดเสียง 
 
             นี่มันวันนรกอะไรกัน ดิ้นรนไม่คิดชีวิตจากเงื้อมมือของคนรับใช้สยองโหด ผู้คิดจะกินแมวน่ารักเป็นอาหาร ดิ้นจนเหนื่อยถึงเริ่มรู้ว่าตัวเองกำลังนอนดิ้นอยู่บนพื้นห้องแบบไม่รู้เหนือใต้

 
             “ปิฬาร์ เป็นอะไรไป”
 
             เสียงของหนูแจ๋วดังลั่นแก้วหู  ใบหน้าก้มมองลงมาด้วยสายตาแปลกใจ กลับเป็นหนูแจ๋วตามเดิมแล้ว ไม่ใช่หนูแจ๋วปากกว้างคนกินแมว  แมวสาวกระโดดไปหลบอยู่ใต้โซฟาอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ไม่ไว้ใจอะไรอีกแล้ว ฝ่ายคนรับใช้ประจำบ้านได้แต่ยืนเกาหัวอย่างแปลกใจ เพราะเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นแมวตัวโปรดของเจ้านาย กำลังนอนดิ้นพราดเป็นวงกลมอยู่บนพรม พอปลุกให้ตื่น ก็ทำท่าหวาดกลัวจนวิ่งหลบไปซ่อน  

             โลกของแมวนี่ยากต่อการเข้าใจ 
 
           
.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่