บางโทรัด เกลือ น้ำตา และคำวิงวอน

บทความนี้เขียนเพื่อตำบลบางโทรัดชุมชนนาเกลือบ้านเกิด



บางโทรัดและเกลือ

บางโทรัดเป็นชุมชนนาเกลือเกิดใหม่ราว ๑๐๐ กว่าปี จากคำว่า "โคลัด" คือทางลัดโค เป็นเส้นทางนำวัวมาใช้ในการลากลูกกลิ้งนาเกลือมาแต่ดั้งเดิมเพื่อใช้ในการบุกเบิกพื้นที่ป่าชายเลให้เป็นพื้นที่นาเกลือในการอัดดินให้แน่นอุ้มขังน้ำทะเลได้ ซึ่งการใช้วัวนี้ต้องลงทุนสูงจ้างวัวมาจากต่างถิ่น ส่วนคนที่ทุนน้อยก็ต้องใช้แรงคนในการลากลูกกลิ้งนาเกลือซึ่งมักจะอัดดินได้ไม่แน่นก็ขังน้ำทำนาเกลือไม่ได้ การทำนาเกลือจึงเป็นการลงทุนใหญ่ครั้งเดียว แต่เก็บกินไม่รู้จบตราบใดที่มีแดดและน้ำทะเล คนที่มีนาเกลือสมัยก่อนจึงมีฐานะดีเพราะคนทำเกลือกันน้อยเมื่อเทียบกับคนทำนาข้าว ในขณะที่กินข้าวจะขาดเกลือไม่ได้ สมัยก่อนเกลือจึงมีค่ากว่าข้าว หนุ่มนาข้าวจึงหมายปองสาวนาเกลือดังเพลงที่ได้ยินกันคุ้นหู

บรรพบุรุษของชาวบางโทรัดทำนาเกลืออย่างเรียบง่าย สมัยก่อนนาเกลือจะอยู่ชายทะเล ส่วนบ้านคนจะอยู่ริมคลอง เช้ามาก็ออกจากบ้านริมคลองพายเรือเข้านาริมทะเล ปิ่นโตใบใส่ข้าวใส่ปลาก็อยู่เฝ้าที่นาได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นก็พายเรือกลับบ้านริมคลอง บรรพบุรุษของเราจึงมีชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านริมคลองและนาเกลือริมทะเล สมัยก่อนบรรพบุรุษเราใช้กังหันลมและระหัดวิดน้ำเข้าวังเข้านา เดี๋ยวนี้เราลูกหลานต้องใช้เครื่องสูบน้ำต่องเสียค่าน้ำมัน ในวังที่วิดน้ำก่อนเข้านาเราจับปูปลาจับมาขังมากินได้ การทำนาเกลือสมัยก่อนจึงมีรายจ่ายประจำวันน้อยมากแต่กำไรมหาศาล



บางโทรัดและน้ำตา

ส่วนปัจจุบันคนหันมาทำนาเกลือกันอย่างกว้างขวาง การทำนาเกลือมีค่าใช้จ่ายมาก เจ้าของนาเกลือทำเกลือไม่เป็นต้องจ้างเขาทำ ปล่อยให้เขาเช่า ทุกอย่างต้องจ้าง มีค่ารื้อ ค่าขน ค่าเข็น ค่าน้ำมัน เจ้าของนามีอาชีพอื่นเป็นอาชีพหลักหรือไม่ก็มีอาชีพเสริม เกษตรกรที่ทำนาเป็นแค่ลูกจ้าง ส่วนที่เจ้าของนาเกลือและทำเองก็มีไม่น้อย

ปัญหาของการทำนาเกลือในปัจจุบันจึงมีหลากหลายและซับซ้อน ผันแปรไปตามอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ห้องเย็น น้ำแข็ง กุ้ง ปู ปลา และเรือตังเก

ในยุคที่อุตสาหกรรมประมงรุ่งเรืองเกลือของเราก็ราคาแพง คนก็ขยายการทำนาเกลือไปตามอุปสงค์อุปทานของ น้ำแข็ง กุ้ง ปู ปลา และนาเกลือ ประมงกับเกลือจึงเกื้อกูลแปรผันไปด้วยกัน ประมงทะเลส่งออกดี เรือตังเกหาปลาได้มากก็ส่งผลต่อการส่งออก การแปรรูปอาหารทะเลที่ต้องใช้เกลือ ประมงรวยคนขายเกลือก็รวย ประมงแย่คนขายเกลือก็แย่

สมัยที่การส่งออกอาหารทะเลดี เกลือขายดี ชาวนาเกลืออย่างเราก็มีปัญหาจากพวกพ่อค้าคนกลางกดราคาให้ถูก ในขณะเดียวกันในช่วงมีนาคมถึงเมษายน ในยามที่แดดแรงอากาศร้อนเกลือก็ผลิตได้มากราคาเกลือก็ตกต่ำ เราเคยขอรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นการพัฒนาและประกันราคาเกลือ แต่ปัญหาของชาวนาเกลือก็ไม่น้อยลงแต่อย่างใด

จนสองปีมานี้ประมงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง การส่งออกอาหารทะเลมีปัญหา อียูเริ่มพิจารณาให้ใบแดง รัฐบาลเข้าจัดการจัดระเบียบกับอุตสาหกรรมประมงและเรือประมง ทั้งการใช้แรงงานเถื่อน เรือประมงผิดกฎหมาย การค้าที่ผูกติดกับการประมงจึงย่ำแย่ตามไปด้วย จากยุคที่ประมงรุ่งเรืองเราขายเกลือได้เกวียนละ ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ บาท แต่ปัจจุบันเริ่มตั้งเมษายน ๒๕๕๘ ราคาเกลือเริ่มตกต่ำอย่างต่อเนื่องจากเกวียนละ ๒,๐๐๐ , ๑,๗๐๐ ,๑,๔๐๐ ,๘๐๐ และ ๕๐๐ ในขณะที่ต้นทุนการทำนาเหลืออยู่เกวียนละ ๙๐๐ ถึง ๑,๕๐๐ แล้วแต่พื้นที่ ณ วันนี้ ชาวนาเกลือแค่จะทำนาเกลือก็ขาดทุนแล้ว อย่าคิดว่าจะขายเพราะหาคนซื้อไม่ได้ น้ำตาเราร่วงมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ น้ำตาเราตกในเมื่อเห็นเกลือที่เราสู้แดดสู้ลมเหลือเกวียนละ ๕๐๐



บางโทรัดและคำวิงวอน

วันนี้จึงเป็นเวลาวิกฤตและไม่แปลกหากชาวบางโทรัดจะขึ้นป้ายเรียกร้องขอความช่วยเหลือริมถนนพระรามสองเพราะราคาเกลือตกต่ำมานับแต่ปีต้นปี ๒๕๕๘ ในขณะที่ราคาเกลือร่วงลงมานั้นมันมาพร้อมกับการกู้หนี้ยืมสินที่สูงขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งในระบบไม่ว่าจะธนาคาร ธกส. จำนำบ้าน จำนำรถ จำนำทองและดอกเบี้ยนอกระบบมันทบต้นทบดอก รายได้ไม่มี รายจ่ายเท่าเดิม หนี้เพิ่มพูล การขายที่ ขายนาเกลือ และเลิกทำนาเกลือจึงไม่ใช่คำขู่ ไม่ใช่คำวิงวอน หรือขอความเห็นใจ แต่มันต้องขายจริงๆเพราะหนี้มันสะสมมาปีกว่าแล้วและเราไม่มีทางออกใดๆดีกว่านี้ ในขณะเดียวกันเราไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม สิ่งที่เราต้องการคือราคาเกลือที่สูงไม่ว่าจะเป็นการประกันราคาหรือหาตลาดเพิ่มและนี่คือความจริงของทุกวันนี้



///////////

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่