ประชารัฐรักสามัคคี เพื่อสังคม หรือ เพื่อตัวเอง

เห็นนโยบายรัฐแล้วมีความเคลือบแคลง สงสัย ในการจัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระบุตามข่าว ว่า "ถูกจัดตั้งเพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นในการส่งเสริมอาชีพผ่านกลุ่มงานเกษตร แปรรูป และท่องเที่ยว ตามนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก"
https://isranews.org/isranews-scoop/item/46802-report_pracharatluvthai_08559.html
https://www.isranews.org/isranews-scoop/item/46843-report_46843.html
ประเด็น คือ
1 ในรูปบริษัท ที่มีผู้ถือหุ้นมากถึง 99.9% ผูกขาดด้วยหุ้น อาจทำให้มีอำนาจการตัดสินใจเชิงนโยบาย และมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ อย่างไร ?
(แม้การสื่อความสังคมจะบูรณาการร่วมทุกภาคส่วน แต่ดูจากหุ้น ทำให้คิดได้ว่า ใครเป็นเครื่องมือใคร หรือเปล่า ?)


2 "ผมกลับคิดว่า" ปัญหาของกลุ่มเกษตรกร กลุ่มอาชีพฯลฯ ส่วนใหญ่ คือ ปัญหาปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องการตลาด โครงสร้างราคา และปัญหาภายในคือการพัฒนาโครงสร้างกลุ่มขั้นพื้นฐาน(คน ความรู้ ศูนย์/ที่ทำการ ทรัพยากร กติกา ระบบกลุ่มชุมชน ฯลฯ)  ดังนั้น การสนับสนุนทรัพยากรปัจจัยภายในให้กลุ่มโดยตรง อย่างเข้มข้น เข็มแข็งจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน โดยใช้กลุ่ม/พื้นที่เป็นตัวตั้งคิดจากฐานล่าง (สิ่งที่กลุ่มอาชีพต่างๆขาดแคลนและต้องการพัฒนาเร่งด่วน) อาจจะTop down Policy ได้อย่างมีกรอบกว้างๆ และรายละเอียดมาจากพื้นที่ มีระบบบริหารจัดการเป็นเครื่องมือปรับใช้กับชุมชน
       และหากจะแก้ทั้งระบบด้วยการทำการตลาดรองรับโดยบริษัทประชารัฐ ก็ไม่ควรให้นายทุนผูกขาดหุ้น(ควรกำหนดสัดส่วนหุ้นให้ชัดเจน และมีสัดส่วนเอกชนถือหุ้นเท่าไหร่ ภาคประชาชน/กลุ่มอาชีพ/กลุ่มออมทรัพย์ ถือหุ้นเท่าไหร่) ไม่ใช่ให้ทุนใหญ่ ถือไว้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่กำหนดนโยบายอะไรเลย ในความเป็นจริงในอนาคตจะมีการผูกขาดไหม? เพราะเมื่อมีอำนาจ อาจมีมีการกำหนดกลไกโครงสร้างราคา และทิศทางให้สอดคล้องกับธุรกิจของตนได้ในอนาคต ท้ายสุดอาจจะค่อยๆขย่อน เขมือบไป

3. บริษัท ประชารัฐฯ พร้อมผุดขึ้นในทุกจังหวัดในอนาคต(ตอนนี้นำร่อง) น่าตั้งข้อสังเกตว่าจะมีบทบาทแค่ให้คำปรึกษาเท่านั้นหรือ ไม่ลงแรง ลงทุนเป็นPartner แบบ CSR-CSV หรือ ????? และถ้าจะช่วยเศรษฐกิจประเทศก็ควรปิดทองหลังพระ (ตรงไปที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุกกลุ่มที่ยังไม่ตาย ไม่เป็นอนุเสาวรีย์)  ไม่ควรทำ CSR สร้างภาพ ปักป้าย ถ่ายรูป จบ!!!!! เพราะ....ภาคเอกชน ใช้ทรัพยากรชาติที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแสนสาหัส

4 อนาคต บ.ประชารัฐจะควบ(คุม) กลไกรัฐ ภาคประชาชนด้วยการตลาด-โครงสร้างราคา ได้หรือไม่ ! "ธุรกิจใหญ่ประเมินคู่แข่งเล็กกว่า มักจับทุ่มแบบซูโม่"  ดังนั้น คำสวยหรู ว่าให้คำปรึกษา หรือ ความรู้ จึงน่าจะเป็นฉากหน้า ไม่ตอบโจทย์ กลุ่ม-ชุมชน ซึ่งมีต้นทุนแล้วระดับหนึ่งหรือไม่? แต่ควรสื่อสารความจริงใจให้ชัดเจน จะทำอะไรกันแน่ ????? และด้วยศักยภาพของเอกชนที่ใช้ทรัพยากรชาติ น่าจะทำมากกว่าให้คำปรึกษา โดยเฉพาะบริษัทเบียร์ ที่มีบริษัทลูก ขุดเจาะน้ำบาดาล เป็นต้นเหตุ พื้นที่ทรุด น้ำท่วมขัง หรือภาพใหญ่ คือ โลกร้อน น้ำแล้ง

"เอกชนจึงควรต้องรับผิดชอบสังคมอยู่แล้ว เหล้า-เบียร์ ไม่ใช่ปัจจัย4 ที่ต้องเอาทรัพยากรน้ำไปทุ่ม" และรัฐไม่ควรเทิดทูนจนเกินไป ให้เขาตั้งเอง ชงเอง .....

5. เรื่องเล็กๆ ที่ทำได้ก่อนและควรทำตลอดไป คือ ภาครัฐยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ชุมชน เช่น ค่าจดแจ้ง อย. ค่าบาร์โค้ดรายปี ค่าเนียมขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ฯลฯ.... สิ่งเหล่านี้ รัฐไม่เคยยกเว้น "เก็บทุกเม็ด" (รวมๆปีนึงเป็นหมื่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเล็กๆทำรายได้ปีนึงยังได้กำไรไม่ถึง1-2 หมื่น แล้วจะมีทุนที่ไหนขยาย หาเลี้ยงตัวเองก็ยาก แถมหามาได้ส่งส่วยหมด!) แถมยังต้องนำผลงานไปประเคน จนท.ภาครัฐ ในพื้นที่ไปทำผลงานปรับซี-วิทยฐานะ ซ้ำตีคุณค่า มูลค่า ให้เกรดเลี้ยงไข้กลุ่ม ชุมชนกันตามแต่จะมโนกรรม ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนใดๆเลยก็มีให้เห็น แต่ที่ชาวบ้านต้องทำด้วยและยอมรับมัน เพราะเป็นหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจประทับตรา และชาวบ้านก็ต้องการตราประทับ! จดแจ้ง จัดตั้ง ! ! ! ! ! ถ้าจะช่วยกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยจริงๆ สิ่งเล็กๆเหล่านี้ ควรงด ยกเว้นด้วย และส่งคนในห้องแอร์ลงพื้นที่มาสนับสนุนกลุ่มในด้านความรู้บรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมงานวิจัย ที่นำไปสู่การจดแจ้ง รับรอง ฯลฯ อย่างเป็นรูปธรรม  (ต้องมีการ M&E เจ้าหน้าที่ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด เข้มข้น ไม่ใช่อยากได้อะไรมาบี้เอากับชาวบ้าน)
ข้อสังเกต/ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
     5.1 ที่รัฐบาลทำร้านประชารัฐสุขใจ  ที่สำคัญ "ไปไม่ถึงไหน" ควรขยายจุดนี้ให้เร็ว แรง !!!! และควรประเมินหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ "มือถึง หรือ มีศักยภาพจริงหรือไม่?"

     5.2 เข้าใจว่าเอกชนไม่ได้รับผิดชอบตัวชี้วัดประเทศเรื่องนี้โดยตรง แต่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าใจว่า รับผิดชอบตัวชี้วัดทั้งประเทศ ดังนั้น ระดับ และขนาดที่ขับเคลื่อนต่างกัน เอกชนทำต้นแบบ ทำเป็นจุด แต่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐควรทำทั้งหมด ไหวไหม?? ติดกับดักเอกชนไหม เขาเลือกปลายทางเพื่อธูรกิจเขาหรือเปล่า ??? จากการสังเกตดู หน่วยงานพัฒนาชุมชนต่างๆ ในกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ไม่น่าจะไหวแล้วมั้ง! กอดกระดาษฟลิปชาร์ทปากกาเคมี จินตนาการในสำนักงานไม่ได้แล้วนะ

     5.3 กลุ่มชุมชนต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาได้โดยเป็นธรรมชาติ หรือกลุ่มทางการที่มีการจดแจ้งจัดตั้ง ล้วนมีการระเบิดจากภายใน(จากปัญหา ความต้องการ ความจำเป็น) บนวิถีชีวิต และแนวคิดการดำรงอยู่ของชุมชนนั้นๆ และได้รับการหนุนเสริมจากภายนอก เช่น พช.พอช.เกษตรสหกรณ์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ส่งเสริมบัญชีสหกรณ์จังหวัด เอกชนที่ทำCSR - CSV อปท. ฯลฯ หากได้รับการส่งเสริม สนับสนุน จากตลาดชุมชน สู่ ตลาดแข่งขัน ได้ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านอื่นๆตามมา(ข้อ6) จะเป็นการพัฒนาให้ชุมชนเข้มแข็งจากฐานราก ทั้งด้าน เศรษฐกิจ + สังคม ด้วย

6. น่าสังเกต ว่าปีที่แล้ว บริษัทเบียร์ มีการปรับรสชาติ และรูปลักษณ์ใหม่ จากนั้น ทำการตลาดเจาะไปที่ เยาวชน โดยใช้ลานเบียร์บุกพื้นที่เยาวชน และคอนเสริตต่างๆเป็นเครื่องมือกระจายไปทั่วประเทศ ต่อมาลงพื้นที่เคาะประตูบ้านด้วย ประชารัฐ ทำให้นึกถึง CSR-CSV แบบ ถ อ น ทุ น คื น

( รัฐเป็นเครื่องมือ หรือ ต่างตอบแทน ? )

(อ้างอิงภาพจากกูเกิล เครดิตอยู่ในภาพ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่