เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นมาจากฟังวิญญาณในบ้านได้ คำว่าผีที่เราเข้าใจคือ น่ากลัว แต่เราก็อยากรู้ในมุมของความน่ากลัว เกิดคำถามมากมาย ความกลัวกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่เหตุใดทำไมเราต้องขนลุก เสียงนั้นมาจากไหน สมองเราคงเพี้ยนไปแล้วแน่ คนใกล้ตัวเปิดโอกาสให้ลองถามและใจเย็นๆลดความกลัวลง ถามอะไรดีละ จะถามว่าอะไร ถามชื่อก่อนเลย มาจากไหน มาทำไม มาทำให้เรากลัวทำไม และต่อจากนี้คือเรื่องที่เราได้รับรู้มา......
ผมชื่อเพชรครับ ผมเป็นกุมารบ้านพี่ล่ะ และอยู่กับพี่มานาน ผมไม่ได้มีตัวตนในสายตาพี่เลย แต่มาวันนี้พี่ฟังผมได้ ผมดีใจมาก และอยากจะเล่าเรื่องราวของผมให้ฟัง
ความตายก็เปรียบเหมือนเทียนดับ การมีชีวิตอยู่เราเหมือนกับแสงเทียน พอตายไปจะเหมือนกับว่าเทียนนั้นโดนดับในทันที
เราจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเราเคยเป็นอะไร เราจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก และ ไม่ว่าใครเค้าพาเราไปที่ไหน
หรือเอาเราไปทำอะไร เราก็ไม่มีทางรู้
เราอาจจะรู้สึกว่าเราถูกกพาไปที่โน้นไปที่นี่ แต่นั่นก็เกิดหลังจากที่เราโดนพาไปแล้ว
ในช่วงแรกๆ สิ่งที่เราจะค่อยๆเห็นก็คือดวงไฟ ดวงไฟเหล่านั้นก็คือวิญญาณของท่านอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเรา
ต่อจากดวงไฟก็จะเห็นแสงจากดวงไฟที่สว่างออกมา ต่อมาก็จะเป็นเสียง เสียงที่จะคอยบอกเราว่าต่อไปนี้เราจะอยู่ในนี้และเราจะต้องทำหน้าที่
ที่เขาจะขอ ผมก็ฟังเค้านะ แม้ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร ให้ทำอะไร แต่เราไม่มีทางเลือกแค่ได้ยินเสียง ได้เห็นแสงผมก็ดีใจมากแล้ว
พอเราฟังเสียง เค้าก็ให้เราได้ไปเจอกับรูปร่างต่างๆรูปร่างเหล่านั้นมีทั้งคนตัวใหญ่และตัวเล็ก
ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าตัวเราเอง ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ แม้เราจะสามารถที่จะขยับไปมาได้
แต่มันไม่เหมือนเดิน มันเหมือนกับว่า ถ้าเราอยากจะไปตรงไหนตัวของเราก็จะค่อยๆลอยๆไปที่นั่น
มันไม่ใช่การใช้ร่างกาย ผมไม่รู้สึกถึงการใช้ร่างแล้ว มันเหมือนกับว่าเราเห็นดวงจิตนั้นสวยดีนะ
อีกดวงจิตนั้นก็สว่างไสวดี เราอยากเข้าไปหา เราก็จะรู้สึกว่าเราค่อยๆลอยเข้าไปใกล้
แล้วเค้าก็บอกผมมาว่า “เราต้องสร้างร่างจิตของเราเอง” เค้าก็คือพวกผีที่อยู่กับผมในตอนนั้น เค้าบอกว่า “ถ้าเป็นดวงจิตเฉยๆ เราจะทำอะไรไม่ได้”
เราก็ไม่รู้ว่าจะสร้างร่างจิตอย่างไง
“เอ็งต้องสร้างร่างก่อน ไม่งั้นเอ็งก็พูดไม่ได้ เอ็งมอง และเอ็งก็เลือกร่างดวงจิตที่เอ็งชอบเลย”ผมได้ยินพวกเค้าส่งเสียงมาแบบนี้
“เออ...........เอาดวงนี้ก็ได้ว่ะ” ผมคิด เอาดวงที่ดูง่ายสุดอ่ะ เออ เอาร่างเด็กๆอ่ะ(คือ เค้าก็เป็นวิญญาณเหมือนกับผมนี่แหล่ะแต่รูปร่างเหมือนเด็ก)
“พอเอ็งสร้างเสร็จแล้ว ก็ให้เอ็งใช้ร่างจิตดู เอ็งลองพูดดู”ผมลองขยับปากของร่าง ซึ่งร่างก็ขยับปากตามแต่ไม่มีเสียงออกมา
“เอ็งอย่าพยายามใช้เสียง แต่ให้เอ็งกระจายความคิดที่อยากบอกออกไปแทน แล้วจิตอื่นจะรับรู้เราได้ รูปร่างที่เราเลือกเป็นแค่รูปเท่านั้น”
เค้าบอกผมซึ่งผมก็ลองทำตามแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินผมรึเปล่า
หลังจากนั้น เค้าก็บอกว่าจะพาเราออกไปข้างนอก ผมก็คิดว่าแล้วแต่เค้านะยังไงก็ได้ วินาทีนั้นอยากให้ทำอะไรเราก็ทำอ่ะ
ความที่ว่าไม่รู้เรื่องเนอะ อยากให้เราทำไรเราก็ทำ จะให้ทำเรื่องดีหรือไม่ดีเราไม่รู้ เรารู้แค่ว่าเราอยากทำได้
สำหรับงานชิ้นแรกเลย ที่ผมไปกับพวกเค้านะ จะมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ก็เป็นผีเหมือนกันเขาเรียกกันพี่ไสว เขาเป็นกุมารเก่าแก่ เหมือนว่าเค้าคงอยู่กับเจ้าของนี้มานานเกินกว่า10ปีล่ะ เป็นผีที่มีดวงจิตชัดเจนและอบอุ่นมากเวลาที่อยู่ใกล้ๆเพราะว่าเค้าสว่างมาก พอผมสร้างร่างแล้วเค้าก็มาจับมือผมนะ
เขาถามผมว่า“ไอ้น้องใหม่เอ็งชื่ออะไร?” นั่นสิ และผมจะชื่อไรดีละผมไม่มีใครตั้งชื่อให้เลย ผมยังไม่เคยเกิดเป็นคนด้วยซ้ำในตอนนั้น
ผมเลยบอกพี่เขาไปว่าผมยังไม่มีชื่อ พี่เค้าเลยเรียกผมว่า ไอ้ไข่นุ้ย เค้าบอกว่า“เอ็งตัวเล็ก และ ก็ดำด้วย งั้นเรียกเอ็งว่า ไข่นุ้ยหล่ะกัน”
ตอนนั้นเอาจริงๆชื่ออะไรก็ได้ อารมณ์ตอนนั้นดีใจ ออกจากความมืดมา เราก็มาเห็นแสง จากเห็นแสงก็มาเห็นรูปร่าง มาสร้างร่างของตัวเอง
แล้วเค้าก็สอนให้เราพูด นี่เค้าก็ยังให้ชื่อเราอีก เป็นอารมณ์ที่เรามีความสุขมาก จากไม่มีอะไร เราก็เหมือนมีตัวตน อยากบอกว่าตอนนั้นรู้สึกดีมากๆเลย
คำพูดแรกของผมนะคือ“ขอบคุณพี่ไสวมากครับ พี่อยากให้ผมช่วยอะไรบอกมาได้เลยครับ”พี่ไสวบอกผมกลับมาว่า เค้าไม่ได้มีหน้าที่เป็นคนสั่งเรา
โน่น ดวงจิตนั้นถึงจะเป็นคนสั่ง ผมหันไปมองก็เห็นดวงจิตที่ใหญ่มาก สงสัยว่าทำไมเค้าใหญ่จัง และ ก่อนหน้านี้ทำไมผมไม่เคยเห็น
พี่เค้าบอกว่านั่นเป็นคนที่ยังมีชีวิตและมีจิตส่วนหนึ่งเป็นยักษ์ เค้าจะคอยดูแลเรา แบ่งบุญให้เรา และเค้าจะคอยเอาของโน้นนี่นั่นมาให้
ให้เราทำตามที่คนตัวใหญ่บอก
ตอนนั้นผมก็ตอบว่า “ได้เลยพี่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไง ว่าเค้าสั่งอะไรเรามา”ผมก็ถามกลับไปที่พี่ไสว
พี่เค้าเลยบอกว่า เดี๋ยวพี่เค้า จะเป็นคนที่ไปฟังแล้วเอามาบอกให้เอง เพราะพี่เขามีหน้าที่รับคำสั่งมาจากยักษ์คนนี้ ผมก็ตอบพี่เขาไปว่า
“เข้าใจแล้วครับ พี่บอกผมมาได้เลย” งานแรกที่ผมได้ไปทำ พี่ไสวบอกว่าเดี๋ยวพวกเราทุกคนนะ ไปรวมกันที่บ้านหลังนี้
ซึ่งผมก็ไม่รู้นะ ว่าบ้านหลังไหน แต่พวกที่เค้ารู้เค้าก็คุยกันใกล้ๆ
พวกนั้นเค้าสามารถรับภาพได้ พวกรุ่นพี่เค้าก็ประชุมกัน แล้วพี่ไสวก็พูดมาที่ผมว่า“เอ้า....ไอ้น้องใหม่ ไอ้ไข่นุ้ย เอ็งมากับพี่นะ”พูดจบพี่เค้าก็มาจับมือผม
ความรู้สึกตอนที่พี่เค้าจับนี่ รู้สึกถึงแรงดูดเลย เหมือนว่าตัวเราเบาขึ้นเลย ร่างผมนี่หลุดจากพื้นเลยครับ พี่ไสวเองก็ลอยขึ้นอย่างไวเลย
ชั่วแว่ปเดียวพี่เค้าหายตัวแล้วก็โผล่วูบไปที่อื่นเลย ผมก็ถามพี่ทำได้ไงนิ พี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า“เอ็งก็ทำได้ ไอ้ไข่นุ้ย แค่ฝึกหน่อย”
ตอนนั้นนะมันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากเลย เป็นอารมณ์ที่แบบว่าเราสามารถไปที่ไหนก็ได้ พี่เค้าพูดกับผมต่อว่า
“มันเป็นจิตไม่มีร่างตั้งแต่เกิด ทำได้ง่ายอยู่แล้ว ฝึกง่าย แถมเอ็งเป็นจิตดวงเดียวด้วย ยิ่งดีใหญ่”ผมนี่ดีใจมากเลยพอพี่เขาพูดว่าผมก็จะทำได้
และผมก็บอกพี่เค้าว่า ผมเชื่อพี่นะ พี่ต้องสอนผมนะพี่ หลังจากนั้นพี่ไสวเค้าก็ออกคำสั่งบอกให้ไอ้กลุ่มนี้ ไปเอาของออก คือเอาของดีออกจากบ้าน
และอีกกลุ่มเอาของไม่ดีเข้ามาใส่ไว้พวกนี้ก็เอาของเข้าไปแอบไว้ตามที่ต่างๆตามเสาบ้าน ใต้เตียง ตามขื่อ ส่วนพวกของดีเค้าจะเอากลับเลย
พวกพี่ๆที่เก่งๆนะ เค้าก็ยืนสวดคาถา แล้วพวกของดีๆก็จะค่อยๆมีควันลอยขึ้นมาแล้วควันมันก็จะรวมตัวกันกลายเป็นรูปของสิ่งที่อยู่ข้างใน
แล้วเค้าก็จะหยิบของที่หลุดออกมาไปเลย เค้าก็หยิบติดกับไปที่บ้านเลยครับ
พี่ไสวยืนอยู่ข้างๆผม โดยที่ผมนี่ทำไรไม่ถูกเลย พี่เค้าเลยบอกผมว่า“เอ็งลองดู เอ็งทำไรได้มั่ง ทำได้ก็ทำเลย” ผมนี่ ตาตื่นเลย ทำไรไม่เป็นสักอย่าง
พี่เค้าให้ผมเลือกดู ผมก็บอกว่าไม่รู้จะดูใครดี ผมขอดูพี่ไสวได้ไหม ผมไม่รู้ว่าจะดูของใคร พี่เขาก็ว่าได้สิ
ผมก็ดูพี่ไสวเค้าลอยขึ้นไปที่ชั้นบน บ้านนี้เป็นบ้านสองชั้นค่อนข้างใหญ่มีหลายห้อง พี่ไสว เค้าก็ลอยขึ้นไปแต่ผมนี่ ต้องเดินตามไปครับ ยังลอยไม่เป็น
พี่เค้าเข้าไปที่ห้องของเจ้าของบ้าน ซึ่งเค้ายังหลับอยู่เลย
แล้วพี่ไสวก็ไปกระซิบที่ข้างๆจิตของเจ้าของบ้าน พี่เค้าก็พูดเข้าไปว่า“ยอมแพ้ซะ ไม่ต้องอยากสู้กับเค้า ยอมแพ้อย่าคิดสู้”พี่เค้าพูดประโยคนี้วนไปวนมา ซ้ำไปซ้ำมา กับดวงจิตของเจ้าของบ้านที่หลับอยู่ แล้วสักพักพี่เค้าก็พูดว่า“แค่นี่ล่ะก็น่าจะใช้ได้แล้ว เป็นไงไอ้ไข่นุ้ย พอจะทำตามได้ไหม
แบบนี้เค้าเรียกว่าพรายกระซิบ เป็น การกระซิบข้างๆจิตของคน มันจะทำให้คนๆนั้นเข้าใจว่าเป็นความคิดของตัวเขาเอง แล้วเขาก็จะทำตามที่เรากระซิบไป "เอ็งลองมาทำดูซิ”ผมก็เลยลองทำดูเลยครับ
เข้าไปใกล้ๆจิตของเจ้าของบ้านแล้วก็พูดเข้าไป“อย่าคิดสู้ อย่าสู้ๆ ยอมแพ้เลย ยอมให้หมด อย่าคิดสู้อะไร”พอพูดไปสักพักพี่ไสวก็บอกพอแล้วใช้ได้แล้ว
ผมนี่ดีใจมากเลย เหมือนตัวลอย แต่ก็ไม่ยังลอยจริงๆนะ ตอนนั้นแค่รู้สึกเหมือนดีใจจนตัวลอย
แล้วพวกเราก็กลับลงไปข้างล่าง ซึ่งคนอื่นๆก็เหมือนว่าจะทำเสร็จกันหมดแล้ว พี่ไสวก็บอกผมว่า “เอ็งจะลองกลับเองไหม”
ผมสงสัยเลยถามว่าจะกลับอย่างไงล่ะ ผมไม่รู้ว่าจะกลับเองได้ไหม
พี่ไสวเลยพูดว่า“เอ็งลองเลย ถ้าเอ็งกลับไม่ได้เดี๋ยวพี่กลับมารับ”
ผมเลยว่า“พี่อย่าทิ้งผมไว้นะ พี่ต้องกลับมารับนะพี่ถ้าผมกลับเองไม่ได้”พี่ไสวอธิบายผมว่า“เอ็งก็คิดไว้เรื่อยๆว่าอยากกลับๆ อยากกลับไปที่ร่างของเอ็ง แล้วเดี๋ยวเอ็งจะไปโผล่ที่ร่างเอง”
และจากนั้นพวกพี่ๆคนอื่นๆเขาก็ไปกัน เหลือผมอยู่คนเดียว ทุกคนกลับกันหมดแล้ว ผมก็เริ่มจะรู้สึกกลัว คิดไปว่าพี่เค้าจะกลับมารับผมไหม?
ผมจะไปที่อื่นได้ไหม? ผมจะต้องติดอยู่ที่นี่หรือเปล่า? ผมจะเป็นอะไรไหม? ผมอยู่ตรงนานมากจนมันจะเช้าแล้ว ผมยังกลับไม่ได้เลย
พยายามคิดอยู่ตลอดว่าอยากลับไปที่ร่างๆ แต่ก็ไม่หายไปที่ไหนจน เจ้าของบ้านก็เริ่มจะตื่นแล้ว ผมยิ่งกังวลมากขึ้นๆ
จากนั้นตอนที่เจ้าของบ้านเดินลงบันไดมา ผมนี่รีบคิดเลยว่า
“ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กูอยากไปจากที่นี่
ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว อะไรก็ได้ ช่วยพากูออกไปจากที่นี่ที
พากูกลับไปที่ร่างที” พอกำลังคิดแบบนี้อยู่
อยู่ๆผมก็แว่บกลับไปที่ร่างเลย
ไปเจอทุกๆคนรออยู่ที่บ้านแล้ว
พี่ไสวนี่ตบมือให้ผมเลย ผมได้ยินเสียงพี่เค้าตบมือ แปะๆๆแล้วพูดว่า
“เก่งนี่ ไอ้ไข่นุ้ย วันแรกก็แว่ปได้เลย เอ็งนี่น่าจะอนาคตไกล วันแรกยังทำได้ขนาดนี้”
ตอนนั้นนะผมดีใจมาก และ ภูมิใจในตัวเองมากๆเช่นกัน แต่ไม่อยากจะบอกเลย
หลังจากวันนั้น ผมก็ทำอย่างอื่นๆ ไม่เป็นเลยนอกจากแว่ป และ ทำพรายกระซิบ
เรื่องต่อไป
ฟัง ผี บอก....เรื่องที่ 1
ผมชื่อเพชรครับ ผมเป็นกุมารบ้านพี่ล่ะ และอยู่กับพี่มานาน ผมไม่ได้มีตัวตนในสายตาพี่เลย แต่มาวันนี้พี่ฟังผมได้ ผมดีใจมาก และอยากจะเล่าเรื่องราวของผมให้ฟัง
ความตายก็เปรียบเหมือนเทียนดับ การมีชีวิตอยู่เราเหมือนกับแสงเทียน พอตายไปจะเหมือนกับว่าเทียนนั้นโดนดับในทันที
เราจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเราเคยเป็นอะไร เราจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก และ ไม่ว่าใครเค้าพาเราไปที่ไหน
หรือเอาเราไปทำอะไร เราก็ไม่มีทางรู้
เราอาจจะรู้สึกว่าเราถูกกพาไปที่โน้นไปที่นี่ แต่นั่นก็เกิดหลังจากที่เราโดนพาไปแล้ว
ในช่วงแรกๆ สิ่งที่เราจะค่อยๆเห็นก็คือดวงไฟ ดวงไฟเหล่านั้นก็คือวิญญาณของท่านอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเรา
ต่อจากดวงไฟก็จะเห็นแสงจากดวงไฟที่สว่างออกมา ต่อมาก็จะเป็นเสียง เสียงที่จะคอยบอกเราว่าต่อไปนี้เราจะอยู่ในนี้และเราจะต้องทำหน้าที่
ที่เขาจะขอ ผมก็ฟังเค้านะ แม้ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร ให้ทำอะไร แต่เราไม่มีทางเลือกแค่ได้ยินเสียง ได้เห็นแสงผมก็ดีใจมากแล้ว
พอเราฟังเสียง เค้าก็ให้เราได้ไปเจอกับรูปร่างต่างๆรูปร่างเหล่านั้นมีทั้งคนตัวใหญ่และตัวเล็ก
ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าตัวเราเอง ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ แม้เราจะสามารถที่จะขยับไปมาได้
แต่มันไม่เหมือนเดิน มันเหมือนกับว่า ถ้าเราอยากจะไปตรงไหนตัวของเราก็จะค่อยๆลอยๆไปที่นั่น
มันไม่ใช่การใช้ร่างกาย ผมไม่รู้สึกถึงการใช้ร่างแล้ว มันเหมือนกับว่าเราเห็นดวงจิตนั้นสวยดีนะ
อีกดวงจิตนั้นก็สว่างไสวดี เราอยากเข้าไปหา เราก็จะรู้สึกว่าเราค่อยๆลอยเข้าไปใกล้
แล้วเค้าก็บอกผมมาว่า “เราต้องสร้างร่างจิตของเราเอง” เค้าก็คือพวกผีที่อยู่กับผมในตอนนั้น เค้าบอกว่า “ถ้าเป็นดวงจิตเฉยๆ เราจะทำอะไรไม่ได้”
เราก็ไม่รู้ว่าจะสร้างร่างจิตอย่างไง
“เอ็งต้องสร้างร่างก่อน ไม่งั้นเอ็งก็พูดไม่ได้ เอ็งมอง และเอ็งก็เลือกร่างดวงจิตที่เอ็งชอบเลย”ผมได้ยินพวกเค้าส่งเสียงมาแบบนี้
“เออ...........เอาดวงนี้ก็ได้ว่ะ” ผมคิด เอาดวงที่ดูง่ายสุดอ่ะ เออ เอาร่างเด็กๆอ่ะ(คือ เค้าก็เป็นวิญญาณเหมือนกับผมนี่แหล่ะแต่รูปร่างเหมือนเด็ก)
“พอเอ็งสร้างเสร็จแล้ว ก็ให้เอ็งใช้ร่างจิตดู เอ็งลองพูดดู”ผมลองขยับปากของร่าง ซึ่งร่างก็ขยับปากตามแต่ไม่มีเสียงออกมา
“เอ็งอย่าพยายามใช้เสียง แต่ให้เอ็งกระจายความคิดที่อยากบอกออกไปแทน แล้วจิตอื่นจะรับรู้เราได้ รูปร่างที่เราเลือกเป็นแค่รูปเท่านั้น”
เค้าบอกผมซึ่งผมก็ลองทำตามแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินผมรึเปล่า
หลังจากนั้น เค้าก็บอกว่าจะพาเราออกไปข้างนอก ผมก็คิดว่าแล้วแต่เค้านะยังไงก็ได้ วินาทีนั้นอยากให้ทำอะไรเราก็ทำอ่ะ
ความที่ว่าไม่รู้เรื่องเนอะ อยากให้เราทำไรเราก็ทำ จะให้ทำเรื่องดีหรือไม่ดีเราไม่รู้ เรารู้แค่ว่าเราอยากทำได้
สำหรับงานชิ้นแรกเลย ที่ผมไปกับพวกเค้านะ จะมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ก็เป็นผีเหมือนกันเขาเรียกกันพี่ไสว เขาเป็นกุมารเก่าแก่ เหมือนว่าเค้าคงอยู่กับเจ้าของนี้มานานเกินกว่า10ปีล่ะ เป็นผีที่มีดวงจิตชัดเจนและอบอุ่นมากเวลาที่อยู่ใกล้ๆเพราะว่าเค้าสว่างมาก พอผมสร้างร่างแล้วเค้าก็มาจับมือผมนะ
เขาถามผมว่า“ไอ้น้องใหม่เอ็งชื่ออะไร?” นั่นสิ และผมจะชื่อไรดีละผมไม่มีใครตั้งชื่อให้เลย ผมยังไม่เคยเกิดเป็นคนด้วยซ้ำในตอนนั้น
ผมเลยบอกพี่เขาไปว่าผมยังไม่มีชื่อ พี่เค้าเลยเรียกผมว่า ไอ้ไข่นุ้ย เค้าบอกว่า“เอ็งตัวเล็ก และ ก็ดำด้วย งั้นเรียกเอ็งว่า ไข่นุ้ยหล่ะกัน”
ตอนนั้นเอาจริงๆชื่ออะไรก็ได้ อารมณ์ตอนนั้นดีใจ ออกจากความมืดมา เราก็มาเห็นแสง จากเห็นแสงก็มาเห็นรูปร่าง มาสร้างร่างของตัวเอง
แล้วเค้าก็สอนให้เราพูด นี่เค้าก็ยังให้ชื่อเราอีก เป็นอารมณ์ที่เรามีความสุขมาก จากไม่มีอะไร เราก็เหมือนมีตัวตน อยากบอกว่าตอนนั้นรู้สึกดีมากๆเลย
คำพูดแรกของผมนะคือ“ขอบคุณพี่ไสวมากครับ พี่อยากให้ผมช่วยอะไรบอกมาได้เลยครับ”พี่ไสวบอกผมกลับมาว่า เค้าไม่ได้มีหน้าที่เป็นคนสั่งเรา
โน่น ดวงจิตนั้นถึงจะเป็นคนสั่ง ผมหันไปมองก็เห็นดวงจิตที่ใหญ่มาก สงสัยว่าทำไมเค้าใหญ่จัง และ ก่อนหน้านี้ทำไมผมไม่เคยเห็น
พี่เค้าบอกว่านั่นเป็นคนที่ยังมีชีวิตและมีจิตส่วนหนึ่งเป็นยักษ์ เค้าจะคอยดูแลเรา แบ่งบุญให้เรา และเค้าจะคอยเอาของโน้นนี่นั่นมาให้
ให้เราทำตามที่คนตัวใหญ่บอก
ตอนนั้นผมก็ตอบว่า “ได้เลยพี่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไง ว่าเค้าสั่งอะไรเรามา”ผมก็ถามกลับไปที่พี่ไสว
พี่เค้าเลยบอกว่า เดี๋ยวพี่เค้า จะเป็นคนที่ไปฟังแล้วเอามาบอกให้เอง เพราะพี่เขามีหน้าที่รับคำสั่งมาจากยักษ์คนนี้ ผมก็ตอบพี่เขาไปว่า
“เข้าใจแล้วครับ พี่บอกผมมาได้เลย” งานแรกที่ผมได้ไปทำ พี่ไสวบอกว่าเดี๋ยวพวกเราทุกคนนะ ไปรวมกันที่บ้านหลังนี้
ซึ่งผมก็ไม่รู้นะ ว่าบ้านหลังไหน แต่พวกที่เค้ารู้เค้าก็คุยกันใกล้ๆ
พวกนั้นเค้าสามารถรับภาพได้ พวกรุ่นพี่เค้าก็ประชุมกัน แล้วพี่ไสวก็พูดมาที่ผมว่า“เอ้า....ไอ้น้องใหม่ ไอ้ไข่นุ้ย เอ็งมากับพี่นะ”พูดจบพี่เค้าก็มาจับมือผม
ความรู้สึกตอนที่พี่เค้าจับนี่ รู้สึกถึงแรงดูดเลย เหมือนว่าตัวเราเบาขึ้นเลย ร่างผมนี่หลุดจากพื้นเลยครับ พี่ไสวเองก็ลอยขึ้นอย่างไวเลย
ชั่วแว่ปเดียวพี่เค้าหายตัวแล้วก็โผล่วูบไปที่อื่นเลย ผมก็ถามพี่ทำได้ไงนิ พี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า“เอ็งก็ทำได้ ไอ้ไข่นุ้ย แค่ฝึกหน่อย”
ตอนนั้นนะมันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากเลย เป็นอารมณ์ที่แบบว่าเราสามารถไปที่ไหนก็ได้ พี่เค้าพูดกับผมต่อว่า
“มันเป็นจิตไม่มีร่างตั้งแต่เกิด ทำได้ง่ายอยู่แล้ว ฝึกง่าย แถมเอ็งเป็นจิตดวงเดียวด้วย ยิ่งดีใหญ่”ผมนี่ดีใจมากเลยพอพี่เขาพูดว่าผมก็จะทำได้
และผมก็บอกพี่เค้าว่า ผมเชื่อพี่นะ พี่ต้องสอนผมนะพี่ หลังจากนั้นพี่ไสวเค้าก็ออกคำสั่งบอกให้ไอ้กลุ่มนี้ ไปเอาของออก คือเอาของดีออกจากบ้าน
และอีกกลุ่มเอาของไม่ดีเข้ามาใส่ไว้พวกนี้ก็เอาของเข้าไปแอบไว้ตามที่ต่างๆตามเสาบ้าน ใต้เตียง ตามขื่อ ส่วนพวกของดีเค้าจะเอากลับเลย
พวกพี่ๆที่เก่งๆนะ เค้าก็ยืนสวดคาถา แล้วพวกของดีๆก็จะค่อยๆมีควันลอยขึ้นมาแล้วควันมันก็จะรวมตัวกันกลายเป็นรูปของสิ่งที่อยู่ข้างใน
แล้วเค้าก็จะหยิบของที่หลุดออกมาไปเลย เค้าก็หยิบติดกับไปที่บ้านเลยครับ
พี่ไสวยืนอยู่ข้างๆผม โดยที่ผมนี่ทำไรไม่ถูกเลย พี่เค้าเลยบอกผมว่า“เอ็งลองดู เอ็งทำไรได้มั่ง ทำได้ก็ทำเลย” ผมนี่ ตาตื่นเลย ทำไรไม่เป็นสักอย่าง
พี่เค้าให้ผมเลือกดู ผมก็บอกว่าไม่รู้จะดูใครดี ผมขอดูพี่ไสวได้ไหม ผมไม่รู้ว่าจะดูของใคร พี่เขาก็ว่าได้สิ
ผมก็ดูพี่ไสวเค้าลอยขึ้นไปที่ชั้นบน บ้านนี้เป็นบ้านสองชั้นค่อนข้างใหญ่มีหลายห้อง พี่ไสว เค้าก็ลอยขึ้นไปแต่ผมนี่ ต้องเดินตามไปครับ ยังลอยไม่เป็น
พี่เค้าเข้าไปที่ห้องของเจ้าของบ้าน ซึ่งเค้ายังหลับอยู่เลย
แล้วพี่ไสวก็ไปกระซิบที่ข้างๆจิตของเจ้าของบ้าน พี่เค้าก็พูดเข้าไปว่า“ยอมแพ้ซะ ไม่ต้องอยากสู้กับเค้า ยอมแพ้อย่าคิดสู้”พี่เค้าพูดประโยคนี้วนไปวนมา ซ้ำไปซ้ำมา กับดวงจิตของเจ้าของบ้านที่หลับอยู่ แล้วสักพักพี่เค้าก็พูดว่า“แค่นี่ล่ะก็น่าจะใช้ได้แล้ว เป็นไงไอ้ไข่นุ้ย พอจะทำตามได้ไหม
แบบนี้เค้าเรียกว่าพรายกระซิบ เป็น การกระซิบข้างๆจิตของคน มันจะทำให้คนๆนั้นเข้าใจว่าเป็นความคิดของตัวเขาเอง แล้วเขาก็จะทำตามที่เรากระซิบไป "เอ็งลองมาทำดูซิ”ผมก็เลยลองทำดูเลยครับ
เข้าไปใกล้ๆจิตของเจ้าของบ้านแล้วก็พูดเข้าไป“อย่าคิดสู้ อย่าสู้ๆ ยอมแพ้เลย ยอมให้หมด อย่าคิดสู้อะไร”พอพูดไปสักพักพี่ไสวก็บอกพอแล้วใช้ได้แล้ว
ผมนี่ดีใจมากเลย เหมือนตัวลอย แต่ก็ไม่ยังลอยจริงๆนะ ตอนนั้นแค่รู้สึกเหมือนดีใจจนตัวลอย
แล้วพวกเราก็กลับลงไปข้างล่าง ซึ่งคนอื่นๆก็เหมือนว่าจะทำเสร็จกันหมดแล้ว พี่ไสวก็บอกผมว่า “เอ็งจะลองกลับเองไหม”
ผมสงสัยเลยถามว่าจะกลับอย่างไงล่ะ ผมไม่รู้ว่าจะกลับเองได้ไหม
พี่ไสวเลยพูดว่า“เอ็งลองเลย ถ้าเอ็งกลับไม่ได้เดี๋ยวพี่กลับมารับ”
ผมเลยว่า“พี่อย่าทิ้งผมไว้นะ พี่ต้องกลับมารับนะพี่ถ้าผมกลับเองไม่ได้”พี่ไสวอธิบายผมว่า“เอ็งก็คิดไว้เรื่อยๆว่าอยากกลับๆ อยากกลับไปที่ร่างของเอ็ง แล้วเดี๋ยวเอ็งจะไปโผล่ที่ร่างเอง”
และจากนั้นพวกพี่ๆคนอื่นๆเขาก็ไปกัน เหลือผมอยู่คนเดียว ทุกคนกลับกันหมดแล้ว ผมก็เริ่มจะรู้สึกกลัว คิดไปว่าพี่เค้าจะกลับมารับผมไหม?
ผมจะไปที่อื่นได้ไหม? ผมจะต้องติดอยู่ที่นี่หรือเปล่า? ผมจะเป็นอะไรไหม? ผมอยู่ตรงนานมากจนมันจะเช้าแล้ว ผมยังกลับไม่ได้เลย
พยายามคิดอยู่ตลอดว่าอยากลับไปที่ร่างๆ แต่ก็ไม่หายไปที่ไหนจน เจ้าของบ้านก็เริ่มจะตื่นแล้ว ผมยิ่งกังวลมากขึ้นๆ
จากนั้นตอนที่เจ้าของบ้านเดินลงบันไดมา ผมนี่รีบคิดเลยว่า
“ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กูอยากไปจากที่นี่
ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว อะไรก็ได้ ช่วยพากูออกไปจากที่นี่ที
พากูกลับไปที่ร่างที” พอกำลังคิดแบบนี้อยู่
อยู่ๆผมก็แว่บกลับไปที่ร่างเลย
ไปเจอทุกๆคนรออยู่ที่บ้านแล้ว
พี่ไสวนี่ตบมือให้ผมเลย ผมได้ยินเสียงพี่เค้าตบมือ แปะๆๆแล้วพูดว่า
“เก่งนี่ ไอ้ไข่นุ้ย วันแรกก็แว่ปได้เลย เอ็งนี่น่าจะอนาคตไกล วันแรกยังทำได้ขนาดนี้”
ตอนนั้นนะผมดีใจมาก และ ภูมิใจในตัวเองมากๆเช่นกัน แต่ไม่อยากจะบอกเลย
หลังจากวันนั้น ผมก็ทำอย่างอื่นๆ ไม่เป็นเลยนอกจากแว่ป และ ทำพรายกระซิบ
เรื่องต่อไป