รถจักรไอน้ำ (Steam locomotive)
เป็น รถไฟในยุคแรกที่ใช้กลไกของแรงดันไอ (น้ำ) ในการผลักดันให้ล้อรถหมุนและทำให้รถเคลื่อนที่
ซึ่งในปัจจุบันรถจักรประเภทนี้แทบไม่มีใช้ให้เห็นกันแล้ว
ที่มาของรถจักรไอน้ำ
หลังจากปี ค.ศ. 1768 เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษสามารถสร้างเครื่องจักรไอน้ำได้สำเร็จได้มีนักประดิษฐ์จำนวนมากนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรชนิดต่างๆมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ
วิชาร์ดทราวิค (Richard Travick) วิศวกรชาวอังกฤษที่ได้ทำการสร้างรถจักรไอน้ำเป็นผลสำเร็จ ซึ่งรถจักรไอน้ำนี้ยังเป็นล้อธรรมดาและวิ่งบนถนนอยู่
ต่อมาทางเหมืองแร่ที่ จอร์จ สตีเฟนสัน : George Stephenson ทำงานอยู่ได้นำรถจักรไอน้ำนี้มาใช้ในการขนถ่านหิน แต่รถจักรของวิชาร์ดทราวิคนั้นยังมีข้อเสียอยู่หลายอย่างทั้งเรื่องความเร็ว และยังทำความเสียหายแก่ถนนเพราะน้ำหนักการบรรทุกที่มาก จึงได้มีการสร้างรางเหล็กให้รถจักรนี้วิ่งซึ่งเป็นการกำจัดปัญหาการทำให้ถนนพัง แต่เมื่อมีการวิ่งรถบนรางแล้วรถจักรก็ ยังคงตกรางอยู่บ่อยๆ จึงได้มีการปรับปรุงล้อรถจักรเสียใหม่ จากเดิมที่เป็นล้อธรรมดาก็ให้เปลี่ยนเป็นล้อเหล็กและมีร่องสำหรับ วิ่งบนรางเหล็กอีกด้วย
ต่อมา จอร์จ สตีเฟนสัน ได้นำรถจักรนี้ไปพัฒนาให้มีความเร็วมากยิ่งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1814 รถจักรของสตีเฟนสันมีตัวถึงเป็นไม้ มีล้อเหล็ก 4 ล้อ วิ่งได้ 4 ไมล์ต่อชั่วโมงสามารถลากรถถ่านหินได้ถึง 30 ตัน
สตีเฟนสันตั้งชื่อรถของเขาว่า บลูเซอร์ (Blueser) ระหว่างนั้นเองเอ็ดเวิร์ด พิส (Edward Piss) ได้สร้างทางรถไฟจากเมืองสตอคตัน (Stockton) ไปยังเมืองดาร์ริงตัน (Daringtion) สตีเฟนสันจึงได้นำรถจักรของเขาไปเสนอแก่พิสเพื่อหวังให้พิสเห็นดีกับรถของเขาและให้การสนับสนุน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด พิสสนับสนุนเขาในการสร้างหัวรถจักรด้วยเงินเดือนปีละ300ปอนด์และรถจักรไอน้ำก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นจนทำให้บรรดาเจ้าของรถม้าที่เสียผลประโยชน์ไม่พอใจ และทำการขัดขวางการทำงานของสตีเฟนสันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งรัฐบาลอังกฤษเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบการขนส่งด้วยรถจักร จึงประกาศใช้กฤษฎีกาใช้สร้างทางรถไฟขึ้นในปี ค.ศ. 1826 ระหว่างเมืองแมนเชสเตอร์ (Manchester) ถึงเมืองลิเวอร์พูล (Liverpool) ซึ่งการสร้างทางรถไฟสายนี้มีความยากลำบากมากแต่ในที่สุดสตีเฟนสันก็สามารถสร้างทางรถไฟจากแมนเชสเตอร์ไปถึงเมืองลิเวอร์พูลได้สำเร็จ กิจการรถไฟจึงเป็นที่นิยมมากขึ้น และเริ่มแพร่ขยายตัวไปยังเมืองต่างๆในอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็เริ่มแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ภาพรถไฟเล็ควิคตอเรีย
รถไฟเล็กวิคตอเรีย เป็นรถไฟที่แล่นได้ขบวนแรกที่ชาวสยามได้เห็นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รถไฟเล็กขบวนนี้ ควีนวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษได้ให้ราชทูตอังกฤษนำมาถวายเป็นราชบรรณาการแด่รัชกาลที่ 4 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2398 รถไฟชบวนนี้มีรางมาพร้อมำนมาติดตั้งแล่นให้ชาวสยามได้ชมกันจริง ๆ
ภาพนี้ถ่ายมาจากพิพิธภัณฑ์รถไฟ ของชมรมเรารักรถไฟ หลังสวนจตุจักร ซึ่งได้จำลองไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้มาชมกัน ส่วนรถไฟจำลองขบวนจริงเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
รถไฟสายแรกของเมืองไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดการเดินรถไฟสายแรกของเมืองไทยจาก กรุงเทพ ถึง สมุทรปราการ หรือ "รถไฟสายปากน้ำ" ที่ปากน้ำสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2436
ทางรถไฟสายนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้บริษัทเอกชนเดนมาร์คเริ่มก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2434
สังเกตุ ที่หัวรถจักรจะติดป้าย "ปากน้ำ" ไว้ด้วย
___ เวลา มีรายการตอบคำถาม ว่ารถไฟสายแรก ของไทยคือ.. สาย......
ส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า กรุงเทพ อยุธยา .. ซึ่ง สายที่มาปากน้ำนี้ จะมีหมุดปักจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณหน้าสถานีหัวลำโพง.
สมัยแรกใช้หัวรถจักรวิ่ง ต่อมาเปลียนเป็น รถไฟฟ้า ซึ่งไทยเราเป็นชาติที่สอง ต่อจากญี่ปุ่นที่มีการให้บริการด้วย รถรางไฟฟ้า หรือจะเรียกรถรางดีละ.
กระทู้จากล็อกอินเดิม
http://pantip.com/topic/32463698
______________________________
จากนี้ก็เป็นรถไฟ ที่นำเสด็จรัชกาลที่ 5 จาก กรุงเทพ ไปอยุธยา ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
และวันนี้เราก็รักษา มาตราฐานได้เช่นเดิม คือ ไปอยุธยา รถไฟไทยก็ยัง 2 ชั่วโมงเช่นเดิม
หัวรถจักรไอน้ำ ดู๊บส์
หัวรถจักรไอน้ำ ดู๊บส์ วางแบบล้อ 2-4-0 เป็นหัวรถจักรที่ใช้ลากจูงขบวนรถไฟพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จพระราชดำเนินในวัน "ปฐมฤกษ์รถไฟหลวง" จากกรุงเทพ ถึง อยุธยา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 และในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2439 รถจักรไอน้ำ ดู๊บส์ ได้ลากจูงขบวนรถไฟให้ประชาชนได้โดยสารเป็นครั้งแรก
ย้อนดูการรถไฟไทยในอดีต หัวรถจักรไอน้ำไทยคันแรก และ รถจักรไอน้ำคันสุดท้าย.
เป็น รถไฟในยุคแรกที่ใช้กลไกของแรงดันไอ (น้ำ) ในการผลักดันให้ล้อรถหมุนและทำให้รถเคลื่อนที่
ซึ่งในปัจจุบันรถจักรประเภทนี้แทบไม่มีใช้ให้เห็นกันแล้ว
ที่มาของรถจักรไอน้ำ
หลังจากปี ค.ศ. 1768 เจมส์ วัตต์ (James Watt) นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษสามารถสร้างเครื่องจักรไอน้ำได้สำเร็จได้มีนักประดิษฐ์จำนวนมากนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรชนิดต่างๆมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ
วิชาร์ดทราวิค (Richard Travick) วิศวกรชาวอังกฤษที่ได้ทำการสร้างรถจักรไอน้ำเป็นผลสำเร็จ ซึ่งรถจักรไอน้ำนี้ยังเป็นล้อธรรมดาและวิ่งบนถนนอยู่
ต่อมาทางเหมืองแร่ที่ จอร์จ สตีเฟนสัน : George Stephenson ทำงานอยู่ได้นำรถจักรไอน้ำนี้มาใช้ในการขนถ่านหิน แต่รถจักรของวิชาร์ดทราวิคนั้นยังมีข้อเสียอยู่หลายอย่างทั้งเรื่องความเร็ว และยังทำความเสียหายแก่ถนนเพราะน้ำหนักการบรรทุกที่มาก จึงได้มีการสร้างรางเหล็กให้รถจักรนี้วิ่งซึ่งเป็นการกำจัดปัญหาการทำให้ถนนพัง แต่เมื่อมีการวิ่งรถบนรางแล้วรถจักรก็ ยังคงตกรางอยู่บ่อยๆ จึงได้มีการปรับปรุงล้อรถจักรเสียใหม่ จากเดิมที่เป็นล้อธรรมดาก็ให้เปลี่ยนเป็นล้อเหล็กและมีร่องสำหรับ วิ่งบนรางเหล็กอีกด้วย
ต่อมา จอร์จ สตีเฟนสัน ได้นำรถจักรนี้ไปพัฒนาให้มีความเร็วมากยิ่งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1814 รถจักรของสตีเฟนสันมีตัวถึงเป็นไม้ มีล้อเหล็ก 4 ล้อ วิ่งได้ 4 ไมล์ต่อชั่วโมงสามารถลากรถถ่านหินได้ถึง 30 ตัน
สตีเฟนสันตั้งชื่อรถของเขาว่า บลูเซอร์ (Blueser) ระหว่างนั้นเองเอ็ดเวิร์ด พิส (Edward Piss) ได้สร้างทางรถไฟจากเมืองสตอคตัน (Stockton) ไปยังเมืองดาร์ริงตัน (Daringtion) สตีเฟนสันจึงได้นำรถจักรของเขาไปเสนอแก่พิสเพื่อหวังให้พิสเห็นดีกับรถของเขาและให้การสนับสนุน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด พิสสนับสนุนเขาในการสร้างหัวรถจักรด้วยเงินเดือนปีละ300ปอนด์และรถจักรไอน้ำก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นจนทำให้บรรดาเจ้าของรถม้าที่เสียผลประโยชน์ไม่พอใจ และทำการขัดขวางการทำงานของสตีเฟนสันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งรัฐบาลอังกฤษเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบการขนส่งด้วยรถจักร จึงประกาศใช้กฤษฎีกาใช้สร้างทางรถไฟขึ้นในปี ค.ศ. 1826 ระหว่างเมืองแมนเชสเตอร์ (Manchester) ถึงเมืองลิเวอร์พูล (Liverpool) ซึ่งการสร้างทางรถไฟสายนี้มีความยากลำบากมากแต่ในที่สุดสตีเฟนสันก็สามารถสร้างทางรถไฟจากแมนเชสเตอร์ไปถึงเมืองลิเวอร์พูลได้สำเร็จ กิจการรถไฟจึงเป็นที่นิยมมากขึ้น และเริ่มแพร่ขยายตัวไปยังเมืองต่างๆในอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็เริ่มแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ภาพรถไฟเล็ควิคตอเรีย
รถไฟเล็กวิคตอเรีย เป็นรถไฟที่แล่นได้ขบวนแรกที่ชาวสยามได้เห็นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รถไฟเล็กขบวนนี้ ควีนวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษได้ให้ราชทูตอังกฤษนำมาถวายเป็นราชบรรณาการแด่รัชกาลที่ 4 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2398 รถไฟชบวนนี้มีรางมาพร้อมำนมาติดตั้งแล่นให้ชาวสยามได้ชมกันจริง ๆ
ภาพนี้ถ่ายมาจากพิพิธภัณฑ์รถไฟ ของชมรมเรารักรถไฟ หลังสวนจตุจักร ซึ่งได้จำลองไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้มาชมกัน ส่วนรถไฟจำลองขบวนจริงเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
รถไฟสายแรกของเมืองไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดการเดินรถไฟสายแรกของเมืองไทยจาก กรุงเทพ ถึง สมุทรปราการ หรือ "รถไฟสายปากน้ำ" ที่ปากน้ำสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2436
ทางรถไฟสายนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้บริษัทเอกชนเดนมาร์คเริ่มก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2434
สังเกตุ ที่หัวรถจักรจะติดป้าย "ปากน้ำ" ไว้ด้วย
___ เวลา มีรายการตอบคำถาม ว่ารถไฟสายแรก ของไทยคือ.. สาย......
ส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า กรุงเทพ อยุธยา .. ซึ่ง สายที่มาปากน้ำนี้ จะมีหมุดปักจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณหน้าสถานีหัวลำโพง.
สมัยแรกใช้หัวรถจักรวิ่ง ต่อมาเปลียนเป็น รถไฟฟ้า ซึ่งไทยเราเป็นชาติที่สอง ต่อจากญี่ปุ่นที่มีการให้บริการด้วย รถรางไฟฟ้า หรือจะเรียกรถรางดีละ.
กระทู้จากล็อกอินเดิม
http://pantip.com/topic/32463698
______________________________
จากนี้ก็เป็นรถไฟ ที่นำเสด็จรัชกาลที่ 5 จาก กรุงเทพ ไปอยุธยา ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
และวันนี้เราก็รักษา มาตราฐานได้เช่นเดิม คือ ไปอยุธยา รถไฟไทยก็ยัง 2 ชั่วโมงเช่นเดิม
หัวรถจักรไอน้ำ ดู๊บส์
หัวรถจักรไอน้ำ ดู๊บส์ วางแบบล้อ 2-4-0 เป็นหัวรถจักรที่ใช้ลากจูงขบวนรถไฟพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จพระราชดำเนินในวัน "ปฐมฤกษ์รถไฟหลวง" จากกรุงเทพ ถึง อยุธยา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 และในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2439 รถจักรไอน้ำ ดู๊บส์ ได้ลากจูงขบวนรถไฟให้ประชาชนได้โดยสารเป็นครั้งแรก