รีวิวนี้เกิดจากการนั่งดูรูปไปเที่ยวเก่าๆในคอม แล้วคิดถึงอากาศหนาวๆที่เคยไปสัมผัสเมื่อช่วงปีใหม่ 2015 ที่ผ่านมา
เป็นการไปเที่ยวของผู้หญิง 2 คนแบบอึนๆ ทั้งเกือบตกรถ และ เกือบกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯไม่ทันเพราะรถขากลับเต็ม...
ไม่ขอเกริ่นให้มากมายมาเริ่มดูการเดินทางของพวกเรากันเถอะ!
เริ่มทริปก็หมี่เหลือง!
เราเริ่มเดินทางกันวันที่ 30 ธ.ค. 2014เนื่องจากหมอชิต ผดส.เยอะมาก
จึงมาขึ้นรถที่กรมขนส่งทางบก เส้นทาง กทม. - เลย (รอบ 3 ทุ่ม)
เพื่อไปซื้อตั๋วรถ เลย – หลวงพระบาง รอบ9 โมงเช้า (700 B / มีวันละรอบเท่านั้น)
เราคำนวนเวลากันแล้วว่าต้องถึงบขส.เลยให้ทันซื้อตั๋วรถไปหลวงพระบางก่อน 8 โมงแน่นอน
แต่เราคิดผิด ปีใหม่รถติดมากTT คิดว่าไม่ทันแน่ๆ เลยให้พี่จนท.บนรถช่วยโทรไปหาทาง บขส.เลย ให้ช่วยรอหน่อย
เพราะว่าได้โทรจองตั๋วไว้ก่อนหน้านี้แล้ว สรุปพอเราไปถึง บขส.เลย จนท.แจ้งว่ารถออกไปก่อนหน้าเรา 5 นาที TT
เราเลยต้องนั่งแท็กซี่ตามไป (ดีนะที่รถจอดคอยกลางทาง รอดตัวววว เสียค่าแท็กซี่ไป 50 บาท)
รถที่เราได้นั่งเป็นรถลาว มีที่นั่งเสริมเพียบ ไม่ค่อยมีคนไทยเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนลาวเขานั่งกลับบ้านปีใหม่กัน
มีแวะให้กินข้าวกลางทางที่ลาว มีอาหารให้เลือกแค่ 2 อย่าง ข้าวผัด,เฝอ เขาจะถามตั้งแต่ตอนขึ้นรถ
ระหว่างทาง อ.ท่าลี่ จ.เลย ไปด่านต.ม. วิวธรรมชาติตลอดทาง สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี ดูได้จากถ่ายรูปมาไม่ติดเสาไฟฟ้า
ไปหลวงพระบางเส้นทางนี้ มีภูเขาตลอดทาง โค้งเยอะมากกกกก 1 นาทีมากกว่า 10 โค้ง นั่งดูวิวได้เพลินๆ
เราถึงหลวงพระบางกันประมาณ 2 ทุ่ม รถมาจอดที่ บขส.จังหวัด ลงรถปุ๊บสัมผัสได้ถึงความหนาวววว
ที่บขส.จะมีพวกรถสามล้อคอยเหมารับไปส่งที่ รร. คนละประมาณ 40 บาท
พวกเราไปถึง รร. รีบเก็บของและออกไปหาของกินที่ ไนท์มาร์เก็ต กัน ต้องเดินออกไปประมาณ 10 นาที
เพราะเราเลือก รร.ห่างออกไปนิดหน่อยกันเสียงดังจากนักท่องเที่ยว 555
มาที่นี่คนที่ รร.แนะนำมาว่าต้องกินบุบเฟ่ต์ ซึ่งจะมีจานให้ 1จาน เราตักเท่าไหร่ก็ได้ (80บาท)
แล้วเขาก็จะเอาไปผัดในกระทะร้อนๆยำรวมกันมาเสริฟ์ให้เรา จะมีพวกเส้นต่างๆ ผัก ผลไม้
แต่ถ้าเป็นเนื้อไก่ ไส้กรอก จะคิดเงินเพิ่มต่างหาก
เสร็จแล้วเราก็เดินหาของกินเล่น ได้มาทั้งบราวนี่ (ชิ้นละ80บาท) และขนมครก(กระทงละ40บาท)
แพงเหมือนกันนะ 5555 คืนนี้เราเลือกเคาวดาวน์กันที่บาร์นั่งชิวตรงข้าม รร. ชื่อHive Bar
เผื่อเมาจะได้กลับไปนอนง่ายๆหน่อย 5555 แทบทั้งหมดมีแต่ฝรั่ง ยกเว้นกลุ่มวัยรุ่นลาว1กลุ่ม และเรา 2 สาว
เราคุยกันบ้างและถ่ายรูปด้วยกันตามระเบียบ เคาวดาวน์ของที่นี่ชิวมากกก มีเพียงแค่พลุไม่กี่ดอก แป๊ปเดียวบาร์ก็เริ่มปิด
เรา 2 สาวเลยซื้อเบียร์ลาว,ขนม จะไปนั่งชิวกันที่ระเบียงนอกห้องต่อ แต่พอเอาเข้าจริงๆหนาวว และยุงเยอะแผนเลยล่มไป 55555
จริงๆแล้วเช้าของวันที่ 1 เราตั้งใจจะไปตักบาตรข้าวเหนียว แต่ตื่นกันไม่ไหว
เลยเลือกที่จะไปดาตกวางสีกันตอนเที่ยงแทน
ถ่ายจากริมระเบียงห้องตอนเช้า
เราลงไปหาอะไรกินตอนเช้าแถวถนนใหญ่ ตรงตลาดดาลา
ตอนเช้าร้านอาหารคนจะเยอะมาก ที่นี่เวลาเสริฟ์อาหารเขาจะให้ขนมปังก้อนใหญ่ๆทุกโต๊ะ
แต่มันแข็งแหะ 555 5 กินได้นิดหน่อย และอีกอย่างหนึ่งที่เราชอบที่นี่คือ บางร้านจะมีกล้วยเป็นหวี
วางไว้ให้ลูกค้าหยิบไปกินฟรี เราหยิบมาคนละลูกแต่แม่ค้าก็ให้หยิบไปอีก ใจดีมากกก ^^
ราคาอาหารก็จานละ 100 - 120 บาทขึ้นไป
เสร็จเดินเล่นตอนเช้านิดหน่อย อากาศดีมากจริงๆ หนาวเย็นมีควันออกปาก
ตอนกลางวันมีแดดแต่ไม่ร้อน
พอเรากลับมา รร. คนที่ รร.ก็แนะนำว่าถ้าจะไปน้ำตก เขาจะจองรถตู้ให้
เป็นone day trip ถ้านั่งสามล้อจะหนาวและระยะทางไกลพอสมควร
จำราคาไม่ได้ แต่คุ้มกว่านั่งสามล้อไปเองแน่นอน แถมได้คุยกับเพื่อนต่างชาติร่วมรถอีกด้วย
ทริปน้ำตกนี้เราได้เพื่อนเป็นหนุ่มเกาหลี2คน คุยเก่งมาก และถ่ายรูปกันไปตามระเบียบ
ตาดกวางสีสวยมากจริงๆ ใครไม่ไปถือว่าพลาดมาก
น้ำใสเหมือนใส่คลอรีน (ยังแอบคิดว่าใส่หรือป่าว555) มีทั้งที่ๆลงเล่นได้และไม่ได้
เรา2คนไม่ได้ลงเล่น แต่ดันซ่าไปเดินเท้าขึ้นเขาแถวนั้น เกือบหลงแต่ก็พอได้วิวสวยๆมาพอสมควร
กลับจากน้ำตกกันประมาณ 4 โมง ขากลับคงเหนื่อย สังเกตุหลับกันทั้งรถ 5555
ตอนกลางคืนเราก็หาไปเดินไนท์มาร์เก็ตเหมือนเดิม
เย็นนี้จัดหนัก! หลังจากไปปีนเขากันมา
ไปกินพิซซ่ากันที่ ร้านพิซซ่าหลวงพระบาง ราคาโหดอยู่คนก็เยอะ
เลยอยากลองไง สรุปก็รสชาติเฉยๆ แต่ถูกใจตรงเด็กเสริฟ์หล่อ55555
หล่อเกาหลีมาก หล่อจนเป็นประเด็นไปคุยกับคนที่ รร. คุยสนิทพอสมควร
คืนนั้นคุยกันที่ล๊อบบี้จนถึง 5 ทุ่มครึ่ง แล้วขึ้นไปนอน
ตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า
เราตั้งนาฬิกาปลุกตื่นตี 5 เดินออกไปเส้นทางที่พระเดิน
ต้องรีบไปจองที่เพราะคนเยอะมากกกก จะมีคนลาวหาบของตักบาตรมาขายอยู่
ส่วนตัวเรามองว่าเขาทำเป็นธุรกิจเกินไป แนะนำให้ซื้อของตามร้านของชำเตรียมเองจะดีกว่า
เพราะที่เขาขายมีแค่ข้าวเหนียว,กล้วย,ขนมโดโซะ ซุดละ 100บาท (ต่อจาก120บาท)
ต่อจากนั้นก็ไปเดินตลาดเช้า
ส่วนใหญ่จะเป็นผักและของสด เช้านี้กินก๋วยเตี๋ยวของที่นี่
เขาจะเรียกกัน 3 อย่าง มีเฝอ,ข้าวซอย,ข้าวเปียก ซึ่งแตกต่างกันที่เส้นเท่านั้น
และที่ชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือเครื่องเคียงเป็นผัก เคี้ยวมันส์ชอบมากกกกก
ตอนเช้าหมอกลง 10 กว่าองศา
วันนี้เราจะไปปั่นจักรยานเล่นรอบเมืองกัน ราคาเหมาทั้งวันก็ประมาณ 80 บาท
เมืองเป็นเกาะวงกลมปั่นง่ายมาก อากาศก็ดี มีแวะวัดบ้าง แต่วัดเสียค่าเข้าทั้งหมดวัดละ 40 บาท
มีความภูเขา มีความแม่น้ำ
สะพานไม้ไผ่ คลาสสิคมาก แต่ถ้าลงไปถ่ายรูปก็เสียค่าลงอีกคนละ 40 บาท เลยถ่ายมาเฉยๆ
มีบริการเรือท่องเที่ยวด้วย ที่แม่น้ำคาน
เย็นนี้เราจะไปขึ้นพระธาตุพูสี ดูพระอาทิตย์ตกดิน ต้องขึ้นบันไดสูงๆหลายขั้น
เหนื่อยพอประมาณ คนก็รอดูเยอะมาก
คนละฝั่งของที่พระอาทิตย์ไม่ตก
พอลงจากพระธาตุพูสี เราก็ลืมคิดไปว่าต้องจองรถกลับ กทม.
เลยเดินถามร้านทัวร์แถวๆนั้น แต่ทุกที่เต็มหมด ตอนนั้นกลัวไม่ได้กลับมาก
จนมาเจอร้านหนึ่งเหลืออยู่ 2 ที่ เป็นที่นั่งคนละที่ราคาแพงมากกกก แต่ก็ต้องซื้อ
สรุปทริปนี้เสียเงินเยอะเพราะค่ารถขากลับนี่แหละ TT เป็นรถนอนยาวจากหลวงพระบาง - กทม (แต่ต้องไปรอต่อรถที่เวียงจัน)
คืนนี้เราก็มาเดินตลาดมืดเหมือนเดิมมมม แต่เริ่มเป็นการเดินหาของฝากให้เพื่อนๆ
ราคาก็ต่อกันได้ ถ้าคุยถูกใจ 5555
เช้าวันต่อมา เที่ยวเก็บเมืองนิดหน่อยรอรถกลับบ้าน
เป็นการเดินเล่นดูความอาร์ตมากกว่า
พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ส่วนตัวว่าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
เลยเดินดูพวกคาเฟ่ หรือ แกลอรี่เล็กๆแทน
ช่วงเย็นก็รีบกลับไปเก็บของ เตรียมตัวรอรถตู้มารับไปขึ้นรถนอน
ขอลากันไปด้วยมื้อสุดท้ายที่หลวงพระบาง กินบุบเฟ่ต์อีกร้านหนึ่งแต่ร้านนี้ถูกกว่าที่กินวันแรก ^^
สรุป : หลวงพระบาง 5 วัน 3 คืน
งบประมาณ 8,000 กว่าบาท (เป็นช่วงปีใหม่เลยแพง)
*เป็นการเขียนรีวิวกระทู้แรกของเรา ถ้ามีผิดพลาดส่วนใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
[CR] " หลวงพระบาง " เมือง Romantic และมีความ Chic อยู่ในตัว
เป็นการไปเที่ยวของผู้หญิง 2 คนแบบอึนๆ ทั้งเกือบตกรถ และ เกือบกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯไม่ทันเพราะรถขากลับเต็ม...
ไม่ขอเกริ่นให้มากมายมาเริ่มดูการเดินทางของพวกเรากันเถอะ!
เริ่มทริปก็หมี่เหลือง!
เราเริ่มเดินทางกันวันที่ 30 ธ.ค. 2014เนื่องจากหมอชิต ผดส.เยอะมาก
จึงมาขึ้นรถที่กรมขนส่งทางบก เส้นทาง กทม. - เลย (รอบ 3 ทุ่ม)
เพื่อไปซื้อตั๋วรถ เลย – หลวงพระบาง รอบ9 โมงเช้า (700 B / มีวันละรอบเท่านั้น)
เราคำนวนเวลากันแล้วว่าต้องถึงบขส.เลยให้ทันซื้อตั๋วรถไปหลวงพระบางก่อน 8 โมงแน่นอน
แต่เราคิดผิด ปีใหม่รถติดมากTT คิดว่าไม่ทันแน่ๆ เลยให้พี่จนท.บนรถช่วยโทรไปหาทาง บขส.เลย ให้ช่วยรอหน่อย
เพราะว่าได้โทรจองตั๋วไว้ก่อนหน้านี้แล้ว สรุปพอเราไปถึง บขส.เลย จนท.แจ้งว่ารถออกไปก่อนหน้าเรา 5 นาที TT
เราเลยต้องนั่งแท็กซี่ตามไป (ดีนะที่รถจอดคอยกลางทาง รอดตัวววว เสียค่าแท็กซี่ไป 50 บาท)
รถที่เราได้นั่งเป็นรถลาว มีที่นั่งเสริมเพียบ ไม่ค่อยมีคนไทยเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนลาวเขานั่งกลับบ้านปีใหม่กัน
มีแวะให้กินข้าวกลางทางที่ลาว มีอาหารให้เลือกแค่ 2 อย่าง ข้าวผัด,เฝอ เขาจะถามตั้งแต่ตอนขึ้นรถ
ระหว่างทาง อ.ท่าลี่ จ.เลย ไปด่านต.ม. วิวธรรมชาติตลอดทาง สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี ดูได้จากถ่ายรูปมาไม่ติดเสาไฟฟ้า
ไปหลวงพระบางเส้นทางนี้ มีภูเขาตลอดทาง โค้งเยอะมากกกกก 1 นาทีมากกว่า 10 โค้ง นั่งดูวิวได้เพลินๆ
เราถึงหลวงพระบางกันประมาณ 2 ทุ่ม รถมาจอดที่ บขส.จังหวัด ลงรถปุ๊บสัมผัสได้ถึงความหนาวววว
ที่บขส.จะมีพวกรถสามล้อคอยเหมารับไปส่งที่ รร. คนละประมาณ 40 บาท
พวกเราไปถึง รร. รีบเก็บของและออกไปหาของกินที่ ไนท์มาร์เก็ต กัน ต้องเดินออกไปประมาณ 10 นาที
เพราะเราเลือก รร.ห่างออกไปนิดหน่อยกันเสียงดังจากนักท่องเที่ยว 555
มาที่นี่คนที่ รร.แนะนำมาว่าต้องกินบุบเฟ่ต์ ซึ่งจะมีจานให้ 1จาน เราตักเท่าไหร่ก็ได้ (80บาท)
แล้วเขาก็จะเอาไปผัดในกระทะร้อนๆยำรวมกันมาเสริฟ์ให้เรา จะมีพวกเส้นต่างๆ ผัก ผลไม้
แต่ถ้าเป็นเนื้อไก่ ไส้กรอก จะคิดเงินเพิ่มต่างหาก
เสร็จแล้วเราก็เดินหาของกินเล่น ได้มาทั้งบราวนี่ (ชิ้นละ80บาท) และขนมครก(กระทงละ40บาท)
แพงเหมือนกันนะ 5555 คืนนี้เราเลือกเคาวดาวน์กันที่บาร์นั่งชิวตรงข้าม รร. ชื่อHive Bar
เผื่อเมาจะได้กลับไปนอนง่ายๆหน่อย 5555 แทบทั้งหมดมีแต่ฝรั่ง ยกเว้นกลุ่มวัยรุ่นลาว1กลุ่ม และเรา 2 สาว
เราคุยกันบ้างและถ่ายรูปด้วยกันตามระเบียบ เคาวดาวน์ของที่นี่ชิวมากกก มีเพียงแค่พลุไม่กี่ดอก แป๊ปเดียวบาร์ก็เริ่มปิด
เรา 2 สาวเลยซื้อเบียร์ลาว,ขนม จะไปนั่งชิวกันที่ระเบียงนอกห้องต่อ แต่พอเอาเข้าจริงๆหนาวว และยุงเยอะแผนเลยล่มไป 55555
จริงๆแล้วเช้าของวันที่ 1 เราตั้งใจจะไปตักบาตรข้าวเหนียว แต่ตื่นกันไม่ไหว
เลยเลือกที่จะไปดาตกวางสีกันตอนเที่ยงแทน
ถ่ายจากริมระเบียงห้องตอนเช้า
เราลงไปหาอะไรกินตอนเช้าแถวถนนใหญ่ ตรงตลาดดาลา
ตอนเช้าร้านอาหารคนจะเยอะมาก ที่นี่เวลาเสริฟ์อาหารเขาจะให้ขนมปังก้อนใหญ่ๆทุกโต๊ะ
แต่มันแข็งแหะ 555 5 กินได้นิดหน่อย และอีกอย่างหนึ่งที่เราชอบที่นี่คือ บางร้านจะมีกล้วยเป็นหวี
วางไว้ให้ลูกค้าหยิบไปกินฟรี เราหยิบมาคนละลูกแต่แม่ค้าก็ให้หยิบไปอีก ใจดีมากกก ^^
ราคาอาหารก็จานละ 100 - 120 บาทขึ้นไป
เสร็จเดินเล่นตอนเช้านิดหน่อย อากาศดีมากจริงๆ หนาวเย็นมีควันออกปาก
ตอนกลางวันมีแดดแต่ไม่ร้อน
พอเรากลับมา รร. คนที่ รร.ก็แนะนำว่าถ้าจะไปน้ำตก เขาจะจองรถตู้ให้
เป็นone day trip ถ้านั่งสามล้อจะหนาวและระยะทางไกลพอสมควร
จำราคาไม่ได้ แต่คุ้มกว่านั่งสามล้อไปเองแน่นอน แถมได้คุยกับเพื่อนต่างชาติร่วมรถอีกด้วย
ทริปน้ำตกนี้เราได้เพื่อนเป็นหนุ่มเกาหลี2คน คุยเก่งมาก และถ่ายรูปกันไปตามระเบียบ
ตาดกวางสีสวยมากจริงๆ ใครไม่ไปถือว่าพลาดมาก
น้ำใสเหมือนใส่คลอรีน (ยังแอบคิดว่าใส่หรือป่าว555) มีทั้งที่ๆลงเล่นได้และไม่ได้
เรา2คนไม่ได้ลงเล่น แต่ดันซ่าไปเดินเท้าขึ้นเขาแถวนั้น เกือบหลงแต่ก็พอได้วิวสวยๆมาพอสมควร
กลับจากน้ำตกกันประมาณ 4 โมง ขากลับคงเหนื่อย สังเกตุหลับกันทั้งรถ 5555
ตอนกลางคืนเราก็หาไปเดินไนท์มาร์เก็ตเหมือนเดิม
เย็นนี้จัดหนัก! หลังจากไปปีนเขากันมา
ไปกินพิซซ่ากันที่ ร้านพิซซ่าหลวงพระบาง ราคาโหดอยู่คนก็เยอะ
เลยอยากลองไง สรุปก็รสชาติเฉยๆ แต่ถูกใจตรงเด็กเสริฟ์หล่อ55555
หล่อเกาหลีมาก หล่อจนเป็นประเด็นไปคุยกับคนที่ รร. คุยสนิทพอสมควร
คืนนั้นคุยกันที่ล๊อบบี้จนถึง 5 ทุ่มครึ่ง แล้วขึ้นไปนอน
ตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า
เราตั้งนาฬิกาปลุกตื่นตี 5 เดินออกไปเส้นทางที่พระเดิน
ต้องรีบไปจองที่เพราะคนเยอะมากกกก จะมีคนลาวหาบของตักบาตรมาขายอยู่
ส่วนตัวเรามองว่าเขาทำเป็นธุรกิจเกินไป แนะนำให้ซื้อของตามร้านของชำเตรียมเองจะดีกว่า
เพราะที่เขาขายมีแค่ข้าวเหนียว,กล้วย,ขนมโดโซะ ซุดละ 100บาท (ต่อจาก120บาท)
ต่อจากนั้นก็ไปเดินตลาดเช้า
ส่วนใหญ่จะเป็นผักและของสด เช้านี้กินก๋วยเตี๋ยวของที่นี่
เขาจะเรียกกัน 3 อย่าง มีเฝอ,ข้าวซอย,ข้าวเปียก ซึ่งแตกต่างกันที่เส้นเท่านั้น
และที่ชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือเครื่องเคียงเป็นผัก เคี้ยวมันส์ชอบมากกกกก
ตอนเช้าหมอกลง 10 กว่าองศา
วันนี้เราจะไปปั่นจักรยานเล่นรอบเมืองกัน ราคาเหมาทั้งวันก็ประมาณ 80 บาท
เมืองเป็นเกาะวงกลมปั่นง่ายมาก อากาศก็ดี มีแวะวัดบ้าง แต่วัดเสียค่าเข้าทั้งหมดวัดละ 40 บาท
มีความภูเขา มีความแม่น้ำ
สะพานไม้ไผ่ คลาสสิคมาก แต่ถ้าลงไปถ่ายรูปก็เสียค่าลงอีกคนละ 40 บาท เลยถ่ายมาเฉยๆ
มีบริการเรือท่องเที่ยวด้วย ที่แม่น้ำคาน
เย็นนี้เราจะไปขึ้นพระธาตุพูสี ดูพระอาทิตย์ตกดิน ต้องขึ้นบันไดสูงๆหลายขั้น
เหนื่อยพอประมาณ คนก็รอดูเยอะมาก
คนละฝั่งของที่พระอาทิตย์ไม่ตก
พอลงจากพระธาตุพูสี เราก็ลืมคิดไปว่าต้องจองรถกลับ กทม.
เลยเดินถามร้านทัวร์แถวๆนั้น แต่ทุกที่เต็มหมด ตอนนั้นกลัวไม่ได้กลับมาก
จนมาเจอร้านหนึ่งเหลืออยู่ 2 ที่ เป็นที่นั่งคนละที่ราคาแพงมากกกก แต่ก็ต้องซื้อ
สรุปทริปนี้เสียเงินเยอะเพราะค่ารถขากลับนี่แหละ TT เป็นรถนอนยาวจากหลวงพระบาง - กทม (แต่ต้องไปรอต่อรถที่เวียงจัน)
คืนนี้เราก็มาเดินตลาดมืดเหมือนเดิมมมม แต่เริ่มเป็นการเดินหาของฝากให้เพื่อนๆ
ราคาก็ต่อกันได้ ถ้าคุยถูกใจ 5555
เช้าวันต่อมา เที่ยวเก็บเมืองนิดหน่อยรอรถกลับบ้าน
เป็นการเดินเล่นดูความอาร์ตมากกว่า
พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ส่วนตัวว่าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
เลยเดินดูพวกคาเฟ่ หรือ แกลอรี่เล็กๆแทน
ช่วงเย็นก็รีบกลับไปเก็บของ เตรียมตัวรอรถตู้มารับไปขึ้นรถนอน
ขอลากันไปด้วยมื้อสุดท้ายที่หลวงพระบาง กินบุบเฟ่ต์อีกร้านหนึ่งแต่ร้านนี้ถูกกว่าที่กินวันแรก ^^
สรุป : หลวงพระบาง 5 วัน 3 คืน
งบประมาณ 8,000 กว่าบาท (เป็นช่วงปีใหม่เลยแพง)
*เป็นการเขียนรีวิวกระทู้แรกของเรา ถ้ามีผิดพลาดส่วนใดต้องขออภัยด้วยนะคะ