ในวันนี้ มีโครงการส่งดาวเทียมสื่อสารของญี่ปุ่น ชื่อ JCSAT 14
และในครั้งนี้ จะเป็นอีกครั้งที่มีการทดลองการลงจอดบนยานอัตโนมัตลอยน้ำของ SpaceX ที่ชื่อว่า “Of Course I Still Love You”
บนมหาสมุทธแอตแลนติก หลังจากที่เคยสำเร็จไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว และในครั้งจะเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาทำมันได้จริง
และความสำเร็จครั้งที่แล้วไม่ใช่เรื่องดวง โชค หรือเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
ความแตกต่างระหว่างครั้งนี้ และครั้งที่แล้วคือ ระยะความสูงของวงโคจร เนื่องจากในครั้งที่แล้วนั้น เป็นการส่งสัมภาระให้กับสถานีอวกาศ ISS
ซึ่งสถานีอวกาศจะลอยอยู่ระดับวงโคจรที่ไม่สูงมากนัก แต่ดาวเทียมสื่อสารจะลอยอยู่สูงกว่านั้นมาก
ดังนั้นการส่งครั้งนี้ Falcon-9 จะต้องใช้พลังงาน ความเร่ง และความเร็วที่สูงกว่าครั้งที่แล้ว ทำให้มีเงื่อนไขและความเสี่ยงที่จะล้มเหลวมากขึ้น
แต่พวกเขาก็สามารถทำมันได้ โดยจรวดท่อนแรกสามารถลงจอดบนยานอัตโนมัตได้สำเร็จ
แต่ไม่สวยหรูนัก
เนื่องจากรายงานเบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายต่อเครื่องยนต์หลัก 3 เครื่องจาก 9 เครื่อง ส่วนนี้ผมแปลผิดครับ ขอแก้ไขตามคุณ meam
เนื่องจากการส่งดาวเทียมสื่อสารของญี่ปุ่น ชื่อ JCSAT 14 นี้ ใช้วงโคจรในระดับที่สูงมากกว่าการส่งสัมภาระให้กับ ISS ในครั้งที่แล้ว
ทำให้ต้องใช้ความเร็วและความเร่งที่สูงกว่าครั้งก่อนมาก Falcon-9 จึงต้องใช้จรวดขับดันมากถึง 3 ชุด สำหรับเบรก และควบคุมการลงจอด
**ขอขอบคุณคำแนะนำจากคุณ meam ในความเห็นที่ 5 นะครับ
ในขณะนี้ SpaceX ยังมีจรวดท่อนแรกเหลืออยู่ 3 ชุด โดยหนึ่งในนั้นคือ ชุดที่ใช้ส่ง Dragon ไปยัง ISS ในโครงการ CRS-8 Dragon
เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งสามารถลงจอดได้อย่างสวยงาม โดยจรวดชุดนี้ทาง SpaceX มีแผนจะนำกลับมาใช้อีกครั้งในปีนี้

ที่มา
http://spaceflightnow.com/2016/05/06/falcon-9-succeeds-in-middle-of-the-night-launch/
นี่คงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคการท่องอวกาศโดยเอกชน
และในอนาคตเอกชนเหล่านี้คงจะเข้าครอบครองบริการในอวกาศมากมาย เหมือนที่พวกเขาเข้าครอบครองน่านฟ้า และท้องทะเล
และมันคงกลายเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
"โลกทั้งหมดเป็นของพวกคุณ ยกเว้นดวงจันทร์ยูโรป้า อย่าพยายามลงจอดที่นั่น"
[Falcon-9] ของแท้แน่นอน ไม่ได้โชคช่วย สำหรับจรวดขับดันท่อนแรกแบบใช้ซ้ำได้
และในครั้งนี้ จะเป็นอีกครั้งที่มีการทดลองการลงจอดบนยานอัตโนมัตลอยน้ำของ SpaceX ที่ชื่อว่า “Of Course I Still Love You”
บนมหาสมุทธแอตแลนติก หลังจากที่เคยสำเร็จไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว และในครั้งจะเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาทำมันได้จริง
และความสำเร็จครั้งที่แล้วไม่ใช่เรื่องดวง โชค หรือเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
ความแตกต่างระหว่างครั้งนี้ และครั้งที่แล้วคือ ระยะความสูงของวงโคจร เนื่องจากในครั้งที่แล้วนั้น เป็นการส่งสัมภาระให้กับสถานีอวกาศ ISS
ซึ่งสถานีอวกาศจะลอยอยู่ระดับวงโคจรที่ไม่สูงมากนัก แต่ดาวเทียมสื่อสารจะลอยอยู่สูงกว่านั้นมาก
ดังนั้นการส่งครั้งนี้ Falcon-9 จะต้องใช้พลังงาน ความเร่ง และความเร็วที่สูงกว่าครั้งที่แล้ว ทำให้มีเงื่อนไขและความเสี่ยงที่จะล้มเหลวมากขึ้น
แต่พวกเขาก็สามารถทำมันได้ โดยจรวดท่อนแรกสามารถลงจอดบนยานอัตโนมัตได้สำเร็จ
แต่ไม่สวยหรูนักส่วนนี้ผมแปลผิดครับ ขอแก้ไขตามคุณ meamเนื่องจากรายงานเบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายต่อเครื่องยนต์หลัก 3 เครื่องจาก 9 เครื่อง
เนื่องจากการส่งดาวเทียมสื่อสารของญี่ปุ่น ชื่อ JCSAT 14 นี้ ใช้วงโคจรในระดับที่สูงมากกว่าการส่งสัมภาระให้กับ ISS ในครั้งที่แล้ว
ทำให้ต้องใช้ความเร็วและความเร่งที่สูงกว่าครั้งก่อนมาก Falcon-9 จึงต้องใช้จรวดขับดันมากถึง 3 ชุด สำหรับเบรก และควบคุมการลงจอด
**ขอขอบคุณคำแนะนำจากคุณ meam ในความเห็นที่ 5 นะครับ
ในขณะนี้ SpaceX ยังมีจรวดท่อนแรกเหลืออยู่ 3 ชุด โดยหนึ่งในนั้นคือ ชุดที่ใช้ส่ง Dragon ไปยัง ISS ในโครงการ CRS-8 Dragon
เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งสามารถลงจอดได้อย่างสวยงาม โดยจรวดชุดนี้ทาง SpaceX มีแผนจะนำกลับมาใช้อีกครั้งในปีนี้
ที่มา
http://spaceflightnow.com/2016/05/06/falcon-9-succeeds-in-middle-of-the-night-launch/
นี่คงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคการท่องอวกาศโดยเอกชน
และในอนาคตเอกชนเหล่านี้คงจะเข้าครอบครองบริการในอวกาศมากมาย เหมือนที่พวกเขาเข้าครอบครองน่านฟ้า และท้องทะเล
และมันคงกลายเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
"โลกทั้งหมดเป็นของพวกคุณ ยกเว้นดวงจันทร์ยูโรป้า อย่าพยายามลงจอดที่นั่น"