กำลังจะแต่งงานครับ แต่มีเรื่องสำคัญเรื่องนึงที่ยังตกลงกับแฟนไม่ได้

ผมกับแฟนคบกันมาจะ 3 ปีแล้วคับ
เปรยๆเรื่องแต่งงานกันมาตลอด

ทีนี้มีเรื่องนึงเคยคุยกันตั้งแต่คบกันใหม่ๆก็คือ
ถ้าเรามีลูก และหมอตรวจเจอตั้งแต่ตั้งครรภ์ลูกเป็นออทิสทิกหรืออื่นๆเราควรจะทำยังไง

ตอนนั้นเราก็เห็นตรงกันครับว่าควรหยุดและเริ่มใหม่เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร
ส่วนในรายละเอียดผมขอไม่ลงเพราะแต่ละคนอาจมีมุมมองต่างกัน
แต่สรุปคือถ้าหมอให้เอาเด็กออกได้ก็เอาเด็กออกและเริ่มใหม่

แต่พอมาตอนนี้กลับมาคุยเรื่องนี้กันใหม่ แฟนผมกลับบอกว่าถ้าถึงเวลานั้นจริงๆก็ ขอคิดดูก่อน
ซึ่งผมไม่โอเคมากๆ

ถ้าถามว่าโอกาสจะมีมั้ย เท่าที่ทราบก็ถือว่ายาก แต่เรื่องแบบน้ก็ควรคิดเผื่อไว้ก่อน
ทีนี้ผมควรทำยังไงต่อคับ

ผมยอมรับว่าถึงตอนนั้นถ้าลูกเป็นโดยที่ผมทราบก่อน ผมเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน
มันไม่เหมือนเราทำเพื่อลูก แต่เราทำเพื่อตัวเราเองมากกว่า
ผมเข้าใจว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเรื่องธรรมดา ลูกเราก็เกิดมาก็เพื่อให้พ่อแม่ชื่นใจ
แต่ผมไม่คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ครับ

ขอบคุรครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 96
ทั้งตัวเองและสามีอายุ 29 ปีค่ะ ก่อนจะท้องก็คุยกันเรื่องนี้แบบเจ้าของกระทู้ ตกลงกันว่าถ้าเด็กไม่ปกติ ก็จะยุติการตั้งครรภ์
พอท้องได้ 16 สัปดาห์ ทราบผลโครโมโซมจากการเจาะชิ้นเนื้อรก ว่าผิดปกติจริงๆ ก็ตัดสินใจได้ทันทีค่ะ เพราะคุยและทำใจกันมาแล้ว
การตกลงกันไว้ก่อนเป็นเรื่องดีค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ออทิสติก ตรวจไม่เจอตอนตั้งครรภ์นะคะ ต้องตรวจจากพัฒนาการของเด็ก ส่วนมากพบหลัง 2 ขวบ เนื่องจากมักมีปัญหาว่า พูดช้ากว่าปกติมากๆ
ส่วนที่ตรวจพบตอนตั้งครรภ์จะเป็น ดาวน์ซินโดรม เอ็ดเวิร์ดซินโดรม หรือโรคที่เกี่ยวกับโครโมโซมผิดปกติ ซึ่งทำให้เด็กมีความผิดปกติ
เมื่อตรวจพบ สามารถเลือกยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะคลอดและเลี้ยงดูส่วนมากเด็กเหล่านี้จะมีอายุขัยไม่ยืนยาวค่ะ
เพราะโครงสร้างร่างกายไม่สมบูรณ์
ส่วนที่ว่า จขกท.และแฟนจะตัดสินใจยังไง ลองหาข้อมูลของพ่อแม่ที่เลือกไม่ยุติการตั้งครรภ์และเลี้ยงดูลูกที่เป็นเด็กพิเศษมาอ่านดูค่ะ
อาจจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้น
ความคิดเห็นที่ 3
ปัญหานี้ยังไม่เกิด และไม่แน่ว่าจะเกิด การวิตกไปล่วงหน้าไม่ได้ประโยชน์อะไร

ถ้าปัญหาเกิดขึ้นจริง ก็ยังต้องตัดสินใจกันอีกหนในภายภาคหน้า ตัดสินใจไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ใช่ว่าจะได้ทำตามนั้น

ถ้าจะเลิกกับแฟนเพราะปัญหาเรื่องนี้ ก็แล้วแต่ความคิดของคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 9
ก็นะ สมัยก่อนครอบครัวมีผมเป็นออทิสติก พ่อแม่ผมก็ไม่เคยมีปัญหากันเลย กลับอยู่กินด้วยกัน สมัยก่อนผมอาการหนัก อาละวาด ทำร้ายคนอื่น. เล่นน้ำลาย. กัดดินสอ. ไม่เรียนหนังสือ ชอบบีบคอคนอื่นบ่อยๆ. แต่พ่แม่ผมก็ช่วยกันดูแล รักผมกับน้องผมมาก. ไม่เคยเกี่ยวว่าเป็นความรับผิดชอบใคร สมัยก่อนลำบากมากที่รักษาดูแลน้อยมาก. สื่อสารไม่ได้เป็นภาระอีก พ่อผมบอกว่า ทำเท่าที่ทำได้นั่นแหละ อะไรจะเกิดห้ามได้ที่ไหนเล่า ทุกวันนี้ ผมเป็นออทิสติกก็ยังสามารถเป็นครูสอนหนังสือนักเรียนยังได้เลย อย่าไปซี่เรีย แค่ต้องดูแลเค้ามากกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเองละ
ความคิดเห็นที่ 7
ขนาดเกิดมาธรรมดาครบ32 ยังเลี้ยงยากเลยค่ะ ถ้าเกิดมาแล้วผิดปกติ เราว่า อย่าดีกว่า เค้าอาจไม่อยากเกิดมาอยู่อย่างทรมานหรอกค่ะ การเลี้ยงลูกไม่ใช้ง่ายๆนะค่ะ ไหนจะเวลาไม่สบาย เหนื่อยมากนะค่ะ ถ้าเลือกได้ก็เลือกเถอะค่ะ เค้าอาจจะมาเกิดใหม่ในร่างที่สมบุรณ์กว่าเกิมก็ได้ค่ะ  แต่เราว่าคุณกังวลเกินไป ภรรยาคุณยังไม่ท้องเลย
ความคิดเห็นที่ 28
คงไม่ขอออกความเห็นนะคะในกรณีของคุณ จขกท. แต่จะขอเล่าให้ฟังในฐานะครูที่สอนเด็กอนุบาลค่ะ  จะบอกว่าเด็กในปัจจุบันมีความผิดปกติทางร่างกายหรือด้านพฤติกรรมเพิ่มขึ้นเยอะมากไม่ใช่มีเฉพาะแต่เด็กออทิสติกนะคะ  และมีจำนวนมากเลยที่ผู้ปกครองไม่ยอมรับถ้าสิ่งที่เด็กแสดงออกไม่เด่นชัดจริงๆ หรือไม่ได้สร้างปัญหาให้เด็กอื่นในชั้น ดังนั้นเราเลยคิดว่าพ่อแม่ในปัจจุบันต้องหนักแน่นถ้าคิดจะมีลูก  ต้องเผื่อใจยอมรับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ เด็กๆที่เกิดมาถ้าไม่ผิดปกติชนิดรุนแรง  เวลาไปโรงเรียนคุณครูก็จะช่วยกันดูแล  ปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้  อาจจะเรียนไม่เก่งทำอะไรได้ไม่เท่าเพื่อน  แต่ก็เป็นคนดีได้ค่ะ  เด็กพิเศษหลายคนก็เป็นเด็กที่น่ารัก สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างได้ ถ้าเลี้ยงดูด้วยความรักความเข้าใจ พ่อแม่หมั่นหาความรู้มาช่วยกันส่งเสริมพัฒนาการของลูกและไม่คาดหวังกับลูกมากเกินไป ลูกก็จะเติบโตมาอยู่ในสังคมได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่