เสียงล้อของอากาศยานสายการบินแห่งหนึ่ง
กระแทกอย่างนิ่มนวลลงบนพื้นรันเวย์ของสนามบินทางภาคใต้ของประเทศไทย
กัปตันค่อยๆนำเครื่องเข้าจอดยังจุดที่สนามบินกำหนดไว้
เสียงหัวหน้าพนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องกล่าวขอบคุณผู้โดยสาร
เมื่อเครื่องจอดนิ่งยังจุด ผู้โดยสารบางคนเปิดโทรศัพท์มือถือ บางคนลุกขึ้นเปิดช่องเก็บของเหนือศีรษะ
เด็กเล็กๆชี้ไปนอกหน้าต่างสอบถามพ่อแม่ถึงสิ่งต่างๆที่เห็นในลานจอดเครื่องบิน
ทุกคนต่างเตรียมตัวออกจากออกจากอาศยานลำนั้นเพื่อไปยังจุดหมายต่างๆในชีวิตของแต่ละคน
แสงไฟสีส้มๆจากเสาไฟขนาดสูงใหญ่หลายๆต้น ส่งกระทบพื้นคอนกรีต
ในลานกว้าง เงาของผู้โดยสารทั้งไทยและต่างชาติต่างเดินลงจากบันได
เทียบเครื่องบินลงไปเพื่อเดินเข้าตัวอาคาร
แม่จูงลูกตัวน้อยที่ช่างซักถามและสนใจในทุกสิ่งรอบตัว
ใครคนหนึ่งมองผ่านช่องหน้าต่างบนที่นั่งในเครื่องบิน
ผมถือกระเป๋าเดินทาง เดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆไปยังทางออกผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินแห่งนั้น
ผมยืนมองหารถตู้บริการสาธารณะที่จะวิ่งผ่านเส้นทางบ้านผม
ผมเดินตามผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกับผมขึ้นรถไปด้วยกัน
ผมนั่งอยู่บนรถตู้สาธารณะที่วิ่งระหว่างจังหวัด
มีผู้โดยสารอื่นอยู่ในรถคันนี้อีกจำนวนหนึ่งแต่ไม่เต็ม
อาจจะเป็นเพราะตามต่างจังหวัดพอ 2-3 ทุ่มผู้คน
ก็อยู่บ้านอยู่กับครอบครัวแล้ว
รถแล่นไปเรื่อยๆตามเส้นทางอันยาวไกล
ผมก้มลงดูโทรศัพท์ดูเฟซบุ๊ค ดูไลน์ไปเรื่อย
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาโตในเมืองหลวง
สมัยที่มาอยู่ใหม่ๆ ผมกลับบ้านบ่อย คิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน
พออยู่ไปหลายปี และผมโตขึ้น แสงสีเสียงและความศิวิไลน์ของเมืองใหญ่
แห่งนี้ก็กลืนกินจิตวิญญาณของเด็กบ้านนอกไปหมดสิ้น
หรือเป็นเพราะตัวผมเอง
วันนี้ผมรู้สึกอยากกลับบ้าน อยากกลับมาหาแม่ มากอด มานอนหนุนตักแม่
ผมว่าจะมาเซอร์ไพรส์แม่ด้วยการกลับมาหาแม่โดยไม่บอกล่วงหน้า
ผมคุยกับแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบเดือนที่แล้ว
ตอนนั้นแม่โทรหา ผมกำลังทำงานยุ่งอยู่
ผมรับโทรศัพท์ และบอกแม่ว่า "แม่...ผมทำงานอยู่ ค่อยโทรกลับนะครับ"
แม่ถามผมว่า "ลูกสบายดีนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"
ผมตอบกลับไปว่า "ค่อยโทรกลับนะแม่ ผมทำงานอยู่ตอนนี้"
ผมกดวางสาย
ผมมองดูหน้าจอโทรศัพท์ มองดูเบอร์โทรของแม่ที่จอ
"เดี๋ยวก็ได้เจอได้คุยกับแม่แล้วค่อยโทรแล้วกัน" ผมบอกกับตัวเอง
ผมกลับมาบ้านครั้งนี้เพราะผมรู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่าเมืองใหญ่แห่งนี้ช่างวุ่นวาย
ต้องต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งแข่งขันกันจนกลืนกินจิตวิญญาณความดีของมนุษย์
บางส่วนไปเกือบหมดสิ้น ผมตั้งใจจะกลับมาบ้านเพื่อมาอยู่เงียบๆ
คิดถึงชีวิตช่วงเป็นเด็ก ได้มาอยู่กับชีวิตบ้านนอกชีวิตที่ไม่ได้หรูหรา
แต่ผู้คนเต็มไปด้วยน้ำใจและจิตวิญญาณของมนุษย์
รถตู้แล่นมาจอดริมถนนหน้าตลาดแถวบ้าน
ผู้โดยสารคนหนึ่งลงจากรถตู้
ผมลงตาม ผู้โดยสารคนนั้นคงไม่รู้จักผม เขาเลยไม่ได้ทักทายผม
เขาแยกตัวออกไป
รถตู้ค่อยๆวิ่งออกไปตามทางเพื่อนำส่งผู้โดยสารคนอื่นตามจุดหมายของแต่ละคน
ผมยืนอยู่ทีถนนที่หน้าตลาด มองดูรอบๆ
เป็น 10 ปีแล้วที่ผมไม่ได้กลับมา
ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะจากครั้งเมื่อผมเป็นเด็ก
ความทรงจำต่างๆอยู่ในหัวผมมากมาย
หลายๆบ้านปิดบ้านเพื่อนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว
มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านถนนที่ผมยืนอยู่ 2-3 คัน
แต่ก็ไม่มีใครทักทายผม
ที่นี่คงไม่มีใครจำผมได้เพราะผมจากไปหลายปีมากแล้ว
ผมเดินถือกระเป๋าข้ามถนน เข้าไปในวัด
ทางเข้าไปบ้านผมต้องเดินผ่านวัดเข้าไปจะเดินไปถึงบ้านไม่ไกล
ที่ในวัดบ้านนอกเงียบสงบ หลายๆกุฏิที่พักสงฆ์พอมีแสงไฟฟ้าเล็ดลอด
ออกมาตามช่องต่างๆบ้างประปราย
ตอนเด็กๆผมมาช่วยหลวงตาออกบิณฑบาตรตอนเช้า
ได้อาศัยข้าวที่ญาติโยมถวายกินหลังหลวงตาฉันท์เสร็จ
แม่เคยเล่าให้ฟังว่าหลวงตาท่านมรณะภาพไปหลายปีแล้ว
ผมผูกพันและคุ้นเคยกับวัดนี้ ผมเลยไม่กลัวที่จะเดินผ่านวัดไปที่บ้าน
หมาวัดหลายตัวส่งเสียงเห่าหอน มองมายังผม
ผมเดินผ่านวัด ผ่านกำแพงที่บรรจุอัฐิของผู้ล่วงลับไป
หญิงสูงอายุวัย 70 กว่า
รูปร่างผอมเกร็งเนื่องจากการทำงานหนักมาตลอดชีวิต
ผมขาว นุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อเก่าๆ
นั่งเล่นลูบหัวแมวอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก
มีแมวหลายตัวอยู่ล้อมรอบส่งเสียงร้องคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
หมาพันธุ์ไทยผสมจำนวนหนึ่งนอนเหลือบตามองกลุ่มแมว
ผมยืนที่ประตูรั้วเก่าๆทางเข้าบ้าน
มองดูแม่
แม่แก่ลงไปเยอะจากที่เคยเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อเกือบปี
ที่แม่มาเที่ยวกรุงเทพฯกับเพื่อนๆ
แม่เคยบอกผมว่าเดี๋ยวนี้แม่นอนดึก กว่าจะหลับก็เที่ยงคืนตีหนึ่ง
ตีสี่ตีห้าแม่ก็ตื่นมาเตรียมหุงเข้า เตรียมอาหารให้แมวให้หมาแล้ว
ผมเปิดประตูรั้วบ้านเข้าไป
หมาที่บ้านลุกขึ้นเห่า และวิ่งมาเห่าใกล้ๆผมที่กำลังเดินเข้าบ้าน
แม่ตะโกนห้ามหมาให้หยุด
ผมเดินตรงไปหาแม่
ผมวางกระเป๋าลง
แล้วก้มกราบที่เท้าแม่
"กลับมาแล้วหรือลูก"
"แม่คิดถึงนะ"
แม่ดีใจมากที่เห็นผมกลับมาบ้าน
แม่กุลีกุจอดูแลผม ถามว่าผมหิวไหม
เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้ทาน
ผมบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ค่อยหิว
ไว้ก่อน
แต่แม่รีบไปเปิดตู้เย็น
ผมเอาของไปเก็บที่ห้องจัดการธุระส่วนตัว
แล้วมานั่งคุยกับแม่
แม่ทำไข่เจียวร้อนๆราดบนข้าวสวยให้ทาน
แม่บอกว่าว่าพรุ่งนี้แม่จะทำของที่ลูกชอบนะ
วันนี้ดึกแล้วกว่าจะทำเสร็จลูกคงหิวมาก
ผมกับแม่คุยกันไปสัพเพเหระ
แม่ก็ยังถามโน้นนี่นั่นเกี่ยวกับงาน
เกี่ยวกับความเป็นอยู่ เกี่ยวกับการมีครอบครัว
หลายๆอย่าง ผมก็ไม่อยากตอบ
คิดในใจว่าแม่ถามเยอะจัง จะถามอะไรมากมาย
ผมตัดบทไปว่า "ไว้ค่อยเล่าให้ฟังนะครับ"
วันนี้ดึกแล้ว รู้สึกปวดหัว เพลียๆเหนื่อยๆคงเกิดจากการทำงาน
แล้วเดินทางกลับมา
แม่ตอบว่า "ลูกพักผ่อนนะ มาเหนื่อยๆ" ทั้งๆที่จริง
ผมรู้ว่าแม่อยากจะคุยกับผมนานๆ
พรุ่งนี้แม่จะทำกับข้าวที่ลูกชอบไว้ให้ทานนะ
ผมไปอาบน้ำ แล้วขึ้นมานอนพักในห้อง
ก่อนนอนผมยังเห็นแม่นั่งอยู่หน้าบ้านที่เดิม
นั่งกอดแมวอยู่เหมือนเดิม
คืนนี้เป็นคืนที่ผมหลับอย่างเป็นสุข
ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องคิดกังวลเรื่องงาน เรื่องต่างๆในหัวอีกต่อไปแล้ว
เสียงไก่ขันยามเช้า
กลิ่นหอมสะอาดของธรรมชาติชนบท
ปลุกผมให้ตื่นมารับความบริสุทธิ์ของแผ่นดินที่ผมเกิด
ผมออกจากห้อง ไปล้างหน้า แปรงฟัน
ออกมานอกบ้านเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์
ดูพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงให้ความสว่างแก่โลก
ผมมองหาแม่ แต่ไม่เจอ
แม่คงออกไปคุยกับป้าๆน้าๆแถวใกล้บ้าน
ที่ในครัว แม่ทำกับข้าวที่ผมชอบไว้หลายอย่าง
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องให้โลกดูงดงามและเต็มไปด้วยพลังแห่งการเริ่มต้น
ต้นไม้หน้าบ้านเริ่มรก ใบไม้ตกเกลื่อนอยู่ทั่ว หญ้าเริ่มขึ้นสูง
แม่คงไม่มีเรี่ยวแรงจะดูแลได้ทั่วถึง
ในบ้านก็อากาศอับๆ เหมือนไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้ถ่ายเทมานาน
ฝุ่นก็เริ่มจับเครื่องใช้ในบ้านเยอะแล้ว
หมาและแมวที่บ้านก็ดูผอมไป
วันนี้หลังจากไปทำบุญที่วัดแล้วผมต้องทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย
ผมคิดในใจ
ผมแบ่งกับข้าวที่แม่ทำไว้ให้ทาน เตรียมไปทำบุญที่วัด
จะชวนแม่ไปด้วยแต่ยังไม่เห็นแม่
ผมอาบน้ำแต่งตัวไปวัด หิ้วปิ่นโตใส่กับข้าวไป 1 เถา
จากบ้านผมไปวัดเดินไปไม่ไกล
ผมเดินไปที่หอฉันท์
มีชาวบ้านหญิงชายอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังถวายภัตราหาร
ไม่มีใครสนใจผม อาจเป็นเพราะไม่มีใครจำผมได้
ผมก้มกราบพระประธาน และกราบหลวงพ่อและหมู่พระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง
หลวงพ่อท่านเรียกผม
ไม่เจอตั้งนานเลยโยม เพิ่งกลับมาบ้านหรือ
"ขอรับ หลวงพ่อ"
ผมตอบท่านกลับไป
หลวงพ่อท่านนี้ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณร
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระปฏิบัติ
และพัฒนาวัดให้เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน
ท่านเป็นที่นับถือรักใคร่ของคนในหมู่บ้านผม
ท่านรู้จักและเห็นผมตั้งแต่ผมยังเด็ก
"ตั้งใจรับพรนะ"
"เราเกิดมาเป็นมนุษย์ให้กตัญญูต่อแม่-พ่อ ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณ"
"เร่งสร้างบุญสร้างกุศลเพราะชีวิตมนุษย์ไม่ได้ยืนยาว"
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะโยม"
ผมว่าท่านไม่ได้พูด แต่จิตและบารมีของท่านสื่อสารมายังผม
ผมกราบท่านด้วยความเคารพ
หลวงพ่อและหมู่พระสงฆ์สวดมนต์ให้พรแก่ผู้มาทำบุญ
ชาวบ้านรวมถึงผมพนมมือรับพร และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
หลวงพ่อท่านมองมายังผมอย่างเมตตา
หลังจากรับพรและกรวดน้ำเสร็จ เหล่าชาวบ้านและผม
ต่างนำน้ำบริสุทธิ์ที่เราอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปเทรดต้นไม้
ผมเดินถือที่กรวดน้ำออกจากหอฉันท์
เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กำแพงวัด
ผมเทน้ำรดต้นไม้ใหญ่นั้นและกล่าวอุทิศบุญให้กับส่วนต่างๆ
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆผมรู้สึกปวดหัวมาก
แต่จิตใจผมรู้สึกปีติกับการได้มาทำบุญ
ผมลุกขึ้นยืน จะนำที่กรวดน้ำกลับไปเก็บที่เดิม
ผมยืนมองไปที่กำแพงที่บรรจุอัฐฐิ มองแบบผ่านๆไป
เข่าผมทรุดลงกับพื้น มือลูบผนังช่องเก็บอัฐฐิช่องนั้น
น้ำตาผมไหล สิ้นเรี่ยวแรง และไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
ผมคงฝันร้าย และมันเป็นความฝันที่ร้ายกาจที่สุดในโลกนี้แล้ว
ที่ช่องเก็บอัฐฐิช่องหนึ่งติดรูปเล็กๆซึ่งเป็นรูปแม่ผม
ชาตะ:....
มรณะ....
จากวันมรณะ แม่จากไปเมื่อวันสุดท้ายที่แม่โทรหาผมเดือนที่แล้ว
และผมบอกแม่ว่า "แม่...ผมทำงานอยู่ ค่อยโทรกลับนะ"
...................................................................................................................
เมืองหลวงของประเทศไทย 1 วันก่อนหน้า
เจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังตรวจสถานที่ในห้องพักคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันนำผ้าขาวห่อร่างชายหนุ่มผู้เสียชีวิต
จ่ามาริโอ้: หมวดครับจากรายงานการชันสูตรเบื้องต้นของแพทย์ คาดว่าผู้ตายเกิดภาวะเส้นเลือด
ในสมองแตกเฉียบพลัน ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ทำให้เสียชีวิต อาจจะเป็นเพราะภาวะความเครียด
จากการทำงาน การสูบบุหรี่จัด ทั้งนี้เราจะนำส่งผ่าพิสูจน์ และติดต่อให้ญาติผู้ตายทราบครับ
......................................................................................................................
ที่บ้าน: ในห้องนอนของแม่ "อัลบั้มใส่รูปถ่าย" ถูกเปิดไว้ตั้งอยู่ที่หัวเตียงนอน
ในอัลบั้มมีรูปขาวดำ และรูปสีเก่าๆของหญิงสาวกับลูกชายตัวน้อยอยู่หลายๆรูป
ข้างอัลบั๊มรูปถ่าย
ฝุ่นเริ่มเกาะโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่หน้าจอดับเพราะหมดแบตเตอรี่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องสลัวๆ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
สวัสดีครับ "ผมจ่ามาริโอ้ โทรมาจาก..." "คุณเป็นญาติของคุณ....ใช่ไหมครับ???"
ใคร...รอคุณอยู่ที่บ้าน
กระแทกอย่างนิ่มนวลลงบนพื้นรันเวย์ของสนามบินทางภาคใต้ของประเทศไทย
กัปตันค่อยๆนำเครื่องเข้าจอดยังจุดที่สนามบินกำหนดไว้
เสียงหัวหน้าพนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องกล่าวขอบคุณผู้โดยสาร
เมื่อเครื่องจอดนิ่งยังจุด ผู้โดยสารบางคนเปิดโทรศัพท์มือถือ บางคนลุกขึ้นเปิดช่องเก็บของเหนือศีรษะ
เด็กเล็กๆชี้ไปนอกหน้าต่างสอบถามพ่อแม่ถึงสิ่งต่างๆที่เห็นในลานจอดเครื่องบิน
ทุกคนต่างเตรียมตัวออกจากออกจากอาศยานลำนั้นเพื่อไปยังจุดหมายต่างๆในชีวิตของแต่ละคน
แสงไฟสีส้มๆจากเสาไฟขนาดสูงใหญ่หลายๆต้น ส่งกระทบพื้นคอนกรีต
ในลานกว้าง เงาของผู้โดยสารทั้งไทยและต่างชาติต่างเดินลงจากบันได
เทียบเครื่องบินลงไปเพื่อเดินเข้าตัวอาคาร
แม่จูงลูกตัวน้อยที่ช่างซักถามและสนใจในทุกสิ่งรอบตัว
ใครคนหนึ่งมองผ่านช่องหน้าต่างบนที่นั่งในเครื่องบิน
ผมถือกระเป๋าเดินทาง เดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆไปยังทางออกผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินแห่งนั้น
ผมยืนมองหารถตู้บริการสาธารณะที่จะวิ่งผ่านเส้นทางบ้านผม
ผมเดินตามผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกับผมขึ้นรถไปด้วยกัน
ผมนั่งอยู่บนรถตู้สาธารณะที่วิ่งระหว่างจังหวัด
มีผู้โดยสารอื่นอยู่ในรถคันนี้อีกจำนวนหนึ่งแต่ไม่เต็ม
อาจจะเป็นเพราะตามต่างจังหวัดพอ 2-3 ทุ่มผู้คน
ก็อยู่บ้านอยู่กับครอบครัวแล้ว
รถแล่นไปเรื่อยๆตามเส้นทางอันยาวไกล
ผมก้มลงดูโทรศัพท์ดูเฟซบุ๊ค ดูไลน์ไปเรื่อย
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาโตในเมืองหลวง
สมัยที่มาอยู่ใหม่ๆ ผมกลับบ้านบ่อย คิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน
พออยู่ไปหลายปี และผมโตขึ้น แสงสีเสียงและความศิวิไลน์ของเมืองใหญ่
แห่งนี้ก็กลืนกินจิตวิญญาณของเด็กบ้านนอกไปหมดสิ้น
หรือเป็นเพราะตัวผมเอง
วันนี้ผมรู้สึกอยากกลับบ้าน อยากกลับมาหาแม่ มากอด มานอนหนุนตักแม่
ผมว่าจะมาเซอร์ไพรส์แม่ด้วยการกลับมาหาแม่โดยไม่บอกล่วงหน้า
ผมคุยกับแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบเดือนที่แล้ว
ตอนนั้นแม่โทรหา ผมกำลังทำงานยุ่งอยู่
ผมรับโทรศัพท์ และบอกแม่ว่า "แม่...ผมทำงานอยู่ ค่อยโทรกลับนะครับ"
แม่ถามผมว่า "ลูกสบายดีนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"
ผมตอบกลับไปว่า "ค่อยโทรกลับนะแม่ ผมทำงานอยู่ตอนนี้"
ผมกดวางสาย
ผมมองดูหน้าจอโทรศัพท์ มองดูเบอร์โทรของแม่ที่จอ
"เดี๋ยวก็ได้เจอได้คุยกับแม่แล้วค่อยโทรแล้วกัน" ผมบอกกับตัวเอง
ผมกลับมาบ้านครั้งนี้เพราะผมรู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่าเมืองใหญ่แห่งนี้ช่างวุ่นวาย
ต้องต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งแข่งขันกันจนกลืนกินจิตวิญญาณความดีของมนุษย์
บางส่วนไปเกือบหมดสิ้น ผมตั้งใจจะกลับมาบ้านเพื่อมาอยู่เงียบๆ
คิดถึงชีวิตช่วงเป็นเด็ก ได้มาอยู่กับชีวิตบ้านนอกชีวิตที่ไม่ได้หรูหรา
แต่ผู้คนเต็มไปด้วยน้ำใจและจิตวิญญาณของมนุษย์
รถตู้แล่นมาจอดริมถนนหน้าตลาดแถวบ้าน
ผู้โดยสารคนหนึ่งลงจากรถตู้
ผมลงตาม ผู้โดยสารคนนั้นคงไม่รู้จักผม เขาเลยไม่ได้ทักทายผม
เขาแยกตัวออกไป
รถตู้ค่อยๆวิ่งออกไปตามทางเพื่อนำส่งผู้โดยสารคนอื่นตามจุดหมายของแต่ละคน
ผมยืนอยู่ทีถนนที่หน้าตลาด มองดูรอบๆ
เป็น 10 ปีแล้วที่ผมไม่ได้กลับมา
ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะจากครั้งเมื่อผมเป็นเด็ก
ความทรงจำต่างๆอยู่ในหัวผมมากมาย
หลายๆบ้านปิดบ้านเพื่อนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว
มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านถนนที่ผมยืนอยู่ 2-3 คัน
แต่ก็ไม่มีใครทักทายผม
ที่นี่คงไม่มีใครจำผมได้เพราะผมจากไปหลายปีมากแล้ว
ผมเดินถือกระเป๋าข้ามถนน เข้าไปในวัด
ทางเข้าไปบ้านผมต้องเดินผ่านวัดเข้าไปจะเดินไปถึงบ้านไม่ไกล
ที่ในวัดบ้านนอกเงียบสงบ หลายๆกุฏิที่พักสงฆ์พอมีแสงไฟฟ้าเล็ดลอด
ออกมาตามช่องต่างๆบ้างประปราย
ตอนเด็กๆผมมาช่วยหลวงตาออกบิณฑบาตรตอนเช้า
ได้อาศัยข้าวที่ญาติโยมถวายกินหลังหลวงตาฉันท์เสร็จ
แม่เคยเล่าให้ฟังว่าหลวงตาท่านมรณะภาพไปหลายปีแล้ว
ผมผูกพันและคุ้นเคยกับวัดนี้ ผมเลยไม่กลัวที่จะเดินผ่านวัดไปที่บ้าน
หมาวัดหลายตัวส่งเสียงเห่าหอน มองมายังผม
ผมเดินผ่านวัด ผ่านกำแพงที่บรรจุอัฐิของผู้ล่วงลับไป
หญิงสูงอายุวัย 70 กว่า
รูปร่างผอมเกร็งเนื่องจากการทำงานหนักมาตลอดชีวิต
ผมขาว นุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อเก่าๆ
นั่งเล่นลูบหัวแมวอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก
มีแมวหลายตัวอยู่ล้อมรอบส่งเสียงร้องคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
หมาพันธุ์ไทยผสมจำนวนหนึ่งนอนเหลือบตามองกลุ่มแมว
ผมยืนที่ประตูรั้วเก่าๆทางเข้าบ้าน
มองดูแม่
แม่แก่ลงไปเยอะจากที่เคยเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อเกือบปี
ที่แม่มาเที่ยวกรุงเทพฯกับเพื่อนๆ
แม่เคยบอกผมว่าเดี๋ยวนี้แม่นอนดึก กว่าจะหลับก็เที่ยงคืนตีหนึ่ง
ตีสี่ตีห้าแม่ก็ตื่นมาเตรียมหุงเข้า เตรียมอาหารให้แมวให้หมาแล้ว
ผมเปิดประตูรั้วบ้านเข้าไป
หมาที่บ้านลุกขึ้นเห่า และวิ่งมาเห่าใกล้ๆผมที่กำลังเดินเข้าบ้าน
แม่ตะโกนห้ามหมาให้หยุด
ผมเดินตรงไปหาแม่
ผมวางกระเป๋าลง
แล้วก้มกราบที่เท้าแม่
"กลับมาแล้วหรือลูก"
"แม่คิดถึงนะ"
แม่ดีใจมากที่เห็นผมกลับมาบ้าน
แม่กุลีกุจอดูแลผม ถามว่าผมหิวไหม
เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้ทาน
ผมบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ค่อยหิว
ไว้ก่อน
แต่แม่รีบไปเปิดตู้เย็น
ผมเอาของไปเก็บที่ห้องจัดการธุระส่วนตัว
แล้วมานั่งคุยกับแม่
แม่ทำไข่เจียวร้อนๆราดบนข้าวสวยให้ทาน
แม่บอกว่าว่าพรุ่งนี้แม่จะทำของที่ลูกชอบนะ
วันนี้ดึกแล้วกว่าจะทำเสร็จลูกคงหิวมาก
ผมกับแม่คุยกันไปสัพเพเหระ
แม่ก็ยังถามโน้นนี่นั่นเกี่ยวกับงาน
เกี่ยวกับความเป็นอยู่ เกี่ยวกับการมีครอบครัว
หลายๆอย่าง ผมก็ไม่อยากตอบ
คิดในใจว่าแม่ถามเยอะจัง จะถามอะไรมากมาย
ผมตัดบทไปว่า "ไว้ค่อยเล่าให้ฟังนะครับ"
วันนี้ดึกแล้ว รู้สึกปวดหัว เพลียๆเหนื่อยๆคงเกิดจากการทำงาน
แล้วเดินทางกลับมา
แม่ตอบว่า "ลูกพักผ่อนนะ มาเหนื่อยๆ" ทั้งๆที่จริง
ผมรู้ว่าแม่อยากจะคุยกับผมนานๆ
พรุ่งนี้แม่จะทำกับข้าวที่ลูกชอบไว้ให้ทานนะ
ผมไปอาบน้ำ แล้วขึ้นมานอนพักในห้อง
ก่อนนอนผมยังเห็นแม่นั่งอยู่หน้าบ้านที่เดิม
นั่งกอดแมวอยู่เหมือนเดิม
คืนนี้เป็นคืนที่ผมหลับอย่างเป็นสุข
ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องคิดกังวลเรื่องงาน เรื่องต่างๆในหัวอีกต่อไปแล้ว
เสียงไก่ขันยามเช้า
กลิ่นหอมสะอาดของธรรมชาติชนบท
ปลุกผมให้ตื่นมารับความบริสุทธิ์ของแผ่นดินที่ผมเกิด
ผมออกจากห้อง ไปล้างหน้า แปรงฟัน
ออกมานอกบ้านเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์
ดูพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงให้ความสว่างแก่โลก
ผมมองหาแม่ แต่ไม่เจอ
แม่คงออกไปคุยกับป้าๆน้าๆแถวใกล้บ้าน
ที่ในครัว แม่ทำกับข้าวที่ผมชอบไว้หลายอย่าง
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องให้โลกดูงดงามและเต็มไปด้วยพลังแห่งการเริ่มต้น
ต้นไม้หน้าบ้านเริ่มรก ใบไม้ตกเกลื่อนอยู่ทั่ว หญ้าเริ่มขึ้นสูง
แม่คงไม่มีเรี่ยวแรงจะดูแลได้ทั่วถึง
ในบ้านก็อากาศอับๆ เหมือนไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้ถ่ายเทมานาน
ฝุ่นก็เริ่มจับเครื่องใช้ในบ้านเยอะแล้ว
หมาและแมวที่บ้านก็ดูผอมไป
วันนี้หลังจากไปทำบุญที่วัดแล้วผมต้องทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย
ผมคิดในใจ
ผมแบ่งกับข้าวที่แม่ทำไว้ให้ทาน เตรียมไปทำบุญที่วัด
จะชวนแม่ไปด้วยแต่ยังไม่เห็นแม่
ผมอาบน้ำแต่งตัวไปวัด หิ้วปิ่นโตใส่กับข้าวไป 1 เถา
จากบ้านผมไปวัดเดินไปไม่ไกล
ผมเดินไปที่หอฉันท์
มีชาวบ้านหญิงชายอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังถวายภัตราหาร
ไม่มีใครสนใจผม อาจเป็นเพราะไม่มีใครจำผมได้
ผมก้มกราบพระประธาน และกราบหลวงพ่อและหมู่พระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง
หลวงพ่อท่านเรียกผม
ไม่เจอตั้งนานเลยโยม เพิ่งกลับมาบ้านหรือ
"ขอรับ หลวงพ่อ"
ผมตอบท่านกลับไป
หลวงพ่อท่านนี้ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณร
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระปฏิบัติ
และพัฒนาวัดให้เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน
ท่านเป็นที่นับถือรักใคร่ของคนในหมู่บ้านผม
ท่านรู้จักและเห็นผมตั้งแต่ผมยังเด็ก
"ตั้งใจรับพรนะ"
"เราเกิดมาเป็นมนุษย์ให้กตัญญูต่อแม่-พ่อ ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณ"
"เร่งสร้างบุญสร้างกุศลเพราะชีวิตมนุษย์ไม่ได้ยืนยาว"
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะโยม"
ผมว่าท่านไม่ได้พูด แต่จิตและบารมีของท่านสื่อสารมายังผม
ผมกราบท่านด้วยความเคารพ
หลวงพ่อและหมู่พระสงฆ์สวดมนต์ให้พรแก่ผู้มาทำบุญ
ชาวบ้านรวมถึงผมพนมมือรับพร และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
หลวงพ่อท่านมองมายังผมอย่างเมตตา
หลังจากรับพรและกรวดน้ำเสร็จ เหล่าชาวบ้านและผม
ต่างนำน้ำบริสุทธิ์ที่เราอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปเทรดต้นไม้
ผมเดินถือที่กรวดน้ำออกจากหอฉันท์
เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กำแพงวัด
ผมเทน้ำรดต้นไม้ใหญ่นั้นและกล่าวอุทิศบุญให้กับส่วนต่างๆ
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆผมรู้สึกปวดหัวมาก
แต่จิตใจผมรู้สึกปีติกับการได้มาทำบุญ
ผมลุกขึ้นยืน จะนำที่กรวดน้ำกลับไปเก็บที่เดิม
ผมยืนมองไปที่กำแพงที่บรรจุอัฐฐิ มองแบบผ่านๆไป
เข่าผมทรุดลงกับพื้น มือลูบผนังช่องเก็บอัฐฐิช่องนั้น
น้ำตาผมไหล สิ้นเรี่ยวแรง และไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
ผมคงฝันร้าย และมันเป็นความฝันที่ร้ายกาจที่สุดในโลกนี้แล้ว
ที่ช่องเก็บอัฐฐิช่องหนึ่งติดรูปเล็กๆซึ่งเป็นรูปแม่ผม
ชาตะ:....
มรณะ....
จากวันมรณะ แม่จากไปเมื่อวันสุดท้ายที่แม่โทรหาผมเดือนที่แล้ว
และผมบอกแม่ว่า "แม่...ผมทำงานอยู่ ค่อยโทรกลับนะ"
...................................................................................................................
เมืองหลวงของประเทศไทย 1 วันก่อนหน้า
เจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังตรวจสถานที่ในห้องพักคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันนำผ้าขาวห่อร่างชายหนุ่มผู้เสียชีวิต
จ่ามาริโอ้: หมวดครับจากรายงานการชันสูตรเบื้องต้นของแพทย์ คาดว่าผู้ตายเกิดภาวะเส้นเลือด
ในสมองแตกเฉียบพลัน ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ทำให้เสียชีวิต อาจจะเป็นเพราะภาวะความเครียด
จากการทำงาน การสูบบุหรี่จัด ทั้งนี้เราจะนำส่งผ่าพิสูจน์ และติดต่อให้ญาติผู้ตายทราบครับ
......................................................................................................................
ที่บ้าน: ในห้องนอนของแม่ "อัลบั้มใส่รูปถ่าย" ถูกเปิดไว้ตั้งอยู่ที่หัวเตียงนอน
ในอัลบั้มมีรูปขาวดำ และรูปสีเก่าๆของหญิงสาวกับลูกชายตัวน้อยอยู่หลายๆรูป
ข้างอัลบั๊มรูปถ่าย
ฝุ่นเริ่มเกาะโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่หน้าจอดับเพราะหมดแบตเตอรี่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องสลัวๆ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
สวัสดีครับ "ผมจ่ามาริโอ้ โทรมาจาก..." "คุณเป็นญาติของคุณ....ใช่ไหมครับ???"