ไดอารี่หมอดู หน้าที่ 39 ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 39 ค่ะ

กระทู้สนทนา
ไดอารี่หมอดู หน้าที่ 39 ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 39 ค่ะ

หัวใจนานาของขวัญนานานอน

เมษายน ๒๕๕๑

          สวัสดีทุก ๆ ท่านที่ติดตามอ่านไดอารี่หมอดูกันอย่างต่อเนื่อง ช่วงที่ผ่านมาพีร์ไม่ค่อยสบายแต่ได้ กำลังใจ จากลูกค้าหลาย ๆ ท่านที่ส่ง SMS มาให้ รวมทั้งได้ยาจีนจากพี่โมโม่ยี่ห้อหนึ่งช่วยเหลือไว้ จึงขอขอบคุณ ทุกท่านที่เป็นห่วงด้วยนะคะ


          ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนมาก ยังไงอย่าลืมดูแลร่างกายตัวเองด้วยนะคะ โดยเฉพาะคนที่ต้องออก ข้างนอกบ่อย ๆ พออากาศร้อนขึ้นมายิ่งทำให้ในกรุงเทพของเราเป็นเหมือนตู้อบ เพราะควันรถ ควันพิษใน กรุงเทพฯ เยอะมาก ๆ ต้นไม้ข้างทาง บางที่จากสีเขียวกลายเป็นเคลือบสีดำมองไม่ออกแล้วว่าเป็นสีเขียว โดยเฉพาะแถวสุขุมวิท จรัญสนิทวงศ์ ลาดพร้าว ต้นไม้เคลือบสีดำเยอะมาก กรุงเทพฯ จะไม่มี อากาศบริสุทธิ์เหลืออยู่ให้หายใจ เพราะต่อไปทุกตารางนิ้วจะกลายเป็นเมืองคอนกรีตไปแล้ว และควันพิษ ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีต้นไม้ฟอก ให้กลายเป็นอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจไปแล้ว


          มีอยู่วันหนึ่งเดินข้ามถนนไปส่งลูกที่โรงเรียนซึ่งติดถนนลาดพร้าว รถเยอะมากมองเห็นควันรถ แต่ละคัน ที่ผ่านหน้าไปพ่นออกมา แล้วต้องยืนอยู่ตรงนั้นประมาณสิบนาที ต้องสูดลมหายใจเข้าไป กลับมาบ้าน เช็ดจมูกดำมาก ผมก็เหนียวทั้งที่เพิ่งสระผมไปตอนเช้า


          ใครที่ต้องเดินถนนบ่อย ๆ ต้องพยายามติดร่มไว้กันแดด ติดผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ปิดจมูกกันหน่อยนะ ควันรถดำมาก ๆ พีร์โชคดีอย่างเดียวคือไม่ต้องเดินทางไกล จะโชคร้ายตรงที่ไม่ค่อยได้ใช้พลังงาน แต่คนที่ ต้องอยู่กับถนนทุกวันสิคะ น่ากลัวมากแค่ไหน เช่น ตำรวจจราจร คนกวาดขยะ คนที่ยืนรอ รถเมล์ทุกวัน ร่างกายพวกเขาต้องสูดสารพิษเข้าไปในร่างกายมากแค่ไหนไม่สามารถรู้ได้เลย


          ดังนั้นเวลาเห็นคนอื่นด่าตำรวจจราจรทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรให้เลย จึงรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เขาอุตส่าห์ต้องมายืนตากแดดสูดดมสารพิษ เงินเดือนไม่ได้เยอะ ซึ่งถ้าไม่ทำผิดกฎจราจร คุณไม่โดนจับ หรอก ตั้งแต่ขับรถมาโดนไปสั่งไปสามรอบ รอบแรกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หัดขับจึงเข้าผิดช่อง พี่สาวบอกว่า ถ้าหัดขับรถต้องผ่านอยู่สามที่แล้วจะขับเป็นเลยคือห้าแยกลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและหลักสี่ รอบสองที่อยุธยา จอดรอซื้อโรตีสายไหมที่เขาบอกว่าอร่อยมากคิวยาวประมาณห้าสิบคนรอสองชั่วโมง เขาบอกว่าห้ามจอดแต่ไม่รู้จริง ๆ รอบสามในซอยลาดพร้าวร้อยหนึ่งซื้อก๋วยเตี๋ยวประมาณสองทุ่ม ไม่คิดว่า จะโดนจับ โดนไปครั้งละสองร้อย ยอมรับโดยศิโรราบทุกครั้ง ครั้งแรกที่โดนยิ้มให้ตำรวจตลอด ตำรวจจึง ลดโทษให้ไม่หักคะแนน ปรับแต่เงิน


          ชีวิตคนในเมืองกรุงที่กำลังเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่กำลังจะตายผ่อนส่งทุกวันเพราะกำลัง สะสม สารพิษเข้าไปในร่างกายทุกวันไม่ว่าจากการสูดลมหายใจเอาควันพิษเข้าไปในร่างกาย หรือจาก การรับประทานอาหารที่มีสารเคมีตกค้าง


          ทำให้คนสมัยนี้เจอโรคร้าย ๆ หาสาเหตุโรคไม่ค่อยเจอ หรือบางโรคพัฒนาความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปีที่แล้วเจอคนไม่สบายเยอะมากเหมือนกัน โดยเฉพาะโรคมะเร็ง จนกระทั่งถึงตอนนี้เจอลูกค้าที่มีญาติหรือ พ่อแม่เป็นมะเร็ง จนทำให้สงสัยว่าเดี๋ยวนี้ทำไมเจอแต่คนที่เป็นมะเร็ง


          มะเร็งกำลังคุกคามมนุษย์หรือนี่ ซึ่งหลาย ๆ คนก็สงสัยเหมือนกัน บางคนเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่เคย ได้ยินมาก่อนเลย พอเกิดความสงสัยขึ้นมาเลยไปหาข้อมูล พบว่าอัตราการเจริญเติบโตของโรคมะเร็ง ไม่ได้มากจนน่าห่วงเกินไป เมื่อก่อนมีคนเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งอยู่ แต่เผอิญว่ามนุษย์ไม่ค่อยมีการติดต่อ สื่อสารกันมากเท่าไหร่ แต่ยุคสมัยนี้เป็นยุคเทคโนโลยีที่มีการติดต่อสื่อสารกันมาก ทำให้รับรู้ข่าวสารของ คนอื่นมากขึ้น เลยทำให้รู้สึกว่าเจอแต่คนเป็นโรคมะเร็ง


          ก่อนหน้านี้เจอคนเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่รู้จัก ทำให้รู้สึกว่าทำไมร้ายแรง ทำไมน่ากลัวจัง ทำไมอวัยวะ ทุกส่วนเป็นมะเร็งได้หมดเลยเหรอ เกิดความสงสัยหาข้อมูลเพิ่มทำให้รู้ว่ามะเร็งสามารถเกิดได้กับอวัยวะ ต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตับ ลำไส้ สมอง ต่อมน้ำเหลือง กระเพาะอาหาร ช่องปาก แก้ม ลิ้น กล่องเสียง ปอด ตับ เต้านม มดลูก ต่อมลูกหมาก ผิวหนัง โพรงจมูก


          มนุษย์ก่อบาปด้วยจิตใจที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้โรคร้ายต่างมีความซับซ้อนขึ้นตามจิตของมนุษย์ ดังนั้น ความเสี่ยงต่อโรคร้ายเกิดจากวิบากที่มีอยู่ บางคนจะเป็นจากกรรมในอดีต แต่บางคนเกิดจาก ผลของกรรมในชาตินี้เลย


          มีตัวอย่างล่าสุด เจอญาติของพี่คนหนึ่งเป็นมะเร็งที่ลิ้นต้องเลาะฟันออกหมด จึงคำนวณดวงออกมา พบว่ามีดวงวาจามรณะ มีกรรมที่เคยใช้คำพูดจิกกัด กดดันกระทบกระทั่งคนอื่นด้วยเจตนาที่แรง หวังให้ คนอื่นได้รับความทุกข์ทรมานเจ็บปวดคิดมากด้วยคำพูด และเจตนาพูดเพื่อให้ได้รับความทรมานแสนสาหัส หรือมีเจตนาทำให้คนอื่นเขาเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายต้องอ่อนแอ ต้องทรมานปางตาย ผลของกรรมย่อมให้ผลที่ต้องเจออะไรที่แรง ๆ แบบนี้ได้


          กรรมจะหนักจะเบาในบางครั้งอยู่ที่น้ำหนักของจิตใจขณะนั้นด้วยค่ะว่ามีกำลังแรงแค่ไหน มีเจตนา ที่จะทำกรรมแบบไหนด้วย อย่างกรณีของญาติพี่คนนี้ตอนที่เขาเป็นคนปรกติทั่วไปไม่โดนอำนาจของโทสะ ความโกรธความเจ็บใจเข้าครอบงำ ก็เป็นเหมือนคนทั่วไปคือใจดี ชอบทำบุญไปวัด สนุกสนานเฮฮา แต่เวลาที่เจ็บใจโกรธแค้นใครจะแปลงร่างเป็นมาร กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้จักทำให้พลาดพลั้งทำบาปหนัก ได้


          คนส่วนใหญ่ที่กำลังใช้ผลของกรรมอยู่ มักจะไม่ค่อยยอมรับความจริงเท่าไหร่ว่าเป็นผลของกรรม ที่ตัวเองเคยร้ายมาก่อน อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นเทวดานางฟ้าผู้ใจดีมีแต่เมตตา ไม่น่าจะไปทำ เรื่องร้ายมาได้ ถึงขนาดนั้น


          จิตมนุษย์มีความพลิกผันตลอดเวลาไม่คงที่ สลับกันเป็นนางฟ้า พญามารชั่วขณะได้เสมอ แต่อย่างน้อย ต้องเคยทำผิดสำนึกผิดมาก่อนแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่มีบุญพอที่จะเกิดมาเป็น มนุษย์ได้


          จิตของพวกเราไม่ค่อยยอมรับความจริงกันเท่าไหร่หรอกค่ะ ทำให้เวลาที่ต้องใช้ผลของกรรมเลยเกิด ความทุกข์มากเป็นธรรมดา พยายามอยากจะรู้ว่าตัวเองทำบาปมาจริง ๆ หรือเปล่าก็มี บางคนอยากรู้อ ดีตชาติมาก ๆ ว่าเป็นอะไรมา ซึ่งความจริงจิตตอนนั้นเหมือนจะรับได้ แต่ความจริงของจิต ไม่สามารถรับได้ ง่าย ๆ ขนาดนั้น บางคนที่จิตใจไม่แข็งแรงมากพอก็ไม่ควรรู้ เพราะถ้ารู้จะนำเอาแต่เรื่อง ที่จบไปแล้ว มาเป็นทุกข์ขวางทางชีวิตได้


          ความจริงแค่พิจารณาหลักง่ายๆ ว่าถ้าไม่เคยทำผิดยังไงก็ไม่โดนทำ ไม่ต้องมานั่งทุกข์ทรมาน เพราะทำผิดมาเลยต้องมานั่งทุกข์ใช้ผลของบาปอยู่ แค่ใช้หลักความจริงข้อนี้จิตใจของมนุษย์เรายังยอมรับ ไม่ได้เลย พยายามโยนให้เป็นความผิดของคนอื่นตลอด ทั้งที่ตัวเองกำลังเสวยผลของกรรมแท้ ๆ


          มนุษย์ตอนที่ไม่มีกิเลสเข้าครอบงำเหมือนไม่ใช่คนบาปอะไร ไม่ค่อยคิดว่าตัวเองจะชั่วร้าย หรือบางทีไปเจอความคิดชั่วของตัวเองพยายามกลบเกลื่อนเปลี่ยนไป และพยายามยัดเยียดให้ตัวเองคิด ด้านดี ๆ ออกไปเสมอ ๆ เลยทำให้เข้าใจผิดว่าเราเป็นคนดีมาตลอด


          จะพล่ามยาวไปแล้วค่ะกลับมาที่เรื่องของโรคร้ายต่อนะคะ มักจะมีคนมาปรึกษาเหมือนกันค่ะ ว่าจะ แก้ไข อย่างไรดีเมื่อผลของกรรมให้ผลเจอโรคร้ายเหล่านี้แล้ว จะทำยังไงดี


          อันดับแรก รักษาทางการแพทย์ตามปรกติ แต่อย่าให้หมอพยากรณ์ความตายว่าจะอยู่ได้อีกเท่าไหร่ ห้ามถามและขออย่าให้หมอคาดคะเน ให้ไปรักษาแค่ดูผล ตรวจร่างกายว่าเป็นยังไงตามปรกติที่ต้องทำ ต้อง เชื่อมั่นว่าดวงตายเปลี่ยนได้ตามการกระทำปัจจุบัน ยกเว้นที่บางคนจิตใจแข็งแรงพอจะรับได้ รู้ไว้เพื่อ เตรียมใจได้


          อันดับที่สองใช้บุญกุศลเป็นตัวเสริม เช่น ทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ คนเจ็บป่วย ทำบุญด้วยยา เพื่อให้คนอื่นอายุยืนมากขึ้น พยายามทำอย่างต่อเนื่องทุกเดือนได้ยิ่งดี ถ้ากำลังทรัพย์ไม่พอต้องใช้ สวดมนต์แผ่เมตตา อ่านหนังสือธรรมะ ฟังธรรม อย่างน้อย ๆ จะทำให้เจอหมอดี ยาดี ไม่แพ้ยา โรคไม่กำเริบ มีสิทธิ์รักษา หายได้


          อันดับที่สาม พยายามรักษาจิตใจให้เกิดความสุขมากกว่าความหงุดหงิด เพราะเท่าที่สังเกต คนที่เป็นมะเร็งแล้วหาย ส่วนใหญ่จะกลัวตายจนไม่กลัวตาย พอไม่กลัวตายใจไม่เครียด ไม่เครียด ก็ไม่เกิดโทสะ


          พยายามอย่าให้จิตใจเศร้าง่าย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการปรับสภาพไม่ทัน จากคนเคยทาน อะไรก็ได้ โดนจำกัด จากแข็งแรงต้องอ่อนแอ จากไม่เคยเจ็บต้องมาเจ็บ จิตใจจะไม่ชอบสภาพที่เป็น จิตใจจึงเกิดความหงุดหงิดได้ ต้องพยายามให้กำลังใจคนไข้ตลอดว่าไม่ควรยึดติดกับอดีตที่เคยร่างกาย สบายมาก่อน ไม่อย่างนั้นจะทำให้จิตตกยาว ให้ท่องไว้ว่าอดีตไม่เคยป่วยเป็นเรื่องของอดีต ไม่ใช่ตอนนี้


          หากิจกรรมทำเพื่อให้เกิดความสบายใจ เพราะความสบายใจจะทำให้ลืมความเจ็บชั่วขณะ และความสุข ทำให้ร่างกายสามารถหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ยิ่งเกิดความสุขบ่อย ๆ จะทำให้แผลหรือโรคที่เกิดขึ้น ไม่ลุกลาม ไม่เจริญเติบโต ไม่ต้านยาที่รักษาอยู่


          ในทางตรงกันข้ามถ้าร่างกายเกิดโทสะจะทำให้เป็นลักษณะเหมือนไฟเผา จะทำให้โรคลุกลาม ไม่สามารถใช้ยาช่วยได้ โทสะรวมไปถึงความกลัว ความเศร้า ความหงุดหงิด ความเบื่อ เป็นโทสะเหมือนกัน


          อันดับที่สี่ เมื่อทำอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ให้เตรียมตัวตายอย่างสงบ ให้จิตสุดท้ายผูกกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือให้ผูกกับบุญกุศล หรือความดีที่เขาทำมา ความดีที่เขา อยากทำ ไม่ควรร้องไห้ให้เห็น บางคนช่วยให้เขาทำบุญไม่ได้ ให้พยายามเล่าถึงความดีที่ได้สร้างมา ให้เขาเอาใจผูกติดไว้จะช่วยให้ไปดี ๆ ได้


          อันดับที่ห้า เมื่อพยายามทุกทางแล้ว ไม่สามารถช่วยได้สักอย่างคนไข้ไม่รับ ก็ต้องทำใจของคนช่วย ให้เป็นกลาง ๆ แทนว่า ได้พยายามถึงที่สุดแล้วทำใจให้สบาย ๆ อุเบกขาสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เพราะบางคนทั้งชีวิตของเขาไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เข้าสู่เส้นทางนี้ก็จะช่วยยาก


          ทำให้ดีที่สุด ช่วยให้ดีที่สุด และไม่คาดหวังผลที่จะออกมาว่าจะดีอย่างเดียว ชีวิตมนุษย์เรา ไม่สามารถล่วงพ้นความตายไปได้ ขณะมีชีวิตอยู่ต้องสร้างความดีไว้ก่อนให้จิตใจมีความสุข จะได้ไม่ต้อง พยายามไปรีบสร้างตอนนาทีสุดท้าย เมื่อมีชีวิตทั้งชีวิตเป็นไปทางกุศล จิตสุดท้ายย่อมไม่น่าห่วงมาก


          ช่วงนี้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังแตกตื่นเรื่องของภัยธรรมชาติกลัวน้ำท่วม หรือภัยพิบัติต่าง ๆ แต่ สำหรับพีร์คิดว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าภัยธรรมชาติ คือภัยเงียบในจิตใจของมนุษย์ ดังนั้นภัยที่ควรหาทางแก้ก่อน คือภัยในจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยราคะ โทสะ โมหะ นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่