การตั้งกระทู้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกครับ
เรื่องที่จะพูดถึงกดดันให้ผมต้องสมัครเข้ามาเพื่อหาคำแนะนำหลายๆทาง
ผมคบกับแฟนมาได้ประมาณหนึ่งครับ โดยส่วนตัวผมเองเป็นคนรักมั่นคง ไม่เคยเจ้าชู้ ดูแลแบบพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป มีเวลาให้เค้าได้ตลอดที่เค้าต้องการ จากที่รู้จักตัวเองนะครับ(คือไม่ได้พยายามพูดอวยนะครับ) ปัจจุบันเป็นเเฟนคนที่3 เเต่ละคนที่คบมาไม่เคยน้อยกว่า5ปี ส่วนมากจะเลิกกันเพราะ เข้ากันไม่ได้และบางทีก็โดนนอกใจครับ ตอนนี้ผมอายุ25 มีธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง โรงแรม เปิดเเบรนด์เครื่องประดับ บลาๆๆ เป็นค้าปลีกซะส่วนมาก คือมีฐานะประมานนึงครับ ไม่ถึงกับรวยล้นฟ้า ทำงานหาเงินสร้างความมั่นคงด้วยตัวเองมาตลอด(GEN Yและเฟวมาเยอะ)
เข้าเรื่องครับ
คือว่าตอนนี้ผมค่อนข้างลำบากใจมากกับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปกติอยู่กับเเฟนมีความสุขดีครับ ด้วยความที่ทางบ้านของเเฟนผม
มีความประสงค์อยากให้เเฟน สมัครเป็นแอร์เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับทางบ้านเค้าด้วย แต่เจ้าตัวไม่ได้อยากเป็นเลย แต่ด้วยความที่เป็นลูกที่ดี จึงทำตามหน้าที่ สมัครแอร์สายการบิน ต่างประเทศ พอผมรู้ว่ายังไงเเฟนก็หนีเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ ความรู้สึกกลัวๆ มันก็เริ่มเกิดขึ้นในใจ เเต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มากมายเท่าไหร่ จนกระทั่งเมื่อ
ถึงวันที่เเฟนผมสมัครติด คือผ่านเข้ารอบfinal และเห็นทรงว่า

ต้องได้เป็นแน่ๆ เท่านั้นเเหละครับ จะดีใจมันก็ดีใจนะครับ เค้าได้มีงานดีอนาคตดี
อีกใจก็เเบบว่า ชิ๊ปหายเเล้ว แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ต้องไปเบสที่DUBAIด้วย นั่นเเปลว่า ผมจะเเทบไม่ได้เจอเเฟนผมเลยเป็นเวลา2-3ปีอย่างต่ำ
ผมค่อนข้าง เบื่อหน่ายกับการจากลาในความรักมากครับ มันหน่วงๆเเบบพูดไม่ถูกจริงๆ หลังจากนั้นบุคคลิคผมก็เปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ ผมเริ่มคิดมาก
ซึมเศร้าบ้าง มันรู้สึกเหมือนรอวันที่เค้าจะหลุดออกไปจากชีวิต แย่จัง แต่ก็พยายามมองโลกสวยนะครับ ผมก็ไปดูกระทู้ตามพันทิพเนี่ยเเหละครับ
ถามจากเพื่อนที่เป็นนักบิน เป็นแอร์ หรือคนที่เคยมีเเฟนเป็นแอร์ แม้กระทั่งครอบครัวผมเอง น่าเศร้าครับ เกือบ90% บอกว่าให้ทำใจ หลุดชัวร์
หรือนี่คือบทพิสูจคำว่า รักแท้แพ้ระยะทางกันแน่
ครับ.....
ไม่นานเเฟนผมก็เริ่มรับรู้ถึงรังสีความเซ็งของผม เดินมากอดผมแล้วบอกว่า "ตัวเองเป็นอะไร เค้าไม่ได้ไปทั้งชีวิตซะหน่อย"
ฮือ (แค่เดือนเดียวก็ขาดใจเเล้ว) คืนนั้นผมจำได้เราก็นอนตามปกติ ที่ไม่ปกติคือผมนอนไม่หลับ
พยายามข่มตานอนยังไงก็ไม่หลับ จิตใจฟุ้งซ่านมากๆ มีเเต่เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัว
จะเอายังไงดีนะ เราไม่มีทางไว้ใจระยะทางกับความสัมพันธ์เเน่ๆ เพราะน้อยคู่มากที่ผมเห็นว่ารอดจนกลับมาเเต่งงาน แล้วก็เริ่มคิดอะไรได้บางอย่าง
"ลองคิดดูนะ มืงจะยอมเเพ้แค่นี้หรอวะ ในเมื่อปัญหามันคือระยะทางที่ไกล กับคนที่มืงรัก ทำไมมืงไม่ทำให้เต็มที่วะ ถ้ามันสุดทางทำเต็มที่เเล้วมันไม่รอด
ก็ยังดีกว่าขี้เพ้ ยอมแพ้ตั้งเเต่ยังไม่เริ่ม " เท่านั้นเเหละครับ ผมลุกออกจากเตียงมานั่งโต๊ะทำงาน เปิดไฟโคมสลัวๆ นั่งคิดหาทางออก เอาวะ
ธุรกิจกูมี โปรดัคกูก็มี ทั้งหมดที่ทำมาก็ด้วยมือตัวเองทั้งนั้น ถ้าวันนึงจะต้องย้ายฐานไปอยู่Dubai ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ (ครับ เข้าใจครับ บางคนคงคิด
ว่าผมบ้า ปัญญาอ่อน) ไม่รู้สิผมคิดว่าจะยอมแพ้แค่นี้มันไม่ใช่ผมอะ ผมอาจจะได้พิสูจ ว่าความรักไม่ได้เเพ้ระยะทางเเต่อาจจะขึ้นอยู่กับใจคนก็ได้ครับ
ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนคนนึง เป็นการ์ดที่ผับดังในย่านสุขุวิทที่มีชาวต่างชาติเยอะๆ จำได้ว่าเพื่อนคนนี้ มีเพื่อนชาวต่างชาติเยอะ และในนั้นมีคนDubaiด้วย
แล้วเราเคยคุยกันถึงเรื่องอยากเปิดเเบรนด์รองเท้าหนังไปขายDUBAI มันบอกว่าที่บ้านมันทำรองเท้าหนังอยู่เเล้ว โดยพ่อมันเองเป็นช่างหนังผู้ทรงพลัง
เเต่มันขาดเเค่คนที่จะทำจริงๆกับมัน
ไม่รอช้าหยิบโทรศัพโทรไปทันที มันว่างอยู่ซะด้วย เวลาประมานตี2 นั่งคุยกันเรื่องทำการค้าที่dubai ผลออกมาค่อนข้างน่าดีใจครับ
connectionเพื่อนของมันยังมีอยู่ และเเฟนมันเองก็เคยอยู่dubaiมานาน และค่อนข้างจะเห็นด้วยมากๆ กับideaนี้
มันพูดว่ามีงานนึงที่นั่น พอจะแจ้งเกิดได้ นั่นคืองาน Global village ที่จะจัดทุกปี ปีละ2เดือน เเต่คิดตอนนั้นมันก็สายเเล้วครับ งานเพิ่งหมดไป
เลยคุยกันว่าเราจะมาจับเข่าคุยกันจริงจังอีกที
หลังจากนั้นผมก็ค้นคว้า ทุกอย่างที่เกี่ยวกับประเทศนี้ การค้า การทำธุรกิจ วัฒนธรรม ค่าคลองชีพ หรืออะไรที่ผมควรรู้
ประเทศนี้มีความน่ากลัวอยู่มากครับในเรื่องกฎหมาย จะแรงไปไหน เเต่ก็พอมีความเป็นไปได้อยู่ครับ
สรุปครับ
ความคิดผมมันเพี้ยนเกินไปรึเปล่ากับระยะทางและความสัมพันธ์ในอนาคตที่พูดยากแบบนี้
รบกวนแนะนำผมด้วยครับ ยินดีมากๆ ด่าได้ครับเเต่อย่าแรง 5555
เมื่อแฟนต้องไปเป็นแอร์ฮอสเตจอยู่ต่างประเทศ ระยะทาง เวลาและการตัดสินใจ
เรื่องที่จะพูดถึงกดดันให้ผมต้องสมัครเข้ามาเพื่อหาคำแนะนำหลายๆทาง
ผมคบกับแฟนมาได้ประมาณหนึ่งครับ โดยส่วนตัวผมเองเป็นคนรักมั่นคง ไม่เคยเจ้าชู้ ดูแลแบบพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป มีเวลาให้เค้าได้ตลอดที่เค้าต้องการ จากที่รู้จักตัวเองนะครับ(คือไม่ได้พยายามพูดอวยนะครับ) ปัจจุบันเป็นเเฟนคนที่3 เเต่ละคนที่คบมาไม่เคยน้อยกว่า5ปี ส่วนมากจะเลิกกันเพราะ เข้ากันไม่ได้และบางทีก็โดนนอกใจครับ ตอนนี้ผมอายุ25 มีธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง โรงแรม เปิดเเบรนด์เครื่องประดับ บลาๆๆ เป็นค้าปลีกซะส่วนมาก คือมีฐานะประมานนึงครับ ไม่ถึงกับรวยล้นฟ้า ทำงานหาเงินสร้างความมั่นคงด้วยตัวเองมาตลอด(GEN Yและเฟวมาเยอะ)
เข้าเรื่องครับ
คือว่าตอนนี้ผมค่อนข้างลำบากใจมากกับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปกติอยู่กับเเฟนมีความสุขดีครับ ด้วยความที่ทางบ้านของเเฟนผม
มีความประสงค์อยากให้เเฟน สมัครเป็นแอร์เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับทางบ้านเค้าด้วย แต่เจ้าตัวไม่ได้อยากเป็นเลย แต่ด้วยความที่เป็นลูกที่ดี จึงทำตามหน้าที่ สมัครแอร์สายการบิน ต่างประเทศ พอผมรู้ว่ายังไงเเฟนก็หนีเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ ความรู้สึกกลัวๆ มันก็เริ่มเกิดขึ้นในใจ เเต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มากมายเท่าไหร่ จนกระทั่งเมื่อ
ถึงวันที่เเฟนผมสมัครติด คือผ่านเข้ารอบfinal และเห็นทรงว่า
อีกใจก็เเบบว่า ชิ๊ปหายเเล้ว แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ต้องไปเบสที่DUBAIด้วย นั่นเเปลว่า ผมจะเเทบไม่ได้เจอเเฟนผมเลยเป็นเวลา2-3ปีอย่างต่ำ
ผมค่อนข้าง เบื่อหน่ายกับการจากลาในความรักมากครับ มันหน่วงๆเเบบพูดไม่ถูกจริงๆ หลังจากนั้นบุคคลิคผมก็เปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ ผมเริ่มคิดมาก
ซึมเศร้าบ้าง มันรู้สึกเหมือนรอวันที่เค้าจะหลุดออกไปจากชีวิต แย่จัง แต่ก็พยายามมองโลกสวยนะครับ ผมก็ไปดูกระทู้ตามพันทิพเนี่ยเเหละครับ
ถามจากเพื่อนที่เป็นนักบิน เป็นแอร์ หรือคนที่เคยมีเเฟนเป็นแอร์ แม้กระทั่งครอบครัวผมเอง น่าเศร้าครับ เกือบ90% บอกว่าให้ทำใจ หลุดชัวร์
หรือนี่คือบทพิสูจคำว่า รักแท้แพ้ระยะทางกันแน่
ครับ.....
ไม่นานเเฟนผมก็เริ่มรับรู้ถึงรังสีความเซ็งของผม เดินมากอดผมแล้วบอกว่า "ตัวเองเป็นอะไร เค้าไม่ได้ไปทั้งชีวิตซะหน่อย"
ฮือ (แค่เดือนเดียวก็ขาดใจเเล้ว) คืนนั้นผมจำได้เราก็นอนตามปกติ ที่ไม่ปกติคือผมนอนไม่หลับ
พยายามข่มตานอนยังไงก็ไม่หลับ จิตใจฟุ้งซ่านมากๆ มีเเต่เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัว
จะเอายังไงดีนะ เราไม่มีทางไว้ใจระยะทางกับความสัมพันธ์เเน่ๆ เพราะน้อยคู่มากที่ผมเห็นว่ารอดจนกลับมาเเต่งงาน แล้วก็เริ่มคิดอะไรได้บางอย่าง
"ลองคิดดูนะ มืงจะยอมเเพ้แค่นี้หรอวะ ในเมื่อปัญหามันคือระยะทางที่ไกล กับคนที่มืงรัก ทำไมมืงไม่ทำให้เต็มที่วะ ถ้ามันสุดทางทำเต็มที่เเล้วมันไม่รอด
ก็ยังดีกว่าขี้เพ้ ยอมแพ้ตั้งเเต่ยังไม่เริ่ม " เท่านั้นเเหละครับ ผมลุกออกจากเตียงมานั่งโต๊ะทำงาน เปิดไฟโคมสลัวๆ นั่งคิดหาทางออก เอาวะ
ธุรกิจกูมี โปรดัคกูก็มี ทั้งหมดที่ทำมาก็ด้วยมือตัวเองทั้งนั้น ถ้าวันนึงจะต้องย้ายฐานไปอยู่Dubai ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ (ครับ เข้าใจครับ บางคนคงคิด
ว่าผมบ้า ปัญญาอ่อน) ไม่รู้สิผมคิดว่าจะยอมแพ้แค่นี้มันไม่ใช่ผมอะ ผมอาจจะได้พิสูจ ว่าความรักไม่ได้เเพ้ระยะทางเเต่อาจจะขึ้นอยู่กับใจคนก็ได้ครับ
ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนคนนึง เป็นการ์ดที่ผับดังในย่านสุขุวิทที่มีชาวต่างชาติเยอะๆ จำได้ว่าเพื่อนคนนี้ มีเพื่อนชาวต่างชาติเยอะ และในนั้นมีคนDubaiด้วย
แล้วเราเคยคุยกันถึงเรื่องอยากเปิดเเบรนด์รองเท้าหนังไปขายDUBAI มันบอกว่าที่บ้านมันทำรองเท้าหนังอยู่เเล้ว โดยพ่อมันเองเป็นช่างหนังผู้ทรงพลัง
เเต่มันขาดเเค่คนที่จะทำจริงๆกับมัน
ไม่รอช้าหยิบโทรศัพโทรไปทันที มันว่างอยู่ซะด้วย เวลาประมานตี2 นั่งคุยกันเรื่องทำการค้าที่dubai ผลออกมาค่อนข้างน่าดีใจครับ
connectionเพื่อนของมันยังมีอยู่ และเเฟนมันเองก็เคยอยู่dubaiมานาน และค่อนข้างจะเห็นด้วยมากๆ กับideaนี้
มันพูดว่ามีงานนึงที่นั่น พอจะแจ้งเกิดได้ นั่นคืองาน Global village ที่จะจัดทุกปี ปีละ2เดือน เเต่คิดตอนนั้นมันก็สายเเล้วครับ งานเพิ่งหมดไป
เลยคุยกันว่าเราจะมาจับเข่าคุยกันจริงจังอีกที
หลังจากนั้นผมก็ค้นคว้า ทุกอย่างที่เกี่ยวกับประเทศนี้ การค้า การทำธุรกิจ วัฒนธรรม ค่าคลองชีพ หรืออะไรที่ผมควรรู้
ประเทศนี้มีความน่ากลัวอยู่มากครับในเรื่องกฎหมาย จะแรงไปไหน เเต่ก็พอมีความเป็นไปได้อยู่ครับ
สรุปครับ
ความคิดผมมันเพี้ยนเกินไปรึเปล่ากับระยะทางและความสัมพันธ์ในอนาคตที่พูดยากแบบนี้
รบกวนแนะนำผมด้วยครับ ยินดีมากๆ ด่าได้ครับเเต่อย่าแรง 5555