ตามหัวข้อเลยค่ะ
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะ ครอบครัวดิฉันแยกทางกันแต่พ่อแม่ก็ยังคุยกันได้ค่ะ บ้านเกิดอยู่ต่างจังหวัด สอบติดมหาวิทยาลัยดังของภาคอีสานค่ะ ส่วนแฟนเก่า! ครอบครัวเขาก็แยกทางกันค่ะ แต่ภูมิฐานค่อนข้างจะดีมากกว่าดิฉัน เขาเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ
ตลอดระยะเวลาที่คบกันดิฉันอาศัยอยู่บ้านของผู้ชายค่ะ พ่อแม่ดิฉันรู้เรื่องแต่ไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของดิฉัน ดิฉันได้มีโอกาสเข้าทำงานที่ดีหลังเรียนจบใหม่จากผลพลอยได้ที่พาแฟนเก่ามาสมัครงาน <งงไหมคะ

>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือเป็นคนพาแฟนมาสมัครงานแต่บังเอิญตำแหน่งดิฉันว่างเขาเลยเรียกดิฉันไปสัมภาษณ์งาน แล้วเขาก็ได้งานเช่นกัน สรุปทำงานที่เดียวกันค่ะ! ตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยกัน ดิฉันจะโดนหัวหน้าตักเตือนประจำเรื่องการมาทำงานสายและการติดเกมของแฟนดิฉัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือเวลาเขาทำอะไรผิดก็จะโดนด่าคู่ตลอดค่ะ ดิฉันก็ได้แต่บอกเขาค่ะ ต่อมาเขาเสนอว่าออกรถยนต์มาขับไหมจะได้สะดวกสบาย ดิฉันก็ไม่ได้ขัดอะไร ออกก็ออก ตามฐานเงินเดือน ดิฉันเงินเดือนเยอะกว่า แต่อายุยังน้อยเลยต้องทำการกู้ร่วม เลยตกลงกันว่ารถเป็นชื่อเขาแล้วมีชื่อดิฉันพ่วงด้วย ส่วนค่างวดหมื่นกว่า เราตกลงกันว่าเงินเดือนเขามาจากค่างวดรถ ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้าน อาหารการกินคือส่วนของดิฉันบ้านของเขาเป็นครอบครัวใหญ่ และด้วยความบ้านที่ใหญ่โตดิฉันจึงคิดอยากได้ของอำนวยความสะดวก ดิฉันซื้อเข้าด้วยเงินผ่อน และจ่ายหมดเพียงคนเดียว มีของใช้บางอย่างที่เขาไม่เห็นด้วยแต่ดิฉันอยากได้และก็บอกจะจ่ายเอง จะซื้อเอง อาทิ แอร์ เครื่องซักผ้า ทีวี เตียงนอน ... <ใช้บัตรผ่อนหมดค่ะ บัตรเป็นชื่อดิฉัน ดิฉันผ่อนเอง > มีของบางอย่างที่เขาอยากได้ ดิฉันก็รูดผ่อนให้ค่ะ โดยไม่คิดอะไร พออยู่กันมาเรื่อยๆ ดิฉันเริ่มเหนื่อยค่ะ ...ดิฉันเริ่มรู้สึกว่าไม่เสมอภาคกัน เราทำงานเหมือนกัน แต่กลับบ้านเขานั่งเล่นคอมส่วนดิฉันต้องมาทำงานบ้าน //เสาร์_อาทิตย์ ดิฉันต้องตื่นมาทำงานพิเศษ ส่วนเขายังหลับอยู่ในที่นอน ทุกเช้าเวลาตื่นไปทำงานเขาต้องรอให้ดิฉันแต่งตัวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลุกจากที่นอนมาแต่งตัว และดิฉันก็ต้องรอเขา ไปทำงานสายประจำค่ะ ....ต่อมาเขาเริ่มมีปัญหากับที่ทำงานค่ะ เขาอยากจะออกจากงาน ดิฉันคุยกับเขาว่าให้หางานใหม่ได้ก่อนค่อยออกดีกว่าไหม สรุปเขาไม่รอค่ะ เขาออกจากงานโดยทันที // หลังจากออกจากงานเขาอยากได้มอไซต์ขับค่ะ แต่ไม่มีเงินดาวน์ เลยเอาบัตรเครดิตของดิฉันไปกดค่ะ เขาบอกว่าจะผ่อนเอง .... (ตอนนี้ดิฉันเริ่มกังวลใจ) พอเขาถอยรถมาได้ น้องชายเขาก็อยากได้เหมือนกันค่ะ แต่อายุไม่ถึง ทางครอบครัวเขาเลยขอร้องให้ช่วยเอาชื่อดิฉันใส่เข้าไป ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆทางเขาจะจัดการเอง ดิฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยตกลงช่วยค่ะ ...ในขณะนั้นครอบครัวของดิฉันมีปัญหาค่ะ แม่ป่วยดิฉันจำเป็นต้องพามาอยู่ด้วย แต่ด้วยสถานะที่ดิฉันอาศัยอยู่บ้านของเขาแม่ดิฉันจึงไม่ค่อยสะดวกใจนักค่ะ (ดิฉันคุยกับเขาเรื่องแม่ เขาและครอบครัวเขายินดีค่ะที่จะให้แม่มาอยู่ด้วย ...อ้อ!! ลืมบอกอีกอย่างคือดิฉันเคยรับแม่มาเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านของเขาครั้งหนึ่งค่ะ แต่แม่อยู่ไม่ได้ค่ะ เพราะคิดว่าดิฉันจะดูไม่ดีและแม่ของเขามาขอแบ่งที่แบ่งทางกับแม่ของดิฉันด้วยเหตุผลที่ว่าจะหาแฟนฝรั่งให้...เรื่องนี้ดิฉันพึ่งรู้เพราะแม่มาเล่าให้ฟังทีหลังค่ะ///ส่วนดิฉันเข้าใจว่าแม่อยู่ไม่ได้เพราะกลัวดิฉันเสีย)
....ด้วยที่แม่ป่วย ความรู้สึกว่าเขาไม่เป็นผู้นำ และกังวลอยู่แล้ว ดิฉันอยู่กับเขามา5ปี ยังมองไม่เห็นความตั้งใจทำงานเก็บเงิน แต่งงาน (ดิฉันเคยถามเขาเรื่องแต่งงานเขาบอกว่าจะกู้ค่ะ พ่อแม่ดิฉันไม่ตกลง) แม่ดิฉันบอกว่าถ้าเขารักเราจริงเขาจะตั้งใจทำงาน ดูแลเราและไม่ปล่อยให้เราลำบาก ไม่ว่ายังไงเขาก็จะเข้าใจเรา ดิฉันได้คุยกับเขาเรื่องจะไปเช่าบ้านอยู่กับแม่ ดิฉันไม่ได้จะเลิกกับเขา ดิฉันชวนเขามาอยู่ด้วยกันแต่เขาบอกว่าทำไมต้องไปในเมื่อเขามีบ้าน มีครอบครัวของเขา ดิฉันตัดสินใจย้ายออกมาด้วยตัวคนเดียว เอาไปเพียงเสื้อผ้าและเตารีด(เป็นเงินที่ดิฉันซื้อ)และช่วงนี้เราก็ทะเลาะกันค่ะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกออกไป ส่วนดิฉันคิดว่าถ้าเขารักเรา เขาก็คงตามเรามาค่ะ ...สรุปเขาไม่ตามค่ะ ...เราจบด้วยคำบอกเลิกของเขา ...
///..อ่า!! ลืมบอกอีกอย่างค่ะว่าช่วงคบกันครอบครัวของเขาและครอบครัวของดิฉันเคยมาคุยกันค่ะเรื่องแต่งงาน ทางเขาได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะแต่งและได้ให้แหวนตระกูล แหวนพลอยล้อมเพชร และสร้อย ให้ดิฉันไว้ค่ะ และตอนที่เลิกกันเขาขอแหวนตระกูลคืน ส่วนที่เหลือไม่เอา และดิฉันก็ไม่ได้เอาอะไรออกมานอกจากสมบัติส่วนนี้
หลังจากออกมา ดิฉันก็หนักค่ะ ทุกอย่างต้องนับ1ใหม่ เพราะบ้านเช่าไม่มีอะไรเลย และยังต้องผ่อนของที่บ้านเขาในส่วนที่ยังไม่หมดพร้อม และมีเงินดาวน์รถมอไซต์ที่เขากดไปดิฉันต้องจ่ายเพียงคนเดียว ถ้าพูดแบบไม่อายเลยคือ ดิฉันต้องนำเงินเดือนมาใช้หนี้ ส่วนค่าอยู่ค่ากินต้องทำงานพิเศษเพิ่ม คือช่วงนั้นเหนื่อยมากค่ะ ท้อใจ ร้องไห้ทุกคืนค่ะ ... พอดิฉันผ่านช่วงนั้นมาได้เขาก็เริ่มเข้ามาจะขอคืนดีค่ะ ดิฉันไม่กลับไปเขาเริ่มมารังควาญ พูดจาหยาบคาย และขู่ทำร้าย ด้วยดิฉันอยู่กับแม่ ยอมรับว่ากลัวค่ะ จึงไปแจ้งความไว้ ...หลังจากนั้นเขาก็หายไปค่ะ
////พอผ่านมาได้1ปีค่ะ ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้3วันที่แล้วก่อนจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง//สดๆร้อนๆ
อยู่ๆ ครอบครัวเขามาขอแหวนกับสร้อยคืน ! ดิฉันก็คิดงงและก็งงค่ะ ไหนบอกว่าให้เราแล้วทำไมมาทวงคืน /// ดิฉันจึงบอกเขาว่า"ถ้าอยากได้จะคืนให้แต่ดิฉันก็ขอของที่ดิฉันผ่อนหมดแล้วคืนได้ไหม/// ครอบครัวเขาบอกว่าไม่มีของของดิฉัน เพราะมันอยู่ในบ้านเขา ถ้าอยากได้ก็ลองดูสิ // ครอบครัวเขาบอกว่าดิฉันมีได้ทุกวันนี้เพราะใคร ใครเป็นคนเลี้ยงดูดิฉัน ให้ข้าวให้น้ำให้ที่หลับนอน ถ้าไม่ใช่เพราะลูกเขาเธอคงไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ให้ดิฉันสำเนียกและจำไว้ว่าคนลืมบุญคุณคนทำอะไรก็ไม่เจริญหรอก! ครอบครัวเขาบอกว่าถ้าดิฉันไม่คืนให้เขา เขาจะทำให้ดิฉันไม่มีที่ยืน...
ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ ?
คบกันมา5ปี พอเลิกกันครอบครัวเขาทวงทุกอย่างแถมว่าเราเนรคุณ เพื่อนๆคิดว่าควรทำไงดี
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะ ครอบครัวดิฉันแยกทางกันแต่พ่อแม่ก็ยังคุยกันได้ค่ะ บ้านเกิดอยู่ต่างจังหวัด สอบติดมหาวิทยาลัยดังของภาคอีสานค่ะ ส่วนแฟนเก่า! ครอบครัวเขาก็แยกทางกันค่ะ แต่ภูมิฐานค่อนข้างจะดีมากกว่าดิฉัน เขาเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ
ตลอดระยะเวลาที่คบกันดิฉันอาศัยอยู่บ้านของผู้ชายค่ะ พ่อแม่ดิฉันรู้เรื่องแต่ไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของดิฉัน ดิฉันได้มีโอกาสเข้าทำงานที่ดีหลังเรียนจบใหม่จากผลพลอยได้ที่พาแฟนเก่ามาสมัครงาน <งงไหมคะ
....ด้วยที่แม่ป่วย ความรู้สึกว่าเขาไม่เป็นผู้นำ และกังวลอยู่แล้ว ดิฉันอยู่กับเขามา5ปี ยังมองไม่เห็นความตั้งใจทำงานเก็บเงิน แต่งงาน (ดิฉันเคยถามเขาเรื่องแต่งงานเขาบอกว่าจะกู้ค่ะ พ่อแม่ดิฉันไม่ตกลง) แม่ดิฉันบอกว่าถ้าเขารักเราจริงเขาจะตั้งใจทำงาน ดูแลเราและไม่ปล่อยให้เราลำบาก ไม่ว่ายังไงเขาก็จะเข้าใจเรา ดิฉันได้คุยกับเขาเรื่องจะไปเช่าบ้านอยู่กับแม่ ดิฉันไม่ได้จะเลิกกับเขา ดิฉันชวนเขามาอยู่ด้วยกันแต่เขาบอกว่าทำไมต้องไปในเมื่อเขามีบ้าน มีครอบครัวของเขา ดิฉันตัดสินใจย้ายออกมาด้วยตัวคนเดียว เอาไปเพียงเสื้อผ้าและเตารีด(เป็นเงินที่ดิฉันซื้อ)และช่วงนี้เราก็ทะเลาะกันค่ะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกออกไป ส่วนดิฉันคิดว่าถ้าเขารักเรา เขาก็คงตามเรามาค่ะ ...สรุปเขาไม่ตามค่ะ ...เราจบด้วยคำบอกเลิกของเขา ...
///..อ่า!! ลืมบอกอีกอย่างค่ะว่าช่วงคบกันครอบครัวของเขาและครอบครัวของดิฉันเคยมาคุยกันค่ะเรื่องแต่งงาน ทางเขาได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะแต่งและได้ให้แหวนตระกูล แหวนพลอยล้อมเพชร และสร้อย ให้ดิฉันไว้ค่ะ และตอนที่เลิกกันเขาขอแหวนตระกูลคืน ส่วนที่เหลือไม่เอา และดิฉันก็ไม่ได้เอาอะไรออกมานอกจากสมบัติส่วนนี้
หลังจากออกมา ดิฉันก็หนักค่ะ ทุกอย่างต้องนับ1ใหม่ เพราะบ้านเช่าไม่มีอะไรเลย และยังต้องผ่อนของที่บ้านเขาในส่วนที่ยังไม่หมดพร้อม และมีเงินดาวน์รถมอไซต์ที่เขากดไปดิฉันต้องจ่ายเพียงคนเดียว ถ้าพูดแบบไม่อายเลยคือ ดิฉันต้องนำเงินเดือนมาใช้หนี้ ส่วนค่าอยู่ค่ากินต้องทำงานพิเศษเพิ่ม คือช่วงนั้นเหนื่อยมากค่ะ ท้อใจ ร้องไห้ทุกคืนค่ะ ... พอดิฉันผ่านช่วงนั้นมาได้เขาก็เริ่มเข้ามาจะขอคืนดีค่ะ ดิฉันไม่กลับไปเขาเริ่มมารังควาญ พูดจาหยาบคาย และขู่ทำร้าย ด้วยดิฉันอยู่กับแม่ ยอมรับว่ากลัวค่ะ จึงไปแจ้งความไว้ ...หลังจากนั้นเขาก็หายไปค่ะ
////พอผ่านมาได้1ปีค่ะ .. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อยู่ๆ ครอบครัวเขามาขอแหวนกับสร้อยคืน ! ดิฉันก็คิดงงและก็งงค่ะ ไหนบอกว่าให้เราแล้วทำไมมาทวงคืน /// ดิฉันจึงบอกเขาว่า"ถ้าอยากได้จะคืนให้แต่ดิฉันก็ขอของที่ดิฉันผ่อนหมดแล้วคืนได้ไหม/// ครอบครัวเขาบอกว่าไม่มีของของดิฉัน เพราะมันอยู่ในบ้านเขา ถ้าอยากได้ก็ลองดูสิ // ครอบครัวเขาบอกว่าดิฉันมีได้ทุกวันนี้เพราะใคร ใครเป็นคนเลี้ยงดูดิฉัน ให้ข้าวให้น้ำให้ที่หลับนอน ถ้าไม่ใช่เพราะลูกเขาเธอคงไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ให้ดิฉันสำเนียกและจำไว้ว่าคนลืมบุญคุณคนทำอะไรก็ไม่เจริญหรอก! ครอบครัวเขาบอกว่าถ้าดิฉันไม่คืนให้เขา เขาจะทำให้ดิฉันไม่มีที่ยืน...
ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ ?