ขอเกริ่นก่อนว่า ปัจจุบันสามีเรามีบ้านที่ผ่อนอยู่หนึ่งหลัง ปัจจุบัน พ่อแม่สามีอาศัยอยู่
ส่วนสามีแยกออกมาเช่าร้านขายของ(เดือนละ 8,000 บาท 2 ชั้น) เนื่องจากบ้านกับร้านไกลกัน เลยเลือกนอนที่ร้านค่ะ
พอมีลูก มีแม่เรามาอยู่ช่วยเลี้ยงหลาน แต่ร้านที่อาศัยอยู่ตอนแรก ชั้นบนเป็นไม้ กลางวันร้อนมาก อยู่ไม่ได้
ติดแอร์ก็ไม่สะดวก ที่ตากผ้าก็ไม่มี เราคิดเอาว่าเสื้อผ้าเด็กควรตากให้โดนแดด อยู่ติดถนนฝุ่นเยอะ
เราเลยตัดสินใจเช่าบ้านเพิ่มใกล้ๆ กับร้านค่ะ (ซอยเดียวกัน แต่เข้าไปในหมู่บ้าน เดือนละ 5,000 บาท) สามีเราทำงานประจำ
เปิดร้านตอนเย็น ก่อนเปิดร้านจะแวะมาเล่นกับลูก พาลูกเดินเล่นก่อนไปเปิดร้าน กลับมานอนที่บ้านเช่าอีกทีก็ประมาณเที่ยงคืน
เรากำลังคิดว่าจะซื้อบ้านอีกหลัง ซึ่งถ้าซื้อก็ต้องซื้อละแวกที่อยู่ตอนนี้ เพราะถ้าไกลก็สงสารสามีที่ต้องขับรถกลับบ้านดึกๆ
ปิดร้านก็ 5 ทุ่มเที่ยงคืนแล้ว และสงสารลูกถ้าไกลไปจะไม่ค่อยได้เจอพ่อ เพราะจะแวะก่อนเปิดร้านก็ไม่ได้ รอปิดร้านลูกก็หลับแล้ว
แล้วเราเองก็ทำงานประจำเลิกงานกว่าจะถึงบ้านก็ดึก ถ้าซื้อบ้านแล้วลูกจะไม่ค่อยได้เจอพ่อแม่ เราก็ว่ามันไม่โอเคค่ะ
แต่ราคาบ้านแถวนี้จากที่ไปดูมาราคาผ่อนต่อเดือนเกือบๆ สองหมื่น (ทาวน์โฮม 2.9 ล้าน)
เราขออนุญาตแจกแจงรายได้ รายรับเพื่อให้เพื่อนๆ ในกระทู้ช่วยวิเคราะห์นะคะ เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนค่ะ
เรามีรายได้เป็นเงินเดือน 4x,xxx ค่ะ ไม่มีโบนัสค่ะ ที่ผ่านมาไม่เคยมีภาระหนักๆ มีแค่ดูแลพ่อ แม่ มีพี่น้องมาพึ่งพาบ้าง
เดือนนึงประมาณ 10,000 บาท ทำให้เรามีนิสัยใช้เงินแบบคล่องตัว เก็บเงินอยู่เดือนละประมาณ 20,000 บาท แต่อยากได้ไรก็จัด
ใช้กินใช้อยู่ไม่เคยประหยัด เก็บเงินได้ก็เอาไปใช้เรื่อยๆ ใช้ตามอารมณ์ พอคิดจะซื้อบ้านเลยกังวลว่าตัวเองจะไหวมั้ย
ตอนนี้พ่อเสียแล้ว แม่มาอยู่กับเรา เราให้แม่เดือนละ 5,000 กินอยู่กับเรา แม่ไม่ต้องใช้เงินเลย
ผ่อนค่าประกันชีวิตให้น้องชายเดือนละ 1,100 บาท (ตัดออกไม่ได้ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนเสีย ว่าจะส่งต่อให้จบ เหลืออีก 4 ปีค่ะ)
บางเดือนน้องก็มาขอเงินใช้ หรือขอให้ผ่อนรถให้ เดือนละ 2-3 พัน (ส่วนนี้คิดว่าจะใจแข็งตัดออกให้ได้ค่ะ น้องควรรับผิดชอบชีวิตตัวเอง)
ตอนเช้าสามีมาส่งที่ทำงาน ตอนเย็นกลับเอง นั่งมอไซต์วินกลับทุกวัน วันละ 120 บาทเพราะอยากรีบกลับไปหาลูก
(ส่วนนี้จะพยายามตัดออกแล้วนั่งรถเมล์แทน รถเมล์ 13 บาท + วินเข้าซอย 10 บาท ก็จะประหยัดได้เดือนๆ นึง สองพันบาทเลย)
ค่าเช่าบ้านที่เช่าอยู่ตอนนี้เราออกเองเดือนละ 3000 (ที่เหลือสามีออก) ค่าใช้จ่ายเรื่องซื้อของใช้ภายในบ้านจะเป็นของเรา
เดือนนึงประมาณ 2-3 พัน ค่ากับข้าววันละ 2-3 ร้อยเราเป็นคนจ่ายสามีก็กินข้าวเช้า-เย็นที่บ้าน เค้าจ่ายช่วยให้วันละ 100 บาท
ตอนนี้เรามีเงินเก็บอยู่ประมาณ 1.5 แสนบาท มีเงินส่วนที่เก็บไว้ให้ลูก 2 แสนบาท
สิ่งที่เรากัลวงคือ เรากลัวว่าถ้าผ่อนบ้านเดือนละเกือบสองหมื่น จะทำให้เราเก็บเงินได้น้อย ต่อไปอนาคตถ้าลูกเข้าโรงเรียน
จะมีปัญหาเรื่องค่าเทอม ค่าใช้จ่ายลูกตอนนี้ลูกอายุ 11 เดือนครึ่งค่ะ ลูกกินนมแม่ มีจ่ายแค่ค่าเเพมเพิส กะแม่มันบ้าซื้อของเล่นให้ลูก
หรือเราจะเช่าบ้านอยู่ต่อไป เพราะยังไงก็มีบ้านอยู่แล้วหลังนึง แล้วเก็บเงินต่อไปดีกว่าคะ
อ้อเพิ่มเติม ตอนนี้สามีผ่อนรถอยู่เดือนละ 9,000 อีกสองปีครึ่งจะหมด เค้าบอกว่าถ้าผ่อนรถหมด เค้าถึงจะช่วยผ่อนบ้านไหวค่ะ
เรากับสามีแยกกระเป๋ากันค่ะ สามีเค้าผ่อนบ้านที่พ่อแม่เค้าอยู่ตอนนี้ ผ่อนรถ ค่าเช่าร้านเค้าก็ดูแลรับผิดชอบเอง ให้พ่อให้แม่เค้าใช้
มีให้เราเก็บเดือนละ 5,000 เป็นบัญชีกองกลางสำหรับลูกค่ะ เราลองเสนอสามีว่า ไปซื้อเป็นอาคารพาณิชย์มั้ย
แบบที่สามีเปิดร้านขายของได้ด้านล่างลูกอยู่ข้างบน ได้อยู่กับลูกเยอะขึ้น แต่สามีเค้าไม่อยากย้ายเพราะมีฐานลูกค้าเก่า
ถ้าย้ายก็เท่ากับเริ่มต้นธุรกิจใหม่ค่ะ
ถ้าเป็นคุณจะเลือกซื้อบ้าน หรือเก็บเงินแทนคะ
ส่วนสามีแยกออกมาเช่าร้านขายของ(เดือนละ 8,000 บาท 2 ชั้น) เนื่องจากบ้านกับร้านไกลกัน เลยเลือกนอนที่ร้านค่ะ
พอมีลูก มีแม่เรามาอยู่ช่วยเลี้ยงหลาน แต่ร้านที่อาศัยอยู่ตอนแรก ชั้นบนเป็นไม้ กลางวันร้อนมาก อยู่ไม่ได้
ติดแอร์ก็ไม่สะดวก ที่ตากผ้าก็ไม่มี เราคิดเอาว่าเสื้อผ้าเด็กควรตากให้โดนแดด อยู่ติดถนนฝุ่นเยอะ
เราเลยตัดสินใจเช่าบ้านเพิ่มใกล้ๆ กับร้านค่ะ (ซอยเดียวกัน แต่เข้าไปในหมู่บ้าน เดือนละ 5,000 บาท) สามีเราทำงานประจำ
เปิดร้านตอนเย็น ก่อนเปิดร้านจะแวะมาเล่นกับลูก พาลูกเดินเล่นก่อนไปเปิดร้าน กลับมานอนที่บ้านเช่าอีกทีก็ประมาณเที่ยงคืน
เรากำลังคิดว่าจะซื้อบ้านอีกหลัง ซึ่งถ้าซื้อก็ต้องซื้อละแวกที่อยู่ตอนนี้ เพราะถ้าไกลก็สงสารสามีที่ต้องขับรถกลับบ้านดึกๆ
ปิดร้านก็ 5 ทุ่มเที่ยงคืนแล้ว และสงสารลูกถ้าไกลไปจะไม่ค่อยได้เจอพ่อ เพราะจะแวะก่อนเปิดร้านก็ไม่ได้ รอปิดร้านลูกก็หลับแล้ว
แล้วเราเองก็ทำงานประจำเลิกงานกว่าจะถึงบ้านก็ดึก ถ้าซื้อบ้านแล้วลูกจะไม่ค่อยได้เจอพ่อแม่ เราก็ว่ามันไม่โอเคค่ะ
แต่ราคาบ้านแถวนี้จากที่ไปดูมาราคาผ่อนต่อเดือนเกือบๆ สองหมื่น (ทาวน์โฮม 2.9 ล้าน)
เราขออนุญาตแจกแจงรายได้ รายรับเพื่อให้เพื่อนๆ ในกระทู้ช่วยวิเคราะห์นะคะ เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนค่ะ
เรามีรายได้เป็นเงินเดือน 4x,xxx ค่ะ ไม่มีโบนัสค่ะ ที่ผ่านมาไม่เคยมีภาระหนักๆ มีแค่ดูแลพ่อ แม่ มีพี่น้องมาพึ่งพาบ้าง
เดือนนึงประมาณ 10,000 บาท ทำให้เรามีนิสัยใช้เงินแบบคล่องตัว เก็บเงินอยู่เดือนละประมาณ 20,000 บาท แต่อยากได้ไรก็จัด
ใช้กินใช้อยู่ไม่เคยประหยัด เก็บเงินได้ก็เอาไปใช้เรื่อยๆ ใช้ตามอารมณ์ พอคิดจะซื้อบ้านเลยกังวลว่าตัวเองจะไหวมั้ย
ตอนนี้พ่อเสียแล้ว แม่มาอยู่กับเรา เราให้แม่เดือนละ 5,000 กินอยู่กับเรา แม่ไม่ต้องใช้เงินเลย
ผ่อนค่าประกันชีวิตให้น้องชายเดือนละ 1,100 บาท (ตัดออกไม่ได้ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนเสีย ว่าจะส่งต่อให้จบ เหลืออีก 4 ปีค่ะ)
บางเดือนน้องก็มาขอเงินใช้ หรือขอให้ผ่อนรถให้ เดือนละ 2-3 พัน (ส่วนนี้คิดว่าจะใจแข็งตัดออกให้ได้ค่ะ น้องควรรับผิดชอบชีวิตตัวเอง)
ตอนเช้าสามีมาส่งที่ทำงาน ตอนเย็นกลับเอง นั่งมอไซต์วินกลับทุกวัน วันละ 120 บาทเพราะอยากรีบกลับไปหาลูก
(ส่วนนี้จะพยายามตัดออกแล้วนั่งรถเมล์แทน รถเมล์ 13 บาท + วินเข้าซอย 10 บาท ก็จะประหยัดได้เดือนๆ นึง สองพันบาทเลย)
ค่าเช่าบ้านที่เช่าอยู่ตอนนี้เราออกเองเดือนละ 3000 (ที่เหลือสามีออก) ค่าใช้จ่ายเรื่องซื้อของใช้ภายในบ้านจะเป็นของเรา
เดือนนึงประมาณ 2-3 พัน ค่ากับข้าววันละ 2-3 ร้อยเราเป็นคนจ่ายสามีก็กินข้าวเช้า-เย็นที่บ้าน เค้าจ่ายช่วยให้วันละ 100 บาท
ตอนนี้เรามีเงินเก็บอยู่ประมาณ 1.5 แสนบาท มีเงินส่วนที่เก็บไว้ให้ลูก 2 แสนบาท
สิ่งที่เรากัลวงคือ เรากลัวว่าถ้าผ่อนบ้านเดือนละเกือบสองหมื่น จะทำให้เราเก็บเงินได้น้อย ต่อไปอนาคตถ้าลูกเข้าโรงเรียน
จะมีปัญหาเรื่องค่าเทอม ค่าใช้จ่ายลูกตอนนี้ลูกอายุ 11 เดือนครึ่งค่ะ ลูกกินนมแม่ มีจ่ายแค่ค่าเเพมเพิส กะแม่มันบ้าซื้อของเล่นให้ลูก
หรือเราจะเช่าบ้านอยู่ต่อไป เพราะยังไงก็มีบ้านอยู่แล้วหลังนึง แล้วเก็บเงินต่อไปดีกว่าคะ
อ้อเพิ่มเติม ตอนนี้สามีผ่อนรถอยู่เดือนละ 9,000 อีกสองปีครึ่งจะหมด เค้าบอกว่าถ้าผ่อนรถหมด เค้าถึงจะช่วยผ่อนบ้านไหวค่ะ
เรากับสามีแยกกระเป๋ากันค่ะ สามีเค้าผ่อนบ้านที่พ่อแม่เค้าอยู่ตอนนี้ ผ่อนรถ ค่าเช่าร้านเค้าก็ดูแลรับผิดชอบเอง ให้พ่อให้แม่เค้าใช้
มีให้เราเก็บเดือนละ 5,000 เป็นบัญชีกองกลางสำหรับลูกค่ะ เราลองเสนอสามีว่า ไปซื้อเป็นอาคารพาณิชย์มั้ย
แบบที่สามีเปิดร้านขายของได้ด้านล่างลูกอยู่ข้างบน ได้อยู่กับลูกเยอะขึ้น แต่สามีเค้าไม่อยากย้ายเพราะมีฐานลูกค้าเก่า
ถ้าย้ายก็เท่ากับเริ่มต้นธุรกิจใหม่ค่ะ