ทริปนี้คุ้มค่ามาก 3 วัน 2 คืน ที่แสนลำบาก แบบฟินๆ ที่อุณหภูมิต่ำสุด -3 องศา แลมลมที่แสนจะพัดแรง และสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายในวันเดินทางกลับ เดินลงกันแบบเปียกปอนไปตามๆ กัน
ทางจะชันแค่ไหน เดินเหนื่อยหอบแค่ไหน เหงื่ออาบตัวแค่ไหน อยู่ข้างบน ช่วงที่เหนื่อยขาแทบลาก
ล้มลุกคุกเข่า นั่งพักรายทางกี่รอบต่อกี่รอบ คิดว่าต่อไปจะไม่มาอีกแล้ว อยู่บ้านดีดีไม่ชอบมาลำบากเพื่อ????
แต่พอขึ้นไปถึง .. มันสวยมากจริงๆๆ คุ้มค่ากับความลำบากที่กว่าจะดั้นด้นขึ้นไปถึง
" สัมผัสความสุข 360 องศา | ด อ ย ห ล ว ง เ ชี ย ง ด า ว "
เริ่มต้น !!! แชร์ประสบการณ์กันดีกว่า
สิ่งของที่ต้องเตรียมไป 
- อาหาร ขนม (เสบียงระหว่างทาง)
- น้ำดื่ม (คนละ 2 ขวด)
- ทิชชู่เปียก (สำคัญมากกกกกก)
- เต้นท์และถุงนอน
- ถุงเท้า , ถุงมือ , หมวก , เสื้อกันหนาวที่กันลมได้ (เพราะลมแรงจริ๊งง)
- ไฟฉาย(แบบที่ติดหัวจะดีมากเลย ไม่ต้องถือ)
- รองเท้าผ้าใบ พื้นไม่ลื่นนะค้าฟฟ
- ยารักษาโรค
- ลูกอม ช๊อกโกแลต หรืออะไร ก็ได้!!!! (น้ำตาลช่วยชีวิต)
ค่าใช้จ่าย
- รถ4x4 ไปส่งเราถึงจุดเดินเท้า (ส่งทางเด่นหญ้าขัด - รับทางปางวัว 1,800.-)
- ลูกหาบ (450/วัน/คน/20โล)
- ค่ารถเข้าอุทยาน 50 บาท
- ค่ากางเต้นท์ เต้นท์ละ 30 บาท
- ค่ามัดจำขยะ 300 บาท (จะได้คืนตอนลงมา) มีทุกอุทยาน
*บนดอยหลวงจะไม่มีไฟฟ้าและน้ำให้ใช้
แล้วห้องน้ำล่ะ? มี...ขุดดินเป็นหลุมๆ แล้วก็ .... นึกต่อเองนะ...
เอาล่ะ!!! พร้อมแล้ว

มาเริ่มทริปกันดีกว่า
ออกเดินทางคืนวันพฤหัส หลับกันบนรถยาวไปถึง อ.เชียงดาวแวะตลาดซื้ออาหาร เตรียมเสบียง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า จัดแยกกระเป๋า
(ขึ้นดอย 1 ใบ) ให้ลูกหาบ (ห่อถุงดำกันน้ำด้วย เผื่อฝนตก) ส่วนอีกใบไว้ในรถ (ชุดกลับบ้าน) ตอนลงมาจากดอย
แล้วก็ขึ้นรถกะบะ 4x4 เพื่อรับเราไปจุดเดินเท้าเส้นทางเด่นหญ้าขัด ผ่านถนนลูกรัง (ใช้เวลา 2 ชม.) ในจุดนี้นอกจากคดเคี้ยวและถนนยังขรุขระระดับดาวอังคารเลย จินตนาการไม่ออกเลยว่าหน้าฝนมันจะเละเทะขนาดไหน ถึงแล้ว!!!!.....ยังงงงง 5555 ก็ถึงบริเวณที่เป็นจุดเดินเท้าของเราตรงหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอกค้าฟฟฟ
โชคดีที่วันที่เรามา ดอกพญาเสือโคร่ง ยังคงมีหลงเหลือให้เห็น
มาลุยกันเลยดีกว่า ><

ผมว่าตรงเด่นหญ้าขัดเนี่ยสำคัญที่สุดเลย เพราะเป็นจุดพักให้เราได้ถ่ายรูปกับพญาเสือโคร่ง และยังเป็นจุดพักให้หายมึนจากเส้นทางเมื่อตะกี้นี้ด้วย และที่สำคัญเป็นจุดสุดท้ายที่มีส้วมซึมให้เราใช้ด้วย . . เพราะการเดินทางหลังจากนี้ . . หากเราจะถ่ายหนักก็คงต้องเข้าป่า และส้วมขุดเท่านั้น
เริ่มต้นเดินจริงๆ 11.30 น.
การเดินทางในช่วงแรกๆ ก็ไม่มีอะไรมากมายครับ (เดินๆ ไปตามทาง ไม่น่าหลงเท่าไหร่) .. ช่วงแรกๆๆ เป็นป่าสนครับ เส้นทางก็ชิลๆๆ คล้ายเป็นการวอร์มอัพ แต่ก็ต้องระวังน่ะครับ เพราะถ้าโชคไม่ดีก็แค่ลื่นก้นเขียว แต่ถ้าโชคร้ายก็คงลื่นลงข้างทาง (เหวทั้งนั้น)
ทางเดินแถวนี้ก็ไม่ได้เดินง่ายๆ เลย พื้นเอียงๆ ลื่นๆ ทางเดินเป็นดิน ด้านซ้ายเป็นหญ้าคา ด้านขวาเป็นหลุม (แต่ถ้าเราตกลงไป ก็น่าจะมีกอหญ้าคารับเราแหละ) เดินไป ถ่ายรูปไป ออากาศถือว่ากำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาว แต่เดินไปก็เล่นเอาเหงื่อออกเหมือนกัน
ดงหญ้าคา ระดับวอร์มอัพ
ก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ แหละครับ แลดูยังเหลืออีกไกล ตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆ รอบๆตัว
เดินบ้าง พักบ้าง ตามกำลังขา 555 ....จนมาถึงครึ่งทาง!!!!

จนถึงช่วงสามแยก เป็นทางที่จะมาเจอกับคนที่เดินมาจากเส้นปางวัว และส่วนใหญ่จะพักทานข้าวกลางวันตรงนี้ (คนเยอะมาก) เดินต่อไปอีกนิดก็ถึงดงกล้วยแล้ว (เป็นบริเวณลาน พื้นราบๆ ร่มๆ มีโขดหินให้นั่งพิง)
ลูกหาบหาบเยอะขนาดนี้
ข้าวเหนียว หมูย่าง ไส้อั่ว นำจิ้มแจ๋ว
นั่งพักสักครู่ ให้ข้าวเหนียวเรียงเม็ด กินน้ำ แล้วก็เตรียมเดิน ตะลุยป่าหญ้าคา
คราวนี้ของจริง ขึ้นสูงและหนามากๆ ดีน่ะที่ไหวตัวทัน เอาปลอกแขนมาด้วย ไม่งั้นโดนบาดเลือดสาดกระจุยแน่ๆ (โดนบาดที่มือนิดโหน่ยย) สวมวิญญาณนักรบหรือไอ้โม่งดีเนี่ย
แปลงร่างเป็นพวกฮิญาบที่มีผ้าปิดหน้า
แถวนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่ เพราะมีแต่ป่าหญ้าคา . . . เดินต่อดีกว่า
ยิ่งเดิน .. หญ้ายิ่งสูงและหนาขึ้นเรื่อยๆ (ฉันมาทำอะไรที่นี่)
เราเริ่มมองเห็นยอดดอยบ้างแหละ . . มันใช่ป่ะว่ะ
นี่มันใช่!! ทางที่คนเค้าเดินกันจริงๆ เรอะ
พอผ่านดงหญ้าคาก็จะเจอทางชัน ตลอดการเดินทางครึ่งหลัง ในหัวมีแต่คำว่า "จะถึงรึยัง" และก็ได้คำตอบจากพี่ๆ ลูกหาบ "ไม่ไกลแหละครับ อีกนิดเดียว พร้อมกับรอยยิ้ม รีบๆ เดินข้างบนมีโค้กขาย" บอกเลย ผมไม่อยากเชื่อ!!!! อีกนิดเดียวมากี่ครั้งแล้ว เป็นทางชันที่ต่อเนื่องที่ถือว่าเป็นจุดที่หนักมากๆๆๆ เหนื่อยจนแทบอยากจะล้มตัวลงไปกลิ้งกับพื้น . . .
คือถ้าเทียบแล้ว ตรงนี้แหละครับ ที่เรียกว่าการปีนเขาแบบจริงจัง เส้นทางส่วนมากเป็นโขดหิน ลักษณะคล้ายหินปูนสลับกับหญ้าคา มีภูเขาหินปูนแล้วมีต้นปาล์มอยู่ข้างบนด้วย มีต้นไม้รูปร่างประหลาดที่ไม่เคยเห็นด้านล่าง เส้นทางส่วนใหญ่แดดจัดและร้อนมากๆ
ถึงแล้ว... จุดนั่งพักของเรา ดีน่ะตัวเล็ก
บรรยากาศระหว่างทางขึ้น โคตรสวย
ขอ สาม คำ " เหนื่อย ชิบ หา.. "
ทางแถวนี้ชันและโหดมากๆ
ภูเขาหินปูน ต้นไม้ทรงประหลาด และท้องฟ้าสีสดเว่อออออ
เวลานี้ ถึงจะบ่นแค่ไหน แต่เท้าก็ยังต้องเดินต่อไป . . .
ทะลุตรงภูเขาหินมาได้อีกนิดนึงก็จะถึง (อ่างสลุง) จุดกางเต๊นท์ของเราแว้ววว เวลา 14.35 น.
ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 ชม. ถือว่าเดินเร็วพอสมควร ...
จุดรวมพลตั้งแคมป์ของเรา
พอเก็บของเสร็จ ก็นอนพัก ดื่มแป๊บซี่ ไม่ต้องแช่เย็น แต่โคตระเย็นเลยทีเดียว ไม่เคยกินแป๊บซี่ที่อร่อยขนาดนี้เลย (ไม่เชื่อคุณลองดู)
ราคากระป๋องละ 40 บาท (บนดอย) อร่อยเฟร่อ เข้าเต็นท์ล้มตัวลงนอน พักผ่อน เติมพลัง
เตรียมพร้อมขึ้นพิชิตดอยหลวง 16.00 น.
ไม่ว่าจะร้อน จะหนักแค่ไหน ก็ลืมเสื้อกันหนาวไม่ได้นะค้าฟ เพราะข้างบนลมแรงมั่กกก (มีถุงมือด้วยจะดีมาก)
การเดินทางจากอ่างสลุง ขึ้นไปบนยอดดอยก็ไม่ธรรมดาน่ะค้าฟ หนักพอควร ทางมันชันแล้วก็เป็นโขดหินโหดมากๆ ต้องเอามือปีนโขดหินดึงตัวเราเองขึ้นไป แทบอยากจะเอากล้องวางทิ้งไว้เลยทีเดียว (แต่พอนึกถึงวิวด้านบน) เลยต้องพามันขึ้นมาด้วย
เดินขึ้นดอยกันค้าฟ เหมือนจะไม่ไกล แต่กว่าจะถึงเหนื่อยมั่กกก
เห็นยอดดอยลิบๆๆๆแว้วววว
ที่หนักๆ คงเป็นการปีนโขดหิน
ระหว่างทางเดินขึ้นมาเหงื่อออกเต็มตัว อยากจะเดินกลับลงไปนอนที่เต๊นท์ แต่ก็อดทนเดินต่อขึ้นมาจนถึง พอเห็นความสวยงามของยอดดอยหายเหนื่อยทันที เพราะข้างบนนี่สวยมากๆ และพระอาทิตย์ก็ยังไม่รีบตกด้วย
เมื่อเช้าเราอยู่ตีนดอย..ตอนนี้เราอยู่ยอดดอย
ถึงแล้วจุดที่สูงที่สุดของดอยหลวงเชียงดาว

ข้างบนอากาศหนาว เพราะมีลมแรง แต่ก็ถือว่าคุ้มสุดๆๆ
มาทันพระอาทิตย์ด้วย ยังไม่ตก นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว
จากตรงนี้เห็นยอดดอยที่เราเดินผ่านมาด้วยแหะ
อากาศหนาวๆ ลมแรงมากๆๆ
ข้างบนนี่ลมแรงมากๆ อากาศก็เริ่มเย็นในระดับนึงแล้ว หลังจากที่พระอาทิตย์ตก ก็ต้องมาผจญกับความมืดและความหนาวเหน็บกันต่อไป
ช่วงกลางคืนของที่นี่มืดสนิทมากๆ ตั้งแต่ตอนเดินลงยอดดอยเลย ต้องส่องไฟฉายกันจ้าละหวั่น ถ้าไม่มีไฟฉายคงไม่ต้องลงกันแหละ เพราะขนาดตอนขึ้น มีแสงสว่างยังเดินลำบากขนาดนั้น ตอนลงนี่ยิ่งเสียว เพราะทางมันชัน และคนก็เยอะติดกันเป็นตังเม ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิม เพราะถ้าพลาดล้มกระแทกโขดหินคงลำบากโคตรๆ กว่าจะลงไปถึงพื้นได้นี่เหงื่อแตกซิกๆ (ทั้งที่อากาศหนาวและลมแรงมากๆ)
พอลงมาถึงก็เข้าแคมป์เลยค้าฟ หิวข้าวกันมากๆ แค่ข้าวสวยร้อนๆ กุนเชียงทอด ไข่เจียว ต้มจืดซดน้ำเล็กๆ ก็ทำให้เราโหยหาได้ง่ายๆ ไม่รู้เพราะความหิวหรือเพราะความอร่อยระดับภัตตาคารเลย ซัดไปที 2 จานเลยค้าฟ (มัวแต่ห่วงกิน ลืมถ่ายรูปอาหารเลยทีเดียว) ผมเชื่อว่าถ้าอยู่บนพื้นราบคงไม่กินอะไรง่ายๆแบบนี้
หมดอาหารคาวก็ต่อด้วยอาหารหวาน มันต้มน้ำขิง (บางคนโชคไม่ดีก็ได้แต่ขิง) ของผมได้แต่มัน กินเสร็จก็แยกย้ายเข้าเต็นท์ กางถุงนอน ใส่ถุงมือ
แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าค้าฟ
[SR] เพ้อเจ้อสไตล์ >< แบกเป้เที่ยว " ด อ ย ห ล ว ง เ ชี ย ง ด า ว "
เริ่มต้น !!! แชร์ประสบการณ์กันดีกว่า
สิ่งของที่ต้องเตรียมไป
- อาหาร ขนม (เสบียงระหว่างทาง)
- น้ำดื่ม (คนละ 2 ขวด)
- ทิชชู่เปียก (สำคัญมากกกกกก)
- เต้นท์และถุงนอน
- ถุงเท้า , ถุงมือ , หมวก , เสื้อกันหนาวที่กันลมได้ (เพราะลมแรงจริ๊งง)
- ไฟฉาย(แบบที่ติดหัวจะดีมากเลย ไม่ต้องถือ)
- รองเท้าผ้าใบ พื้นไม่ลื่นนะค้าฟฟ
- ยารักษาโรค
- ลูกอม ช๊อกโกแลต หรืออะไร ก็ได้!!!! (น้ำตาลช่วยชีวิต)
ค่าใช้จ่าย
- รถ4x4 ไปส่งเราถึงจุดเดินเท้า (ส่งทางเด่นหญ้าขัด - รับทางปางวัว 1,800.-)
- ลูกหาบ (450/วัน/คน/20โล)
- ค่ารถเข้าอุทยาน 50 บาท
- ค่ากางเต้นท์ เต้นท์ละ 30 บาท
- ค่ามัดจำขยะ 300 บาท (จะได้คืนตอนลงมา) มีทุกอุทยาน
*บนดอยหลวงจะไม่มีไฟฟ้าและน้ำให้ใช้
แล้วห้องน้ำล่ะ? มี...ขุดดินเป็นหลุมๆ แล้วก็ .... นึกต่อเองนะ...
เอาล่ะ!!! พร้อมแล้ว
ออกเดินทางคืนวันพฤหัส หลับกันบนรถยาวไปถึง อ.เชียงดาวแวะตลาดซื้ออาหาร เตรียมเสบียง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า จัดแยกกระเป๋า
(ขึ้นดอย 1 ใบ) ให้ลูกหาบ (ห่อถุงดำกันน้ำด้วย เผื่อฝนตก) ส่วนอีกใบไว้ในรถ (ชุดกลับบ้าน) ตอนลงมาจากดอย
แล้วก็ขึ้นรถกะบะ 4x4 เพื่อรับเราไปจุดเดินเท้าเส้นทางเด่นหญ้าขัด ผ่านถนนลูกรัง (ใช้เวลา 2 ชม.) ในจุดนี้นอกจากคดเคี้ยวและถนนยังขรุขระระดับดาวอังคารเลย จินตนาการไม่ออกเลยว่าหน้าฝนมันจะเละเทะขนาดไหน ถึงแล้ว!!!!.....ยังงงงง 5555 ก็ถึงบริเวณที่เป็นจุดเดินเท้าของเราตรงหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอกค้าฟฟฟ
มาลุยกันเลยดีกว่า ><
ผมว่าตรงเด่นหญ้าขัดเนี่ยสำคัญที่สุดเลย เพราะเป็นจุดพักให้เราได้ถ่ายรูปกับพญาเสือโคร่ง และยังเป็นจุดพักให้หายมึนจากเส้นทางเมื่อตะกี้นี้ด้วย และที่สำคัญเป็นจุดสุดท้ายที่มีส้วมซึมให้เราใช้ด้วย . . เพราะการเดินทางหลังจากนี้ . . หากเราจะถ่ายหนักก็คงต้องเข้าป่า และส้วมขุดเท่านั้น
การเดินทางในช่วงแรกๆ ก็ไม่มีอะไรมากมายครับ (เดินๆ ไปตามทาง ไม่น่าหลงเท่าไหร่) .. ช่วงแรกๆๆ เป็นป่าสนครับ เส้นทางก็ชิลๆๆ คล้ายเป็นการวอร์มอัพ แต่ก็ต้องระวังน่ะครับ เพราะถ้าโชคไม่ดีก็แค่ลื่นก้นเขียว แต่ถ้าโชคร้ายก็คงลื่นลงข้างทาง (เหวทั้งนั้น)
ทางเดินแถวนี้ก็ไม่ได้เดินง่ายๆ เลย พื้นเอียงๆ ลื่นๆ ทางเดินเป็นดิน ด้านซ้ายเป็นหญ้าคา ด้านขวาเป็นหลุม (แต่ถ้าเราตกลงไป ก็น่าจะมีกอหญ้าคารับเราแหละ) เดินไป ถ่ายรูปไป ออากาศถือว่ากำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาว แต่เดินไปก็เล่นเอาเหงื่อออกเหมือนกัน
ก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ แหละครับ แลดูยังเหลืออีกไกล ตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆ รอบๆตัว
เดินบ้าง พักบ้าง ตามกำลังขา 555 ....จนมาถึงครึ่งทาง!!!!
จนถึงช่วงสามแยก เป็นทางที่จะมาเจอกับคนที่เดินมาจากเส้นปางวัว และส่วนใหญ่จะพักทานข้าวกลางวันตรงนี้ (คนเยอะมาก) เดินต่อไปอีกนิดก็ถึงดงกล้วยแล้ว (เป็นบริเวณลาน พื้นราบๆ ร่มๆ มีโขดหินให้นั่งพิง)
นั่งพักสักครู่ ให้ข้าวเหนียวเรียงเม็ด กินน้ำ แล้วก็เตรียมเดิน ตะลุยป่าหญ้าคา
คราวนี้ของจริง ขึ้นสูงและหนามากๆ ดีน่ะที่ไหวตัวทัน เอาปลอกแขนมาด้วย ไม่งั้นโดนบาดเลือดสาดกระจุยแน่ๆ (โดนบาดที่มือนิดโหน่ยย) สวมวิญญาณนักรบหรือไอ้โม่งดีเนี่ย
แถวนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่ เพราะมีแต่ป่าหญ้าคา . . . เดินต่อดีกว่า
พอผ่านดงหญ้าคาก็จะเจอทางชัน ตลอดการเดินทางครึ่งหลัง ในหัวมีแต่คำว่า "จะถึงรึยัง" และก็ได้คำตอบจากพี่ๆ ลูกหาบ "ไม่ไกลแหละครับ อีกนิดเดียว พร้อมกับรอยยิ้ม รีบๆ เดินข้างบนมีโค้กขาย" บอกเลย ผมไม่อยากเชื่อ!!!! อีกนิดเดียวมากี่ครั้งแล้ว เป็นทางชันที่ต่อเนื่องที่ถือว่าเป็นจุดที่หนักมากๆๆๆ เหนื่อยจนแทบอยากจะล้มตัวลงไปกลิ้งกับพื้น . . .
คือถ้าเทียบแล้ว ตรงนี้แหละครับ ที่เรียกว่าการปีนเขาแบบจริงจัง เส้นทางส่วนมากเป็นโขดหิน ลักษณะคล้ายหินปูนสลับกับหญ้าคา มีภูเขาหินปูนแล้วมีต้นปาล์มอยู่ข้างบนด้วย มีต้นไม้รูปร่างประหลาดที่ไม่เคยเห็นด้านล่าง เส้นทางส่วนใหญ่แดดจัดและร้อนมากๆ
เวลานี้ ถึงจะบ่นแค่ไหน แต่เท้าก็ยังต้องเดินต่อไป . . .
ทะลุตรงภูเขาหินมาได้อีกนิดนึงก็จะถึง (อ่างสลุง) จุดกางเต๊นท์ของเราแว้ววว เวลา 14.35 น.
ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 ชม. ถือว่าเดินเร็วพอสมควร ...
พอเก็บของเสร็จ ก็นอนพัก ดื่มแป๊บซี่ ไม่ต้องแช่เย็น แต่โคตระเย็นเลยทีเดียว ไม่เคยกินแป๊บซี่ที่อร่อยขนาดนี้เลย (ไม่เชื่อคุณลองดู)
ราคากระป๋องละ 40 บาท (บนดอย) อร่อยเฟร่อ เข้าเต็นท์ล้มตัวลงนอน พักผ่อน เติมพลัง
เตรียมพร้อมขึ้นพิชิตดอยหลวง 16.00 น.
ไม่ว่าจะร้อน จะหนักแค่ไหน ก็ลืมเสื้อกันหนาวไม่ได้นะค้าฟ เพราะข้างบนลมแรงมั่กกก (มีถุงมือด้วยจะดีมาก)
การเดินทางจากอ่างสลุง ขึ้นไปบนยอดดอยก็ไม่ธรรมดาน่ะค้าฟ หนักพอควร ทางมันชันแล้วก็เป็นโขดหินโหดมากๆ ต้องเอามือปีนโขดหินดึงตัวเราเองขึ้นไป แทบอยากจะเอากล้องวางทิ้งไว้เลยทีเดียว (แต่พอนึกถึงวิวด้านบน) เลยต้องพามันขึ้นมาด้วย
ระหว่างทางเดินขึ้นมาเหงื่อออกเต็มตัว อยากจะเดินกลับลงไปนอนที่เต๊นท์ แต่ก็อดทนเดินต่อขึ้นมาจนถึง พอเห็นความสวยงามของยอดดอยหายเหนื่อยทันที เพราะข้างบนนี่สวยมากๆ และพระอาทิตย์ก็ยังไม่รีบตกด้วย
ข้างบนอากาศหนาว เพราะมีลมแรง แต่ก็ถือว่าคุ้มสุดๆๆ
ข้างบนนี่ลมแรงมากๆ อากาศก็เริ่มเย็นในระดับนึงแล้ว หลังจากที่พระอาทิตย์ตก ก็ต้องมาผจญกับความมืดและความหนาวเหน็บกันต่อไป
ช่วงกลางคืนของที่นี่มืดสนิทมากๆ ตั้งแต่ตอนเดินลงยอดดอยเลย ต้องส่องไฟฉายกันจ้าละหวั่น ถ้าไม่มีไฟฉายคงไม่ต้องลงกันแหละ เพราะขนาดตอนขึ้น มีแสงสว่างยังเดินลำบากขนาดนั้น ตอนลงนี่ยิ่งเสียว เพราะทางมันชัน และคนก็เยอะติดกันเป็นตังเม ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิม เพราะถ้าพลาดล้มกระแทกโขดหินคงลำบากโคตรๆ กว่าจะลงไปถึงพื้นได้นี่เหงื่อแตกซิกๆ (ทั้งที่อากาศหนาวและลมแรงมากๆ)
พอลงมาถึงก็เข้าแคมป์เลยค้าฟ หิวข้าวกันมากๆ แค่ข้าวสวยร้อนๆ กุนเชียงทอด ไข่เจียว ต้มจืดซดน้ำเล็กๆ ก็ทำให้เราโหยหาได้ง่ายๆ ไม่รู้เพราะความหิวหรือเพราะความอร่อยระดับภัตตาคารเลย ซัดไปที 2 จานเลยค้าฟ (มัวแต่ห่วงกิน ลืมถ่ายรูปอาหารเลยทีเดียว) ผมเชื่อว่าถ้าอยู่บนพื้นราบคงไม่กินอะไรง่ายๆแบบนี้
หมดอาหารคาวก็ต่อด้วยอาหารหวาน มันต้มน้ำขิง (บางคนโชคไม่ดีก็ได้แต่ขิง) ของผมได้แต่มัน กินเสร็จก็แยกย้ายเข้าเต็นท์ กางถุงนอน ใส่ถุงมือ
แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าค้าฟ