วันเดียวกันนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้วเป็นวันที่ข้อมูลเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น หลังจากเพิ่งผ่านพ้นคืนแห่งความโกลาหล
และสูญเสียในวันที่ 10 เมษายน บริเวณสี่แยกคอกวัว เขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร
ความตายของพลเรือน 22 คน รวมถึงสื่อมวลชนญี่ปุ่น คือนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างกล้องโทรทัศน์ สังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ และทหาร 5 นาย
เกิดขึ้นในคืนวันดังกล่าว
เป็นวันที่มีการใช้กระสุนจริงท่ามกลางความมืด หลังเกิดข้ออ้างเรื่องกลุ่มชายชุดดำ และหลังเกิดการเผชิญหน้าตลอดช่วงกลางวันที่แสดงให้เห็นความเสี่ยงแล้วว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงให้ ยืดเยื้อออกไปถึงช่วงกลางคืน จึงนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมือง
การชุมนุมบริเวณเขตชั้นในของกรุงเทพฯ ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมการชุมนุมในพื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่สี่แยกราชประสงค์ โดยมีข้อเรียกร้องรัฐบาลในตอนนั้นให้ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
การยุบสภาไม่ใช่เรื่องที่อยู่นอกเหนือกระบวนการประชาธิปไตย โดยเฉพาะเมื่อเกิดความไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลมาจากความเห็นชอบร่วมกันของประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่
การยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งจึงเป็นกระบวนการที่หาทางออกได้อย่างตรงไปตรงมาและไม่ซับซ้อน ทั้งยังจะฟังเสียงจากประชาชนได้ชัดเจนขึ้น
ยิ่งเมื่อมองย้อนไปถึงความสูญเสียที่เลือกใช้ความรุนแรงแล้ว เป็นเรื่องที่เทียบกันไม่ได้เลย
ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 ควรจะจบลงตั้งแต่เหตุการณ์ 10 เมษายนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่
ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งไม่ได้รับการตอบสนอง กลับเกิดเหตุรุนแรงซ้ำหนักยิ่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม จนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 99 ศพ บาดเจ็บร่วมกว่าสองพันคน แม้แต่คนเข้าไปหลบภัยในวัดยังถูกยิงตาย
ทั้งยังเกิดวาทกรรมให้ร้ายตามมา ไม่ว่า ยิงกันเอง เผาบ้านเผาเมือง หลงผิดเอง ฯลฯ
กว่าที่การเลือกตั้งในปี 2554 จะเกิดขึ้นพร้อมกับบรรยากาศประชาธิปไตยช่วงสั้นๆ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกยังคงเป็นบทเรียนที่ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
ทั้งที่การฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่นั้นสำคัญที่สุด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1460289207
เมื่อ 6 ปีก่อน
วันเดียวกันนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้วเป็นวันที่ข้อมูลเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น หลังจากเพิ่งผ่านพ้นคืนแห่งความโกลาหล
และสูญเสียในวันที่ 10 เมษายน บริเวณสี่แยกคอกวัว เขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร
ความตายของพลเรือน 22 คน รวมถึงสื่อมวลชนญี่ปุ่น คือนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างกล้องโทรทัศน์ สังกัดสำนักข่าวรอยเตอร์ และทหาร 5 นาย
เกิดขึ้นในคืนวันดังกล่าว
เป็นวันที่มีการใช้กระสุนจริงท่ามกลางความมืด หลังเกิดข้ออ้างเรื่องกลุ่มชายชุดดำ และหลังเกิดการเผชิญหน้าตลอดช่วงกลางวันที่แสดงให้เห็นความเสี่ยงแล้วว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงให้ ยืดเยื้อออกไปถึงช่วงกลางคืน จึงนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมือง
การชุมนุมบริเวณเขตชั้นในของกรุงเทพฯ ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมการชุมนุมในพื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่สี่แยกราชประสงค์ โดยมีข้อเรียกร้องรัฐบาลในตอนนั้นให้ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
การยุบสภาไม่ใช่เรื่องที่อยู่นอกเหนือกระบวนการประชาธิปไตย โดยเฉพาะเมื่อเกิดความไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลมาจากความเห็นชอบร่วมกันของประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่
การยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งจึงเป็นกระบวนการที่หาทางออกได้อย่างตรงไปตรงมาและไม่ซับซ้อน ทั้งยังจะฟังเสียงจากประชาชนได้ชัดเจนขึ้น
ยิ่งเมื่อมองย้อนไปถึงความสูญเสียที่เลือกใช้ความรุนแรงแล้ว เป็นเรื่องที่เทียบกันไม่ได้เลย
ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 ควรจะจบลงตั้งแต่เหตุการณ์ 10 เมษายนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่
ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งไม่ได้รับการตอบสนอง กลับเกิดเหตุรุนแรงซ้ำหนักยิ่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม จนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 99 ศพ บาดเจ็บร่วมกว่าสองพันคน แม้แต่คนเข้าไปหลบภัยในวัดยังถูกยิงตาย
ทั้งยังเกิดวาทกรรมให้ร้ายตามมา ไม่ว่า ยิงกันเอง เผาบ้านเผาเมือง หลงผิดเอง ฯลฯ
กว่าที่การเลือกตั้งในปี 2554 จะเกิดขึ้นพร้อมกับบรรยากาศประชาธิปไตยช่วงสั้นๆ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกยังคงเป็นบทเรียนที่ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
ทั้งที่การฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่นั้นสำคัญที่สุด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1460289207