ตามหัวข้อเลยค่ะ โพสนี้มาเพื่อขอบคุณจริงๆ ถึงตอนนั้นได้ขอบคุณน้องไปแล้ว แต่ก็อยากขอบคุณอีกครั้งและอยากเผยแพร่ความดีของน้อง รวมทั้งให้เป็นตัวจุดประกายคนอื่นๆที่ทำงานบริการเหมือนน้องค่ะ
....ว่าด้วยเหตุการณ์ติดลิฟท์วันนี้...
หลังจากกินSushishin ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 เสร็จ ก็ลงลิฟท์เพื่อไปลานจอดรถชั้นใต้ดิน พอลิฟท์เลื่อนลงไปได้แค่ครึ่งชั้น (สังเกตจากรูป) ก็หยุดกึก! ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรเพราะเคยลิฟท์ค้างที่ออฟฟิศบ่อย กะว่าเดี๋ยวก็ใช้ได้
ผ่านไปเป็นนาที จึงตัดสินใจกดปุ่มโทรหาจนท.อาคาร แต่ตอนแรกจนท.ยังไม่รับสาย แฟนจึงบอกให้โทรหาพนักงานร้าน Sushishin ที่เราพึ่งไปกินดูเผื่อเค้าจะมีเบอร์ติดต่อใครได้บ้าง
พอโทรติดแจ้งเหตุการณ์ปุ๊ป น้องผู้หญิงในรูป (ลืมถามชื่อ) ก็วิ่งออกมานอกร้านทันที แล้วเห็นว่าเราโบกไม้โบกมืออยู่ น้องจึงได้รีบโทรหาจนท.อาคาร (โชคดีว่าตอนนั้นจนท.ก็รับสายเราที่กดจากปุ่มในลิฟท์เหมือนกัน)
พอน้องโทรเสร็จ น้องก็วิ่งลงบันไดมาพุ่งตรงหาเรา เพื่อบอกว่า โทรหาจนท.แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้ พี่รอแป๊ปนึง...จากนั้นน้องก็วิ่งไป และซักพักน้องเค้าก็โทรศัพท์มาหาเราว่าพี่ยังหายใจกันออกใช่มั้ย เราก็บอกยังออก ดีที่พัดลมในลิฟท์ยังทำงาน
จากนั้นจนท.ก็มา พยายามงัดประตู ซึ่งรอบแรกไม่สำเร็จ จนท.จึงหายไปทำอะไรไม่รู้ ผ่านไปซักพักเป็นจนท.รปภ.มาเป็นคนพยายามงัดอีกที ซึ่งงัดได้แค่ประตูนอก แต่ไม่สามารถเปิดประตูด้านในได้ คงเป็นเพราะเรื่องระบบ Security ที่กำหนดว่าประตูข้างในจะไม่เปิด หากลิฟท์จอดไม่ตรงชั้น
ซักพักจนท.อาคารที่หายไปคงทำอะไรซักอย่าง ลิฟท์จึงถูกเลื่อนมาให้มีตำแหน่งตรงพอดีกับชั้น 1 จึงทำให้จนท.รปภ.สามารถงัดประตูทั้ง 2 บานได้ค่ะ
สิ่งที่อยากบอกคือ ตลอดเวลา (ยกเว้นช่วงวิ่งไปเอาน้ำดื่ม) น้องพนักงานร้านอยู่ดูตลอดเลย ว่าจะเปิดได้มั้ย ทั้งๆที่ที่ร้านตอนนั้นคนเยอะมากๆ
พอเราออกมาได้ก็มอบน้ำดื่มให้เราอีก อยากบอกว่าขอบคุณน้องมากๆนะคะ
ปล.ขอบคุณจนท.อาคารและจนท.รปภ. ที่ช่วย ขอบคุณพระเจ้าที่รอดมาได้เช่นกันค่ะ
ขอขอบคุณน้องพนักงานร้าน Sushishin ที่ช่วยให้รอดชีวิตค่ะ
....ว่าด้วยเหตุการณ์ติดลิฟท์วันนี้...
หลังจากกินSushishin ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 เสร็จ ก็ลงลิฟท์เพื่อไปลานจอดรถชั้นใต้ดิน พอลิฟท์เลื่อนลงไปได้แค่ครึ่งชั้น (สังเกตจากรูป) ก็หยุดกึก! ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรเพราะเคยลิฟท์ค้างที่ออฟฟิศบ่อย กะว่าเดี๋ยวก็ใช้ได้
ผ่านไปเป็นนาที จึงตัดสินใจกดปุ่มโทรหาจนท.อาคาร แต่ตอนแรกจนท.ยังไม่รับสาย แฟนจึงบอกให้โทรหาพนักงานร้าน Sushishin ที่เราพึ่งไปกินดูเผื่อเค้าจะมีเบอร์ติดต่อใครได้บ้าง
พอโทรติดแจ้งเหตุการณ์ปุ๊ป น้องผู้หญิงในรูป (ลืมถามชื่อ) ก็วิ่งออกมานอกร้านทันที แล้วเห็นว่าเราโบกไม้โบกมืออยู่ น้องจึงได้รีบโทรหาจนท.อาคาร (โชคดีว่าตอนนั้นจนท.ก็รับสายเราที่กดจากปุ่มในลิฟท์เหมือนกัน)
พอน้องโทรเสร็จ น้องก็วิ่งลงบันไดมาพุ่งตรงหาเรา เพื่อบอกว่า โทรหาจนท.แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้ พี่รอแป๊ปนึง...จากนั้นน้องก็วิ่งไป และซักพักน้องเค้าก็โทรศัพท์มาหาเราว่าพี่ยังหายใจกันออกใช่มั้ย เราก็บอกยังออก ดีที่พัดลมในลิฟท์ยังทำงาน
จากนั้นจนท.ก็มา พยายามงัดประตู ซึ่งรอบแรกไม่สำเร็จ จนท.จึงหายไปทำอะไรไม่รู้ ผ่านไปซักพักเป็นจนท.รปภ.มาเป็นคนพยายามงัดอีกที ซึ่งงัดได้แค่ประตูนอก แต่ไม่สามารถเปิดประตูด้านในได้ คงเป็นเพราะเรื่องระบบ Security ที่กำหนดว่าประตูข้างในจะไม่เปิด หากลิฟท์จอดไม่ตรงชั้น
ซักพักจนท.อาคารที่หายไปคงทำอะไรซักอย่าง ลิฟท์จึงถูกเลื่อนมาให้มีตำแหน่งตรงพอดีกับชั้น 1 จึงทำให้จนท.รปภ.สามารถงัดประตูทั้ง 2 บานได้ค่ะ
สิ่งที่อยากบอกคือ ตลอดเวลา (ยกเว้นช่วงวิ่งไปเอาน้ำดื่ม) น้องพนักงานร้านอยู่ดูตลอดเลย ว่าจะเปิดได้มั้ย ทั้งๆที่ที่ร้านตอนนั้นคนเยอะมากๆ
พอเราออกมาได้ก็มอบน้ำดื่มให้เราอีก อยากบอกว่าขอบคุณน้องมากๆนะคะ
ปล.ขอบคุณจนท.อาคารและจนท.รปภ. ที่ช่วย ขอบคุณพระเจ้าที่รอดมาได้เช่นกันค่ะ