อ่านรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย อ่านไป ๆ ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งซึ้ง ซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า ซึ้งในหลาย ๆ มาตราจริง ๆ ครับ

กระทู้คำถาม
ทู้นี้  ขอยกตัวอย่างความซาบซึ้งจากมาตรา 160


มาตรา ๑๖๐   รัฐมนตรีต้อง

...........

(๔) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

............




ซึ้งเข้าไปถึงก้นบึ้งตับเลยครับ


คือเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า  ต้องมีความซึ่งสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
หากไม่เป็นที่ประจักษ์   ต่อให้ซื่อแค่ไหน   ก็ขัดรัฐธรรมนูญแน่ ๆ

และใครคือผู้ที่จะตีความคำว่า  "เป็นที่ประจักษ์"  ???

คนดีเห็นคนดีด้วยกันซึ่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์   ก็เป็นรัฐมนตรีได้
ใครจะยื่นเรื่องคัดค้าน   คนดีก็ตีความว่าเป็นที่ประจักษ์  

แต่หากคนดีไม่เห็นว่าคน ๆ นั้น  ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์     ก็เป็นรัฐมนตรีไม่ได้
ขืนไปเป็น  ตั้งไปเป็น   ก็โดนสอยได้  เพราะไม่เป็นที่ประจักษ์

ยังงั้นหรือ ?




แค่คิดก็ปวดตับแล้วครับ
ถีบขาคู่






คะรวนเพงแก้ปวดตับดีกั่ว

https://www.youtube.com/watch?v=qx3EQQQ6yjM

อมยิ้ม21
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
รัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้เพื่อการตีความ  ไม่ควรเกิดขึ้น
แม้จะอ้างว่า  ก็จะมีกฎหมายลูกประกอบ  แต่ก็สามารถนำไปสู่การตีความได้อยู่ดี

การตีความนี่  สร้างปัญหาได้อย่างไม่คาดนะครับ



อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

เรื่องคดีที่ดินรัชดา   ศาลตีความด้วยการอาศัย พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน
ว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลควบคุมตรวจสอบหน่วยงานของรัฐทุกหน่วย

ผิด

เรื่องนายกรัฐมนตรีสั่งย้ายนายถวิล  เปลี่ยนศรี    ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน
แต่ศาลเห็นว่าเป็นการแทรกแซง   ทั้งที่การแทรกแซงหมายถึงไม่มีอำนาจแต่เข้าไปใช้อำนาจ

ผิด

(เรื่องหนึ่ง ไม่มีอำนาจตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน  บอกว่ามีอำนาจ  ฉะนั้นต้องผิด
แต่อีกเรื่อง  ที่มีอำนาจตาม พรบ.บริหารราชการแผ่นดิน  กลับบอกว่าไม่มี  เป็นการแทรกแซง)



หรือให้ชัดกว่านั้น  ก็คือการใช้พจนานุกรมตีความ  แล้วชี้ว่าผิด

หรือการตีความคำว่า และ  ให้เป็น  หรือ   ในมาตรา 68  รัฐธรรมนูญ 50
ว่าสามารถยื่นเรื่องต่อศาลโดยตรงได้ไม่ต้องผ่ายอัยการ



ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์   อาจได้เห็นความเพี้ยนบิดเบี้ยวเป็นที่ประจักษ์อีกครั้งก็ได้ครับ
Facepalm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่