เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่คนนึงในแผนกผมครับ(แผนกจัดซื้อต่างประเทศ) พี่คนนี้เขาเป็นธุรการของแผนกครับชื่อเอจบวุฒิกศน.ม.ปลาย(พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย) พี่อีกคนที่เป็นคนตามหัวข้อทู้ชื่อบีครับเป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้อต่างประเทศ(ภาคภาษาอังกฤษ พูดอังกฤษเทพมาก)
คือผมเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี้ได้2เดือนครับผมก็ยังค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับงานเข้ากับสังคมอยู่ แต่คนอื่น ๆ ก็อายุงานไม่ต่ำกว่า2ปีได้นะครับแต่อายุจริง ๆ แต่ล่ะคนไม่เกิน30ซักคนยกเว้นพวกหัวหน้าในแผนก ในแผนกผมนั้นหลาย ๆ คนก็จบจากม.ดัง ๆ ทั้งนั้นภาษาอังกฤษแป๊ะ โปรไฟล์เริสหรู เด็กจบนอกก็มี ผมเองก็ค่อนข้างสนิทกับพี่เอที่เป็นธุรการมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะเราใช้ชีวิตง่าย ๆ คล้าย ๆ กันนั้งโต๊ะทำงานตัวเดียวกันด้วยแหละครับ ไปไหนไปด้วยกันตลอดไม่ว่าจะ พักกลางวัน วันหยุดก็ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ นา ๆ หรือแม้แต่กลับบ้านเราก็กลับพร้อมกันทุกวัน และที่สำคัญผมเองก็จบแค่วุฒิปวช.สาขาภาษาต่างประเทศ หลาย ๆ อย่างตรงนี้มันเลยคลิ๊กกันเราเลยสนิทกันไวมาก
ที่นี้พี่เอด้วยความที่ส่วนตัวพี่เอชอบภาษาญี่ปุ่นมากและก็เรียนภาษาญี่ปุ่นกับสถาบันนึงผมก็ไม่รู้ว่าพี่เอเรียนมานานเท่าไหร่แล้ว แต่พี่เอสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ระดับN2(เขาเขียนแบบนี้ใช่ไหมครับ) พี่เอเลยโดนบริษัทอื่นตามจีบเยอะเหมือนกันเพราะพี่เอลงรายละเอียดตัวเองไว้ในเว็บหางานต่าง ๆ แล้วทีนี้บริษัทผมดันจะทำโปรเจ็กหนึ่งที่เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าตัวนึงจากญี่ปุ่น พอผู้บริหารรู้ว่าพี่เอเป็นคนที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้เลยจะให้พี่เออัฟตำแหน่งมาทำจัดซื้อต่างประเทศภาคภาษาญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลย และทางผู้บริหารก็ยื่นข้อเสนอต่าง ๆ มากมายรวมถึงเพิ่มฐานเงินเดือนให้ด้วย(ค่อนข้างเยอะเลย) เพื่อดึงพี่เอเอาไว้ พี่เอก็ตอบรับข้อเสนอนั้นเพราะอยากลองทำงานส่วนนี้มานานแล้ว ทุกคนในแผนกก็ดีใจกับพี่เอมากเพราะมันเป็นเหมือนตัวอย่างคนที่สามารถพัมนาตนเองขึ้นมาได้โดยการสร้างมูลค่าให้กับตนเองด้วยความเพียรของคนผู้นั้นเอง (ผมมองพี่เขาเป็นไอดอลเลย)
เรื่องเหมือนจะดีใช่ไหมครับแต่!!!!!!! แต่พี่บีครับคน ๆ นี้ผมสังเกตุได้ว่าวันที่ผู้บริหารอนุมัติตำแหน่งให้พี่เอนั้นพี่บีกลับนิ่งไปไม่แสดงอาการอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วพี่บีเป็นคนที่ วุ่นวายมาก พูดมาก ขี้อวด ขี้นินทา เยอะแยะมากมายต่อหลาย ๆ สิ่ง (นิสัยตรงนี้ใคร ๆ ในแผนกก็ทราบกันดี) แต่วันนั้นพี่บีแปลกไปไม่ค่อยพูดอะไรโดยเฉพาะกับพี่เอ จนพักกลางวันผมได้ไปทานข้าวกับพี่เอสองคนเหมือนทุก ๆ วัน พี่เอเลยถามผมว่า
พี่เอ "ซี(ผมขอแทนตัวเองว่าซีนะครับ) ซีคิดยังไงกับเรื่องนี้"
ผม "เรื่องอะไรพี่?"
พี่เอ "ก็เรื่องที่พี่ได้มาทำตำแหน่งเดียวกับซีไงจากธุรการธรรมดา ๆ มาทำจัดซื้อ"
ผม "ก็ดีใจสิพี่พี่กำลังก้าวหน้านะ ถามทำไมง่ะพี่เป็นอะไรหรือเปล่าหรือข้อเสนอสุดท้ายแล้วมันไม่โอเค?"
พี่เอ "เปล่าหรอก แต่พี่ว่าพี่บีเขาแปลก ๆ ไปนะ"
ผม "

นึกในใจแสดงว่าเราไม่ได้คิดไปเองคนเดียวสินะ) อย่าไปคิดมากเลยพี่ช่วงนี้พี่บีอาจจะงานยุ่ง ๆ ไงช่างมันเถอะ(^^ยิ้มกลบ ๆ ไป)"
พี่เอ "อืม ๆ เราไม่คิดอะไรก็ดีแล้วแหละ"
ผม "คราบพี่^^"
หลังจากนั้นพี่บีก็เริ่มแสดงออกมากขึ้นเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรซักอย่างแต่ผมรู้แหละว่าเรื่องอะไร(คนในแผนกก็เริ่มรู้สึกได้ ผมเดาจากบรรยากาศ) ผมเชื่อว่าในทุก ๆ องค์กรมันจะมีคน ๆ นึงที่ไม่ต้องการเห็นใครก้าวหน้า ต้องการเห็นแต่ตนเองเท่านั้นที่ก้าวหน้า แล้วรอคำสรรญเสริญต่าง ๆ นา ๆ จากเพื่อน ๆ และคนรอบตัว เพราะออฟฟติตเก่าผมก็มีคนแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก่อนผมมองว่าพี่บีเป็นคนที่ทำงานเก่งมาก มีระเบียบมาก แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไป(จากตอนแรกที่มองว่าเขาทำงานดีแต่นิสัยส่วนตัวแย่ ตอนนี้ผมขอเหมารวมเลยว่าแย่หมด) จนผมได้ยินเขาคุยกับเพื่อนเขาตอนผมกำลังเดินไปถ่ายเอกสารที่เครื่องถ่ายซึ่งมันจะมีมุมเอาไว้ให้ใช้เก็บขนมต่าง ๆ ในออฟฟิตตรงนั้นจะมี ตู้เย็น อ่างล้างจาน ไมโครเวฟ และมุมอับที่คนในออฟฟิตชอบไปแอบโทรศัพท์กัน(ทั้ง ๆ ที่ออฟฟิตก็ไม่ได้ห้ามนะ) ผมเห็นแล้วแหละว่าพี่บีอยู่ตรงนั้นกับเพื่อนแผนกอื่นของเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบฟังว่าเขาคุยอะไรกัน ผมไม่รู้ว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริงเพราะผมไม่ได้เห็นสีหน้าเขาขณะที่กำลังพูดและผมเองก็แอ๊บถ่ายเอกสารช้า ๆ ด้วย แต่ผมก้ได้ยินนะว่าเขาพูดอะไร เขาพูดแบบนี้ครับ
พี่บี "รู้เรื่องที่อีธุรการแผนกกูได้อัฟตำแหน่งแล้วใช่ป่ะ"
เพื่อนเขา "อืมรู้แล้ว แต่มันไม่ได้จบป.ตรีนะเว้ยทำไมมันอัฟขึ้นมาได้ว่ะ?"
พี่บี "ก็มันได้ภาษาญี่ปุ่นไง แล้วทีนี้บริษัทเรากำลังจะจัดซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นเข้ามามันเลยได้โชว์พาวไง"
เพื่อนเขา "อ้าวงั้นตอนนี้มันก็เทียบเท่าแล้วสิ อะไรว่ะจบแค่กศน.พวกเรา

รู้งี้ไม่น่าเรียนที่ดี ๆ เลยยังไงก็ทำตำแหน่งนี้ได้"
พี่บี "เออนั้นนะสิ กูนะเก่งกว่ามันตั้งเยอะมันแค่พูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้วทำไมมันถึงได้โปรเจคนี้ไปทำว่ะวุฒิก็ต่ำ" (ตรงนี้ผมก็หน้าชาเลยอ้าวแล้วกูล่ะ)
เพื่อนเขา "ที่นี้

เริ่มไม่มีมาตรฐานแล้วกูก็กำลังมอง ๆ ที่ใหม่อยู่เบื่อสังคมแบบนี้ว่ะพวกคางคกขึ้นวอแหวะ!!!"
พี่บี "กูจบม.(......)อินเตอร์นะเว้ย มันจบแค่กศน.ทำไมมันต้องมาทำตำแหน่งเดียวกันด้วยว่ะกูเหมือนโดนลดเกรดเลยว่ะ

เซ็ง แถมวุฒิแค่กศน.แต่เงินเดือน

เท่ากูแล้วเผลอ ๆ มากกว่ากูด้วยมั้งตอนนี้ กะอีแค่พูดภาษาญี่ปุ่นได้แค่นี้เนี้ยนะ"
ผมฟังแค่นี้แหละเพราะยิ่งฟังยิ่งเสนียดหู แต่เรื่องที่พี่บีคุยกับเพื่อนเขาผมไม่เล่าให้ใครฟังเลยนะครับเพราะ
1.มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมด้วย
2.พี่เอไม่รู้จะดีกว่า
3.รอพี่เอรู้เองดีกว่าว่าพี่บีคิดยังไงกับเขา
4.ผมกลัวจะเกิดเรื่องในแผนก
5.ผมอยากรู้ว่าคนอย่างพี่บีจะเป็นยังไงต่อไป เขาจะแสดงอาการอะไรออกมาอีกหลังจากนี้
เรื่องนี้ผมไม่มีเจตนาจะว่าใคร สถานศึกษาใด ผมแค่อยากแชร์สิ่งที่เจอและอยากให้คนที่ชอบมองว่าคนที่จบกศน./ปวช.นั้นไม่ดีอย่างงั้นไม่ดีอย่างงี้ ผมอยากให้มองที่ตัวบุคคลมากกว่า บางคนเขาอาจจะไม่มีโอกาสเท่าคนอื่น แต่คนเราก็สามารถที่จะพัฒนาความสามารถเราได้ตลอดเวลาไม่ใช่หรอครับ???
คนแบบนี้มีทุกที่แต่ไม่นึกว่าคน ๆ นี้ลึก ๆ แล้วจะเป็นแบบนี้เองหรอเนี้ย????
คือผมเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี้ได้2เดือนครับผมก็ยังค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับงานเข้ากับสังคมอยู่ แต่คนอื่น ๆ ก็อายุงานไม่ต่ำกว่า2ปีได้นะครับแต่อายุจริง ๆ แต่ล่ะคนไม่เกิน30ซักคนยกเว้นพวกหัวหน้าในแผนก ในแผนกผมนั้นหลาย ๆ คนก็จบจากม.ดัง ๆ ทั้งนั้นภาษาอังกฤษแป๊ะ โปรไฟล์เริสหรู เด็กจบนอกก็มี ผมเองก็ค่อนข้างสนิทกับพี่เอที่เป็นธุรการมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะเราใช้ชีวิตง่าย ๆ คล้าย ๆ กันนั้งโต๊ะทำงานตัวเดียวกันด้วยแหละครับ ไปไหนไปด้วยกันตลอดไม่ว่าจะ พักกลางวัน วันหยุดก็ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ นา ๆ หรือแม้แต่กลับบ้านเราก็กลับพร้อมกันทุกวัน และที่สำคัญผมเองก็จบแค่วุฒิปวช.สาขาภาษาต่างประเทศ หลาย ๆ อย่างตรงนี้มันเลยคลิ๊กกันเราเลยสนิทกันไวมาก
ที่นี้พี่เอด้วยความที่ส่วนตัวพี่เอชอบภาษาญี่ปุ่นมากและก็เรียนภาษาญี่ปุ่นกับสถาบันนึงผมก็ไม่รู้ว่าพี่เอเรียนมานานเท่าไหร่แล้ว แต่พี่เอสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ระดับN2(เขาเขียนแบบนี้ใช่ไหมครับ) พี่เอเลยโดนบริษัทอื่นตามจีบเยอะเหมือนกันเพราะพี่เอลงรายละเอียดตัวเองไว้ในเว็บหางานต่าง ๆ แล้วทีนี้บริษัทผมดันจะทำโปรเจ็กหนึ่งที่เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าตัวนึงจากญี่ปุ่น พอผู้บริหารรู้ว่าพี่เอเป็นคนที่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้เลยจะให้พี่เออัฟตำแหน่งมาทำจัดซื้อต่างประเทศภาคภาษาญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลย และทางผู้บริหารก็ยื่นข้อเสนอต่าง ๆ มากมายรวมถึงเพิ่มฐานเงินเดือนให้ด้วย(ค่อนข้างเยอะเลย) เพื่อดึงพี่เอเอาไว้ พี่เอก็ตอบรับข้อเสนอนั้นเพราะอยากลองทำงานส่วนนี้มานานแล้ว ทุกคนในแผนกก็ดีใจกับพี่เอมากเพราะมันเป็นเหมือนตัวอย่างคนที่สามารถพัมนาตนเองขึ้นมาได้โดยการสร้างมูลค่าให้กับตนเองด้วยความเพียรของคนผู้นั้นเอง (ผมมองพี่เขาเป็นไอดอลเลย)
เรื่องเหมือนจะดีใช่ไหมครับแต่!!!!!!! แต่พี่บีครับคน ๆ นี้ผมสังเกตุได้ว่าวันที่ผู้บริหารอนุมัติตำแหน่งให้พี่เอนั้นพี่บีกลับนิ่งไปไม่แสดงอาการอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วพี่บีเป็นคนที่ วุ่นวายมาก พูดมาก ขี้อวด ขี้นินทา เยอะแยะมากมายต่อหลาย ๆ สิ่ง (นิสัยตรงนี้ใคร ๆ ในแผนกก็ทราบกันดี) แต่วันนั้นพี่บีแปลกไปไม่ค่อยพูดอะไรโดยเฉพาะกับพี่เอ จนพักกลางวันผมได้ไปทานข้าวกับพี่เอสองคนเหมือนทุก ๆ วัน พี่เอเลยถามผมว่า
พี่เอ "ซี(ผมขอแทนตัวเองว่าซีนะครับ) ซีคิดยังไงกับเรื่องนี้"
ผม "เรื่องอะไรพี่?"
พี่เอ "ก็เรื่องที่พี่ได้มาทำตำแหน่งเดียวกับซีไงจากธุรการธรรมดา ๆ มาทำจัดซื้อ"
ผม "ก็ดีใจสิพี่พี่กำลังก้าวหน้านะ ถามทำไมง่ะพี่เป็นอะไรหรือเปล่าหรือข้อเสนอสุดท้ายแล้วมันไม่โอเค?"
พี่เอ "เปล่าหรอก แต่พี่ว่าพี่บีเขาแปลก ๆ ไปนะ"
ผม "
พี่เอ "อืม ๆ เราไม่คิดอะไรก็ดีแล้วแหละ"
ผม "คราบพี่^^"
หลังจากนั้นพี่บีก็เริ่มแสดงออกมากขึ้นเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรซักอย่างแต่ผมรู้แหละว่าเรื่องอะไร(คนในแผนกก็เริ่มรู้สึกได้ ผมเดาจากบรรยากาศ) ผมเชื่อว่าในทุก ๆ องค์กรมันจะมีคน ๆ นึงที่ไม่ต้องการเห็นใครก้าวหน้า ต้องการเห็นแต่ตนเองเท่านั้นที่ก้าวหน้า แล้วรอคำสรรญเสริญต่าง ๆ นา ๆ จากเพื่อน ๆ และคนรอบตัว เพราะออฟฟติตเก่าผมก็มีคนแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก่อนผมมองว่าพี่บีเป็นคนที่ทำงานเก่งมาก มีระเบียบมาก แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไป(จากตอนแรกที่มองว่าเขาทำงานดีแต่นิสัยส่วนตัวแย่ ตอนนี้ผมขอเหมารวมเลยว่าแย่หมด) จนผมได้ยินเขาคุยกับเพื่อนเขาตอนผมกำลังเดินไปถ่ายเอกสารที่เครื่องถ่ายซึ่งมันจะมีมุมเอาไว้ให้ใช้เก็บขนมต่าง ๆ ในออฟฟิตตรงนั้นจะมี ตู้เย็น อ่างล้างจาน ไมโครเวฟ และมุมอับที่คนในออฟฟิตชอบไปแอบโทรศัพท์กัน(ทั้ง ๆ ที่ออฟฟิตก็ไม่ได้ห้ามนะ) ผมเห็นแล้วแหละว่าพี่บีอยู่ตรงนั้นกับเพื่อนแผนกอื่นของเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบฟังว่าเขาคุยอะไรกัน ผมไม่รู้ว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริงเพราะผมไม่ได้เห็นสีหน้าเขาขณะที่กำลังพูดและผมเองก็แอ๊บถ่ายเอกสารช้า ๆ ด้วย แต่ผมก้ได้ยินนะว่าเขาพูดอะไร เขาพูดแบบนี้ครับ
พี่บี "รู้เรื่องที่อีธุรการแผนกกูได้อัฟตำแหน่งแล้วใช่ป่ะ"
เพื่อนเขา "อืมรู้แล้ว แต่มันไม่ได้จบป.ตรีนะเว้ยทำไมมันอัฟขึ้นมาได้ว่ะ?"
พี่บี "ก็มันได้ภาษาญี่ปุ่นไง แล้วทีนี้บริษัทเรากำลังจะจัดซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นเข้ามามันเลยได้โชว์พาวไง"
เพื่อนเขา "อ้าวงั้นตอนนี้มันก็เทียบเท่าแล้วสิ อะไรว่ะจบแค่กศน.พวกเรา
พี่บี "เออนั้นนะสิ กูนะเก่งกว่ามันตั้งเยอะมันแค่พูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้วทำไมมันถึงได้โปรเจคนี้ไปทำว่ะวุฒิก็ต่ำ" (ตรงนี้ผมก็หน้าชาเลยอ้าวแล้วกูล่ะ)
เพื่อนเขา "ที่นี้
พี่บี "กูจบม.(......)อินเตอร์นะเว้ย มันจบแค่กศน.ทำไมมันต้องมาทำตำแหน่งเดียวกันด้วยว่ะกูเหมือนโดนลดเกรดเลยว่ะ
ผมฟังแค่นี้แหละเพราะยิ่งฟังยิ่งเสนียดหู แต่เรื่องที่พี่บีคุยกับเพื่อนเขาผมไม่เล่าให้ใครฟังเลยนะครับเพราะ
1.มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมด้วย
2.พี่เอไม่รู้จะดีกว่า
3.รอพี่เอรู้เองดีกว่าว่าพี่บีคิดยังไงกับเขา
4.ผมกลัวจะเกิดเรื่องในแผนก
5.ผมอยากรู้ว่าคนอย่างพี่บีจะเป็นยังไงต่อไป เขาจะแสดงอาการอะไรออกมาอีกหลังจากนี้
เรื่องนี้ผมไม่มีเจตนาจะว่าใคร สถานศึกษาใด ผมแค่อยากแชร์สิ่งที่เจอและอยากให้คนที่ชอบมองว่าคนที่จบกศน./ปวช.นั้นไม่ดีอย่างงั้นไม่ดีอย่างงี้ ผมอยากให้มองที่ตัวบุคคลมากกว่า บางคนเขาอาจจะไม่มีโอกาสเท่าคนอื่น แต่คนเราก็สามารถที่จะพัฒนาความสามารถเราได้ตลอดเวลาไม่ใช่หรอครับ???