สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
บ้านเราปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างดคร่งครัดค่ะ แต่คือ ถ้าใครในบ้านป่วย ห้ามกินอะไร ทุกคนในบ้านก็จะไม่กินเหมือนกันหมด
จริงๆไม่ต้องคนแก่ ตอนพ่อเราป่วยเป็นโรคกระเพาะ ห้ามกินอาหารสจัด บ้านเราเลยกินจืดมากกกก มาจนทุกวันนี้ เรากลายเป็นคนกินเผ็ดไม่เป็นไปเลย
ตอนอาที่เคยเป็นเบาหวานมาพักด้วย ของหวานทุกชนิด ไม่เอาเข้าบ้านเลย
พอเค้าไม่เห็นว่าใครกิน เค้าก็ไม่อยากกินไปด้วย หรืออีกนัย ต่อให้อยาก ก็เกรงใจคนอื่น ทุกคนพร้อมใจกันไม่กินเป็นเพื่อนเค้า
หรือแม้แต่หน้าหนาว ถ้าใครซักคนเป็นหวัด น้ำคือไม่เอาเข้าตู้เย็น อาหารงดของทอดของผัด จนกว่าจะหายเลย ส่วนใหญ่หน้าหนาวแทบจะงดไปเลยค่ะ
จริงๆไม่ต้องคนแก่ ตอนพ่อเราป่วยเป็นโรคกระเพาะ ห้ามกินอาหารสจัด บ้านเราเลยกินจืดมากกกก มาจนทุกวันนี้ เรากลายเป็นคนกินเผ็ดไม่เป็นไปเลย
ตอนอาที่เคยเป็นเบาหวานมาพักด้วย ของหวานทุกชนิด ไม่เอาเข้าบ้านเลย
พอเค้าไม่เห็นว่าใครกิน เค้าก็ไม่อยากกินไปด้วย หรืออีกนัย ต่อให้อยาก ก็เกรงใจคนอื่น ทุกคนพร้อมใจกันไม่กินเป็นเพื่อนเค้า
หรือแม้แต่หน้าหนาว ถ้าใครซักคนเป็นหวัด น้ำคือไม่เอาเข้าตู้เย็น อาหารงดของทอดของผัด จนกว่าจะหายเลย ส่วนใหญ่หน้าหนาวแทบจะงดไปเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 26
ผู้ดูแลมีเทคนิคหลายอย่างเลยค่ะ ...
ผู้ป่วยเบาหวาน ใช้วิธีแลกกันเพื่อดูแลจิตใจท่านค่ะ ให้เค้ารู้สึกว่ามีทางเลือกเยอะแยะ
ช่วงปรับพฤติกรรม ของหวานให้ทานสัปดาห์ละ 2 ช้อน(หรือขนาดเท่าขนมอาลัว 2 ชิ้น)
แล้วค่อยๆแทรกกลิ่นหอมหวานอื่น หลอกร่างกายทีละนิดจนปรับตัวได้ เช่น น้ำลอยดอกมะลิ น้ำเก็กฮวยต้มเอง น้ำใบเตย น้ำตะไคร้ น้ำเต้าหู้
จะใส่หญ้าหวานนิดๆ และ ใช้รสชาดเปรี้ยวนิดๆของเลมอนด้วย
ผลไม้ ใช้วิธีบอกว่าแลกกัน เช่น ส้ม1ลูก ลดข้าวครึ่งทัพพีนะคะ แลกมั๊ย? เค้าก็แลกบ้าง ไม่แลกบ้าง
ชมพู่ทานได้ เยอะหน่อย
เวลาผู้ป่วยอยากหวานๆ บางทีเค้าก็เดินไปดื่มน้ำกลิ่นนั้นนี้ ก็ชื่นใจหายอยากค่ะ
จัดการแลกอาหารได้ตามนี้นะคะ ใกล้เคียงความรู้ที่ได้จากโรงพยาบาล [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความดัน อันนี้เรื่องยาวหน่อย
เราสังเกตผู้ป่วย ใช้ชีวิตปกติของเค้า เค้าชิมแล้วใส่เครื่องปรุงจนได้รสชาดตามชอบ
ล่าสุดเห็นใส่น้ำปลา3ช้อนแกงในก๋วยเตี๋ยว1ชาม เข้าใจสภาวะทันที ...มันคือ ลิ้นเสื่อม
หลังจากนั้น ต้องเข้าโรงพยาบาล อาหารขณะนั้นจึงเป็นอาหารผู้ป่วยความดัน
แรกๆผู้ป่วยขว้างช้อนเลยค่ะ ไม่อร่อย ทานอาหารได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ว่า แค่สี่เดือน ไม่ต้องทานยาความดันแล้ว หายง่ายกว่าที่คิดอีก
(เราช่วยทานตลอด 5 เดือน ก็ไม่แย่อะไร สบายๆเลย) ...ดังนั้น ความดันเป็นโรคของนิสัย ต้องปรับนิสัยใหม่
ทั้งวัน เค็มได้ 1 ช้อนชา ลำบากพอสมควรค่ะ ... เครื่องปรุงทุกอย่างให้ตวงวัด
สูตรอาหาร ซอสปรุงรสบางอย่างตัดออกได้ รสชาดไม่เปลี่ยน
ผู้ดูแลก็จะมีสมุดจดสูตรของตัวเองขึ้นมา
ทดแทนความเค็ม ด้วยรสชาดกลมกล่อมของน้ำข้าวต้ม น้ำซุปผัก น้ำซุปกระดูก ถั่วเขียวต้มรวมกับข้าวต้ม
และด้วยกลิ่น เช่น กระเทียมเจียว หอมเจียว ขิง ต้นคึ่นช่าย
และ รสเปรี้ยว เผ็ด อย่างเช่น มะเขือเทศ น้ำมะขามเปียก พริกไทย ผงกะหรี่
นำเสนอผลไม้ก่อนอาหาร ผลไม้กินได้ เช่นชมพู่ แอ๊ปเปิ้ล ผักกวางตุ้งต้มเหยาะน้ำมันงาให้เคี้ยวเล่น
บางวันขอรสชาดจัดเต็ม ก็จะได้ปริมาณน้อยหน่อยทดแทนด้วยผัก
บางวันไม่หือไม่อือ มื้อนี้ก็ได้รสชาดที่ควรจะเป็น
อย่าลืมให้ออกกำลังกายมากขึ้น
สุดท้าย ค่อยๆให้ผู้ป่วยรับรู้ถึงการดูแลตัวเอง เพราะเราไม่ได้อยู่กับเค้าตลอดเวลา
ดูแลผู้ป่วย ก็เหมือนดูแลตัวเองในอนาคตนะคะ ไม่มีอะไรเสียเวลาเปล่าเลย ได้ใช้เองทั้งนั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ผู้ป่วยเบาหวาน ใช้วิธีแลกกันเพื่อดูแลจิตใจท่านค่ะ ให้เค้ารู้สึกว่ามีทางเลือกเยอะแยะ
ช่วงปรับพฤติกรรม ของหวานให้ทานสัปดาห์ละ 2 ช้อน(หรือขนาดเท่าขนมอาลัว 2 ชิ้น)
แล้วค่อยๆแทรกกลิ่นหอมหวานอื่น หลอกร่างกายทีละนิดจนปรับตัวได้ เช่น น้ำลอยดอกมะลิ น้ำเก็กฮวยต้มเอง น้ำใบเตย น้ำตะไคร้ น้ำเต้าหู้
จะใส่หญ้าหวานนิดๆ และ ใช้รสชาดเปรี้ยวนิดๆของเลมอนด้วย
ผลไม้ ใช้วิธีบอกว่าแลกกัน เช่น ส้ม1ลูก ลดข้าวครึ่งทัพพีนะคะ แลกมั๊ย? เค้าก็แลกบ้าง ไม่แลกบ้าง
ชมพู่ทานได้ เยอะหน่อย
เวลาผู้ป่วยอยากหวานๆ บางทีเค้าก็เดินไปดื่มน้ำกลิ่นนั้นนี้ ก็ชื่นใจหายอยากค่ะ
จัดการแลกอาหารได้ตามนี้นะคะ ใกล้เคียงความรู้ที่ได้จากโรงพยาบาล [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความดัน อันนี้เรื่องยาวหน่อย
เราสังเกตผู้ป่วย ใช้ชีวิตปกติของเค้า เค้าชิมแล้วใส่เครื่องปรุงจนได้รสชาดตามชอบ
ล่าสุดเห็นใส่น้ำปลา3ช้อนแกงในก๋วยเตี๋ยว1ชาม เข้าใจสภาวะทันที ...มันคือ ลิ้นเสื่อม
หลังจากนั้น ต้องเข้าโรงพยาบาล อาหารขณะนั้นจึงเป็นอาหารผู้ป่วยความดัน
แรกๆผู้ป่วยขว้างช้อนเลยค่ะ ไม่อร่อย ทานอาหารได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ว่า แค่สี่เดือน ไม่ต้องทานยาความดันแล้ว หายง่ายกว่าที่คิดอีก
(เราช่วยทานตลอด 5 เดือน ก็ไม่แย่อะไร สบายๆเลย) ...ดังนั้น ความดันเป็นโรคของนิสัย ต้องปรับนิสัยใหม่
ทั้งวัน เค็มได้ 1 ช้อนชา ลำบากพอสมควรค่ะ ... เครื่องปรุงทุกอย่างให้ตวงวัด
สูตรอาหาร ซอสปรุงรสบางอย่างตัดออกได้ รสชาดไม่เปลี่ยน
ผู้ดูแลก็จะมีสมุดจดสูตรของตัวเองขึ้นมา
ทดแทนความเค็ม ด้วยรสชาดกลมกล่อมของน้ำข้าวต้ม น้ำซุปผัก น้ำซุปกระดูก ถั่วเขียวต้มรวมกับข้าวต้ม
และด้วยกลิ่น เช่น กระเทียมเจียว หอมเจียว ขิง ต้นคึ่นช่าย
และ รสเปรี้ยว เผ็ด อย่างเช่น มะเขือเทศ น้ำมะขามเปียก พริกไทย ผงกะหรี่
นำเสนอผลไม้ก่อนอาหาร ผลไม้กินได้ เช่นชมพู่ แอ๊ปเปิ้ล ผักกวางตุ้งต้มเหยาะน้ำมันงาให้เคี้ยวเล่น
บางวันขอรสชาดจัดเต็ม ก็จะได้ปริมาณน้อยหน่อยทดแทนด้วยผัก
บางวันไม่หือไม่อือ มื้อนี้ก็ได้รสชาดที่ควรจะเป็น
อย่าลืมให้ออกกำลังกายมากขึ้น
สุดท้าย ค่อยๆให้ผู้ป่วยรับรู้ถึงการดูแลตัวเอง เพราะเราไม่ได้อยู่กับเค้าตลอดเวลา
ดูแลผู้ป่วย ก็เหมือนดูแลตัวเองในอนาคตนะคะ ไม่มีอะไรเสียเวลาเปล่าเลย ได้ใช้เองทั้งนั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นกำลังใจให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
การดูแลผู้ป่วยสูงอายุซึ่งเป็นคุณพ่อ คุณแม่ของเรา เมื่อท่านขออาหารที่แพทย์บอกว่าไม่ควรรับประทาน เราควรทำอย่างไร