ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์แล้ว เพราะมันเป็นหนังฟอร์มเล็กและเป็นหนังเฉพาะกลุ่มมากๆ อีกทั้งรายชื่อนักแสดง รวมไปถึงพร็อตเรื่อง มันไม่ใช่สิ่งที่จะขายได้แน่ๆ แต่ว่ามันคือหนังที่ผมอยากดูเอามากๆ
พอดูหนังเรื่องนี้จบ โดยรวมมีทั้งจุดที่เราชื่นชอบและไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้อยู่ แต่ถ้าถามว่าเราชอบหนังเรื่องนี้ไหม เราก็จะบอกว่า เรารู้สึกเฉยๆ แต่เราสามารถบอกได้เลยว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนแน่ๆ
การเล่าเรื่องของหนังยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าหนังเล่าเรื่องขาดๆเกินๆ ขาดความกลมกล่อม เหมือนกับว่าหนังเน้นเล่าเรื่องประวัติของ Trumbo มากเกินไป พยายามใส่เหตุการณ์สำคัญๆในชีวิตของ Trumbo มาให้ครบ แต่ผมกลับรู้สึกว่าหนังมันไม่โฟกัสที่จะเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันเลยเป็นจุดที่ผมคิดว่า มันเลยสื่อสารได้ไม่หนักแน่นเท่าที่ควร เราเลยไม่ได้รู้สึกอินกับหนังขนาดนั้น
การแสดงของ Bryan Cranston ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ผมชอบบทที่ต้องมีการแสดงผ่านช่วงวัยและเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาในชีวิต ชอบการเห็นการแสดงของตัวละครที่มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างเรื่อง ซึ่งผมรู้สึกว่า Bryan ทำได้สมูทมากๆ สิ่งที่เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของ Trumbo อย่างชัดเจน หลักๆคือด้านกายภาพ แต่สิ่งที่ผมชอบคือการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ความรู้สึกและพฤติกรรมต่างๆ หลังชีวิตต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง
ซีนที่ผมชอบมากๆ คือ ซีนที่ Trumbo ทะเลาะกับลูกสาวในวันเกิดของลูกสาว มันส่งพลังออกมาได้ถึงมากๆ และเราเชื่อว่าเค้ากำลังรู้สึกเครียด เก็บกดและกดดันมากๆ เค้าจึงระเบิดออกมาแบบนั้น แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่สำคัญมากๆก็ตาม และอีกซีน คือตอนที่ Cleo ภรรยาของเค้า บอกถึงความอึดอัดในการที่ต้องอยู่กับ Trumbo หลังจากที่เค้าออกมาจากคุก เค้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม มันคือซีนที่ดีที่สุดในหนัง มันคือการเปิดอกคุยแบบผู้ใหญ่ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเค้า ก็คือ เค้าเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนที่ภรรยาบอกแก่เค้า
ผมคิดว่าในโลกนี้มีสิ่งสมมุติอยู่เต็มไปหมด แล้วแต่ละสังคมมักจะไปกำหนดค่าของสิ่งสมมุตินั้นๆเอาไว้ว่า สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ไม่ดี พอมีคนที่คิดแตกต่าง ก็กลายเป็นว่าคนนั้นผิด ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ Trumbo เป็นนั้น มันดีหรือไม่ดี แต่มันก็คือรูปแบบความคิดที่แตกต่างในหัวข้อหนึ่ง สิ่งเหล่านี้เองที่มักจะทำให้เราทะเลาะกัน เพราะเราเชื่อในสิ่งที่แตกต่างกัน ในความจริงชีวิตของแต่ละคน มันมีอีกหลากหลายเรื่องไปหมด เราไม่ควรเอาเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิตของคนนั้น มาตัดสินเค้าว่าเค้าเป็นอย่างไร
เหมือนอย่างที่เราชอบคนละสีกัน ผมสงสัยว่าทำไมเราถึงเกลียดคนที่ชอบสีตรงข้ามกับเรา ในเมื่อชีวิตเรามีเรื่องราวอีกตั้งมากมายนอกจากเรื่องสี คนที่ชอบสีที่ต่างกัน อาจจะมีอีกหลายเรื่องที่ชอบเหมือนกันก็ได้ เค้าอาจจะชอบหนังเรื่องเดียวกัน เชียร์ทีมฟุตบอลทีมเดียวกัน และเค้าอาจจะเป็นคนดีเหมือนกันก็ได้ ผมคิดว่า เราไม่ควรแบ่งแยกกันด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราชอบกันคนละอย่าง แต่เราก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะชีวิตมันไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว ยังมีอีกหลายหลายเรื่องราวเยอะแยะไปหมด
ผมชอบประเด็นที่ Trumbo กับลูกสาว มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และทั้งคู่จะไม่ค่อยมีใครยอมให้กัน ผมรู้สึกว่าจุดนี้ หนังจิกกัดเรื่องคอมมิวนิสต์อยู่เบาๆ เพราะเหมือนทั้งคู่จะค่อนข้างเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ จึงทำให้ไม่มีใครยอมใคร แต่ผมชอบที่หนังไม่ได้พามันไปจนถึงจุดที่แตกหัก มันแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า ในความขัดแย้ง ถ้าต่างคนต่างแข็งทั้งคู่ มันไม่มีทางจะหาทางออกได้แน่ๆ ในหนังหลังจาก Trumbo ได้คุยกับ Cleo อย่างเปิดอกแล้ว เค้ายอมลดทิฐิของตัวเอง แล้วกลับไปขอโทษลูกสาวอย่างจริงใจ มันเลยทำให้ผมชื่นชม Trumbo มากๆในจุดนี้
การก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต ครอบครัวยังเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดจริงๆ การที่มีครอบครัวที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุน แม้ว่าคนอื่นๆในสังคมจะไม่ชอบเราก็ตาม แต่พลังที่ยิ่งใหญ่คือคนในครอบครัว นอกจากการสนับสนุนอย่างบริสุทธิ์ใจแล้ว การบอกกล่าวอย่างจริงใจ เพื่อบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมเชื่อว่าหลายครั้งที่เรามีปัญหาในครอบครัว เพราะเราไม่ได้พูดสิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ และพอมันถึงจุดหนึ่ง ความอดทนมันก็หมด เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ นอกจากการกล้าที่จะบอกกล่าวแล้ว การเปิดใจรับฟัง คือหัวใจสำคัญในการที่จะช่วยให้ก้าวผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้
ฉากสุดท้ายที่ Trumbo พูดบนเวที เราเข้าใจ Trumbo อย่างสุดซึ้ง เค้าพูดถึงการตกเป็นเหยื่อ อยู่ๆก็มีคนมาสรุปว่าเค้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆมันไม่อาจเอาเรื่องเหล่านั้นมาสรุปได้เลยว่าตัวเค้าเป็นอย่างไร แต่กระนั้น แม้ว่าเค้าจะต้องตกเป็นเหยื่อ เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่หลายปี แต่ในช่วงนั้นเอง ก็ทำให้เค้ารับรู้ได้ถึงสิ่งสำคัญในชีวิตของเค้า นั่นคือสิ่งที่ Trumbo พูด และทำให้เราน้ำตาซึม เค้าพูดขอบคุณ Cleo ภรรยาของเค้า เราเชื่อว่าสิ่งที่พาให้เค้ามาจนถึงทุกวันนี้ได้ คือความรัก ความศรัทธาของคนในครอบครัว มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เค้าก้าวผ่านทุกเรื่องราวที่เลวร้ายไปได้
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
Trumbo - เราไม่อาจจะตัดสินใครได้จากเรื่องใดเพียงเรื่องหนึ่ง (Spoil)
พอดูหนังเรื่องนี้จบ โดยรวมมีทั้งจุดที่เราชื่นชอบและไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้อยู่ แต่ถ้าถามว่าเราชอบหนังเรื่องนี้ไหม เราก็จะบอกว่า เรารู้สึกเฉยๆ แต่เราสามารถบอกได้เลยว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนแน่ๆ
การเล่าเรื่องของหนังยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าหนังเล่าเรื่องขาดๆเกินๆ ขาดความกลมกล่อม เหมือนกับว่าหนังเน้นเล่าเรื่องประวัติของ Trumbo มากเกินไป พยายามใส่เหตุการณ์สำคัญๆในชีวิตของ Trumbo มาให้ครบ แต่ผมกลับรู้สึกว่าหนังมันไม่โฟกัสที่จะเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันเลยเป็นจุดที่ผมคิดว่า มันเลยสื่อสารได้ไม่หนักแน่นเท่าที่ควร เราเลยไม่ได้รู้สึกอินกับหนังขนาดนั้น
การแสดงของ Bryan Cranston ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ผมชอบบทที่ต้องมีการแสดงผ่านช่วงวัยและเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาในชีวิต ชอบการเห็นการแสดงของตัวละครที่มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างเรื่อง ซึ่งผมรู้สึกว่า Bryan ทำได้สมูทมากๆ สิ่งที่เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของ Trumbo อย่างชัดเจน หลักๆคือด้านกายภาพ แต่สิ่งที่ผมชอบคือการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ความรู้สึกและพฤติกรรมต่างๆ หลังชีวิตต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง
ซีนที่ผมชอบมากๆ คือ ซีนที่ Trumbo ทะเลาะกับลูกสาวในวันเกิดของลูกสาว มันส่งพลังออกมาได้ถึงมากๆ และเราเชื่อว่าเค้ากำลังรู้สึกเครียด เก็บกดและกดดันมากๆ เค้าจึงระเบิดออกมาแบบนั้น แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่สำคัญมากๆก็ตาม และอีกซีน คือตอนที่ Cleo ภรรยาของเค้า บอกถึงความอึดอัดในการที่ต้องอยู่กับ Trumbo หลังจากที่เค้าออกมาจากคุก เค้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม มันคือซีนที่ดีที่สุดในหนัง มันคือการเปิดอกคุยแบบผู้ใหญ่ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเค้า ก็คือ เค้าเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนที่ภรรยาบอกแก่เค้า
ผมคิดว่าในโลกนี้มีสิ่งสมมุติอยู่เต็มไปหมด แล้วแต่ละสังคมมักจะไปกำหนดค่าของสิ่งสมมุตินั้นๆเอาไว้ว่า สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ไม่ดี พอมีคนที่คิดแตกต่าง ก็กลายเป็นว่าคนนั้นผิด ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ Trumbo เป็นนั้น มันดีหรือไม่ดี แต่มันก็คือรูปแบบความคิดที่แตกต่างในหัวข้อหนึ่ง สิ่งเหล่านี้เองที่มักจะทำให้เราทะเลาะกัน เพราะเราเชื่อในสิ่งที่แตกต่างกัน ในความจริงชีวิตของแต่ละคน มันมีอีกหลากหลายเรื่องไปหมด เราไม่ควรเอาเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิตของคนนั้น มาตัดสินเค้าว่าเค้าเป็นอย่างไร
เหมือนอย่างที่เราชอบคนละสีกัน ผมสงสัยว่าทำไมเราถึงเกลียดคนที่ชอบสีตรงข้ามกับเรา ในเมื่อชีวิตเรามีเรื่องราวอีกตั้งมากมายนอกจากเรื่องสี คนที่ชอบสีที่ต่างกัน อาจจะมีอีกหลายเรื่องที่ชอบเหมือนกันก็ได้ เค้าอาจจะชอบหนังเรื่องเดียวกัน เชียร์ทีมฟุตบอลทีมเดียวกัน และเค้าอาจจะเป็นคนดีเหมือนกันก็ได้ ผมคิดว่า เราไม่ควรแบ่งแยกกันด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราชอบกันคนละอย่าง แต่เราก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะชีวิตมันไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว ยังมีอีกหลายหลายเรื่องราวเยอะแยะไปหมด
ผมชอบประเด็นที่ Trumbo กับลูกสาว มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และทั้งคู่จะไม่ค่อยมีใครยอมให้กัน ผมรู้สึกว่าจุดนี้ หนังจิกกัดเรื่องคอมมิวนิสต์อยู่เบาๆ เพราะเหมือนทั้งคู่จะค่อนข้างเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ จึงทำให้ไม่มีใครยอมใคร แต่ผมชอบที่หนังไม่ได้พามันไปจนถึงจุดที่แตกหัก มันแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า ในความขัดแย้ง ถ้าต่างคนต่างแข็งทั้งคู่ มันไม่มีทางจะหาทางออกได้แน่ๆ ในหนังหลังจาก Trumbo ได้คุยกับ Cleo อย่างเปิดอกแล้ว เค้ายอมลดทิฐิของตัวเอง แล้วกลับไปขอโทษลูกสาวอย่างจริงใจ มันเลยทำให้ผมชื่นชม Trumbo มากๆในจุดนี้
การก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต ครอบครัวยังเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดจริงๆ การที่มีครอบครัวที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุน แม้ว่าคนอื่นๆในสังคมจะไม่ชอบเราก็ตาม แต่พลังที่ยิ่งใหญ่คือคนในครอบครัว นอกจากการสนับสนุนอย่างบริสุทธิ์ใจแล้ว การบอกกล่าวอย่างจริงใจ เพื่อบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมเชื่อว่าหลายครั้งที่เรามีปัญหาในครอบครัว เพราะเราไม่ได้พูดสิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ และพอมันถึงจุดหนึ่ง ความอดทนมันก็หมด เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ นอกจากการกล้าที่จะบอกกล่าวแล้ว การเปิดใจรับฟัง คือหัวใจสำคัญในการที่จะช่วยให้ก้าวผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้
ฉากสุดท้ายที่ Trumbo พูดบนเวที เราเข้าใจ Trumbo อย่างสุดซึ้ง เค้าพูดถึงการตกเป็นเหยื่อ อยู่ๆก็มีคนมาสรุปว่าเค้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆมันไม่อาจเอาเรื่องเหล่านั้นมาสรุปได้เลยว่าตัวเค้าเป็นอย่างไร แต่กระนั้น แม้ว่าเค้าจะต้องตกเป็นเหยื่อ เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่หลายปี แต่ในช่วงนั้นเอง ก็ทำให้เค้ารับรู้ได้ถึงสิ่งสำคัญในชีวิตของเค้า นั่นคือสิ่งที่ Trumbo พูด และทำให้เราน้ำตาซึม เค้าพูดขอบคุณ Cleo ภรรยาของเค้า เราเชื่อว่าสิ่งที่พาให้เค้ามาจนถึงทุกวันนี้ได้ คือความรัก ความศรัทธาของคนในครอบครัว มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เค้าก้าวผ่านทุกเรื่องราวที่เลวร้ายไปได้
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/