เล่าให้ฟัง เมื่อนร.ไทยโดนแบนในต่างแดน!?

สวัสดีค่ะ วันนี้ เรามีเรื่องน่าสนใจและเผื่อเตือนใจกับใครก็ตามที่คิดจะมาเรียนต่อต่างประเทศค่ะ
ตอนนี้เรากำลังเรียนต่ออยู่ในประเทศญี่ปุ่น และแน่นอนเมื่ออยู่มาสักระยะหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนทำคือ
"งานพิเศษ"
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอใช้นามสมมุติและไม่กล่าวถึงสถานที่จริงนะคะ

เรื่องแรก "ร้านอาหารไทย"
เรามีพี่คนหนึ่ง (ขอเรียกว่า พี่ A) ได้ทำการติดต่อกับร้านอาหารไทยเพื่อหางานพิเศษ ซึ่งทางร้านก็ตอบตกลง
แต่ขอให้พี่ A อยู่ที่เมืองนี้ โดยทางร้านจะจ้างเขาเป็นพ่อครัวของร้านอาหารไทยที่กำลังจะเปืดสาขาใหม่
พี่ A ที่ตอนแรกมีความตั้งใจว่าอยากจะย้ายเมืองไปเรียนที่โตเกียวจึงยกเลิกการย้ายโรงเรียน และ อยู่ที่เมืองเดิมต่อ
อยู่มาวันหนึ่ง ทางร้านได้ติดต่อมาหาพี่เขาอีกครั้ง พร้อมบอกว่า "ทางผู้บริหาร ขอทำการยกเลิกข้อตกลง"
และเหตุผลที่ทางร้านได้ให้มานั้นคือ
"มี นร.ไทยคนหนึ่งมาทำงานพิเศษที่ร้าน ทำได้อยู่แค่ 2 วันก็ลาออกไป ทางผู้บริหารจึงไม่อยากจ้าง นร.ที่มาเรียนต่อให้มาทำงานแล้ว
โดยทางร้านขอ จ้างพ่อครัว จากไทยที่มีวีซ่าทำงานแทน และทางร้านขอไม่รับ นร.ไทยเข้าทำงานพิเศษที่ร้านอีกต่อไป"

พี่ A โดนมาแบบนี้ก็เซ็งซิค่าาา และยิ่งเซ็งกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมคะ นั้นคือ นร.คนนั้นดันเรียนอยู่ รร.เดียวกับพี่ A
แล้วพี่ A ก็ไปได้รู้เหตุผลที่เขาออกจากร้านนั้นว่า "ร้านมันเล็กแคบ งานก็หนัก" เต่าเอือม

แล้วร้านนั้นก็ทำจริง ๆ ค่ะ คือไม่รับนร.ไทยที่ถือวีซ่านร.เข้าทำงานพิเศษที่ร้านอีกเลย เอวัง......

เรื่องที่สอง "ร้านเพนกวิ้น"
ร้านเพนกวิ้น คือร้านที่เราทำงานอยู่ค่ะ ซึ่งเป็นร้านที่มีลูกค้าต่างชาติเยอะมาก
ทำให้ คนต่างชาติสมัครเข้าทำงานที่ร้านนี้ง่ายกว่าร้านอื่น ๆ ทั่วไปค่ะ
ซึ่งตัวละครที่เราจะพูดถึงในเรื่องนี้คือ นาย H กับเพื่อนเราชื่อ T ค่ะ

เราได้ข่าวว่าร้านนี้กำลังเปิดรับสมัครงานจากเพื่อนของ H ซึ่งก่อนยื่นใบสมัคร นาย H ก็มาคุยกับเราค่ะ
นาย H บอกว่า "ถ้าแกจะทำงานที่นี้ต้องทำให้เกิน 3 เดือนนะเว้ย" (จำคำนี้ไว้นะคะ)
เราก็โอเค สบาย ๆ อยู่แล้วเพราะเราได้ก็คงไม่คิดหางานใหม่ (ขี้เกียจคัด CV)
ซึ่งเมื่อเราไปสมัคร สัมภาษณ์ ก็ผ่านเข้าทำงานได้ค่ะ
จากนั้นเราก็เห็นว่านาย H มาสัมภาษณ์งานที่ร้านเพนกวิ้นเหมือนกัน
แต่ตัวนาย H ในตอนนั้นก็มีงานพิเศษอยู่แล้ว 2 ที่ เราเลยถามว่าทำไม H ถึงมาสมัครนี้อีก
H ตอบว่า พี่คนที่เรียนอยู่ด้วยแกทำงานแล้วเหงา อยากออก แต่ถ้า H มาทำด้วยก็จะทำต่อ
เราก็เลยบอก H ไปว่า ถ้ายังไงเริ่มงานวันไหนยังไงก็บอกด้วยก็แล้วกัน H ก็ตอบมาว่า จะบอกเราแน่นอน
เวลาผ่านไป เราก็แปลกใจเล็ก ๆ ว่าทำไมถึงไม่เคยเจอ H ที่ทำงานเลยสักครั้ง

ต่อมา เราแนะนำเพื่อน T เราให้สมัครเข้าทำงานที่ร้านเพนกวิ้นค่ะ เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ เราได้คุยกับหัวหน้าคนญี่ปุ่น
เขาก็ตอบเราว่า ไม่มีปัญหาหรอก เพราะตอนนี้เขาขาดคนแล้วก็ต้องการคนไทยเพราะช่วงสงกรานต์ด้วย
ตามปกติแล้ว ร้านเพนกวิ้นจะโทรกลับมาบอกผลสัมภาษณ์พร้อมกับส่งเอกสารมาให้เซ็นต์ถึงบ้านภายใน 1 อาทิตย์หลังสัมภาษณ์
แต่ T เพื่อนเราก็รอผลสัมภาษณ์ถึง 3 อาทิตย์ ทางร้านก็เงียบไม่มีการตอบรับสักที
เราเลยไปถามหัวหน้าคนเดิม ก็ได้คำตอบมาว่า ตอนนี้ คนที่ทำเรื่องเอกสารลาหยุดอยู่ รอก่อนแต่ไม่มีปัญหาแน่นอน
เราด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เลยไปคุยกับ H แล้วพบว่า....
H ลาออกหลังทำงานได้ไม่กี่วัน โดยให้เหตุผลเราว่า
"ร้านมันไม่ใช่แนวเราอะ อีกอย่างออกก็ไม่มีปัญหาเพราะเราไม่ได้ให้ใครเซ็นค้ำให้"
หลังจากคุยกับ H เราทิ้งช่วงไปอีกสัปดาห์หนึ่งจึงกลับไปถามหัวหน้าคนเดิมเรื่อง T  
คำตอบที่ได้คือ ตอนนี้ผู้ใหญ่กำลังพิจารณาอยู่ แล้วหลังจากนั้นหัวหน้าคนนั้นก็พยายามหลบหน้าเรา

T ที่เป็นคนอยากทำงาน โดนทิ้ง เพราะ H ที่เข้ามาทำงานเพราะตามคำคนอื่นเข้ามาแล้วออกไปหลังทำได้เพราะว่า
"มันไม่ใช่แนว...."เต่าเอือม (แต่ก่อนหน้านี้เป็นคนมาบอกให้เราทำให้ได้เกิน 3 เดือนนะ....)

แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงนะคะทุกท่าน T ได้งานทำแล้วที่ร้านอาหารไทย(ที่ไม่ใช่ร้านที่เล่าไปตอนแรกนะ)

สุดท้ายนี้ อยากเตือนคนที่จะมาเรียนต่อค่ะ
นิสัยเหมารวมเนี่ย เขาก็เป็นกันหมดทุกชาติละค่ะ
คนญี่ปุ่นเวลาทำงานร่วมกับต่างชาติ เขาก็มีทั้งคนที่เปิดรับ กับ คนที่ไม่โอเคกับต่างชาติค่ะ
การที่คุณ เอานิสัยเอาแต่งสบาย ทำอะไรตามใจ แล้วบอกว่า ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน
ทุกอย่างที่ทำมันมีผลตามมาอยู่เสมอแหละค่ะ โปรดคิดก่อนทำ หัดไว้หน้าชื่อประเทศบ้าง
อย่าทำให้คนที่เขาโอเคกับคนไทย กลายเป็นยี้คนไทยไปด้วยเลยค่ะ.........

ขอจบกระทู้ไว้เพียงเท่านี้ ไปท่องคันจิต่อละค่า..... เม่าบาดเจ็บ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่