แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังการรับซื้อยางพาราในโครงการรับซื้อยาง 1 แสนตันเพื่อแก้ไขปัญหาราคายาง ที่รัฐบาลมอบหมายให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปิดจุดรับซื้อตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา ก่อนถึงกำหนดปิดจุดรับซื้อวันที่ 31 มี.ค.ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากชาวสวนยางหยุดกรีดยางเกือบทุกพื้นที่แล้ว และจะเปิดกรีดใหม่ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้ จากการรวบรวมปริมาณยางที่รับซื้อจากเกษตรกรทั่วประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 2,280 ตัน วงเงินรับซื้อรวม 100 ล้านบาทเศษ
ขณะนี้ กทย.อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยื่นความประสงค์ต้องการซื้อยางพาราเพื่อนำไปแปรรูป อาทิ ก่อสร้างถนน แผ่นยางปูพื้น ลานกีฬา สระน้ำ หมอนยาง ที่นอนยาง ถุงมือยาง ฯลฯ ปริมาณรวม 7.9 หมื่นตัน โดยให้แต่ละหน่วยงานแจกแจงปริมาณความต้องการรับซื้อยางแต่ละชนิด รวมทั้งช่วงเวลาที่ต้องการให้ กยท.ส่งมอบยาง
หากไม่พอสามารถนำยางพารารัฐที่ขณะนี้มีอยู่ในสต๊อกรวมทั้งหมดกว่า 2 แสนตันส่งมอบให้แทนได้อีกทางหนึ่ง ถือเป็นการระบายยางที่เก็บไว้ในสต๊อกอีกช่องทางหนึ่ง เพียงแต่ยางในสต๊อก 2 แสนตันนั้นอาจไม่มียางบางประเภท เช่น น้ำยางข้น เป็นต้น
สำหรับยางที่รับซื้อภายใต้โครงการดังกล่าว 2,280 ตันที่เก็บอยู่ในโกดังของ กยท.ขณะนี้แยกเป็นน้ำยางข้น 28 ตัน ยางก้นถ้วยสำหรับอัดเป็นยางแท่ง 1,053 ตัน ยางแท่ง 374 ตัน ยางแผ่นดิบ 94 ตัน ยางอัดก้อน 310 ตัน ยางแผ่นรมควัน 14 ตัน ยางอัดก้อนลูกขุน 407 ตัน โดยรับซื้อจากชาวสวนยางในราคาที่กำหนดแยกเป็นยางแผ่นดิบ ชั้น 3 กก.ละ 45 บาท น้ำยางสด กก.ละ 42 บาท และยางก้นถ้วย กก.ละ 41 บาท
ในส่วนของความต้องการซื้อยางของหน่วยงานภาครัฐ 7.9 หมื่นตันนั้น ล่าสุดหลายหน่วยงานประสานมายัง กทย.แล้ว ซึ่งได้ขอให้จัดทำรายละเอียดปริมาณความต้องการซื้อยางแต่ละประเภท รวมทั้งกำหนดวันส่งมอบให้ชัดเจน ขณะเดียวกันบางหน่วยงานประสานขอให้ กยท.ช่วยจัดทำเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง (TOR) ในการว่าจ้างเอกชนแปรรูปยางพารา อาทิ หน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหม คมนาคม ต้องการแปรรูปยางเป็นหมอนและที่นอนยางพารา ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องการรับซื้อยางไปก่อสร้างสนามฟุตซอลและลานกีฬาทั่วประเทศกว่า 7 พันแห่ง รวมกว่า 4 หมื่นตัน
JJNY : รัฐบาลซื้อยางได้แค่ 2.2 พันตัน ออก TOR ระบายสต๊อกกลาโหม
ขณะนี้ กทย.อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยื่นความประสงค์ต้องการซื้อยางพาราเพื่อนำไปแปรรูป อาทิ ก่อสร้างถนน แผ่นยางปูพื้น ลานกีฬา สระน้ำ หมอนยาง ที่นอนยาง ถุงมือยาง ฯลฯ ปริมาณรวม 7.9 หมื่นตัน โดยให้แต่ละหน่วยงานแจกแจงปริมาณความต้องการรับซื้อยางแต่ละชนิด รวมทั้งช่วงเวลาที่ต้องการให้ กยท.ส่งมอบยาง
หากไม่พอสามารถนำยางพารารัฐที่ขณะนี้มีอยู่ในสต๊อกรวมทั้งหมดกว่า 2 แสนตันส่งมอบให้แทนได้อีกทางหนึ่ง ถือเป็นการระบายยางที่เก็บไว้ในสต๊อกอีกช่องทางหนึ่ง เพียงแต่ยางในสต๊อก 2 แสนตันนั้นอาจไม่มียางบางประเภท เช่น น้ำยางข้น เป็นต้น
สำหรับยางที่รับซื้อภายใต้โครงการดังกล่าว 2,280 ตันที่เก็บอยู่ในโกดังของ กยท.ขณะนี้แยกเป็นน้ำยางข้น 28 ตัน ยางก้นถ้วยสำหรับอัดเป็นยางแท่ง 1,053 ตัน ยางแท่ง 374 ตัน ยางแผ่นดิบ 94 ตัน ยางอัดก้อน 310 ตัน ยางแผ่นรมควัน 14 ตัน ยางอัดก้อนลูกขุน 407 ตัน โดยรับซื้อจากชาวสวนยางในราคาที่กำหนดแยกเป็นยางแผ่นดิบ ชั้น 3 กก.ละ 45 บาท น้ำยางสด กก.ละ 42 บาท และยางก้นถ้วย กก.ละ 41 บาท
ในส่วนของความต้องการซื้อยางของหน่วยงานภาครัฐ 7.9 หมื่นตันนั้น ล่าสุดหลายหน่วยงานประสานมายัง กทย.แล้ว ซึ่งได้ขอให้จัดทำรายละเอียดปริมาณความต้องการซื้อยางแต่ละประเภท รวมทั้งกำหนดวันส่งมอบให้ชัดเจน ขณะเดียวกันบางหน่วยงานประสานขอให้ กยท.ช่วยจัดทำเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง (TOR) ในการว่าจ้างเอกชนแปรรูปยางพารา อาทิ หน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหม คมนาคม ต้องการแปรรูปยางเป็นหมอนและที่นอนยางพารา ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องการรับซื้อยางไปก่อสร้างสนามฟุตซอลและลานกีฬาทั่วประเทศกว่า 7 พันแห่ง รวมกว่า 4 หมื่นตัน