JJNY : รอสอบบัญชี 2 โครงการยางรัฐ สตง.จี้การยางฯ แจงข้อมูล-อ้างไห่หนานเบี้ยวไม่เสียหาย

กระทู้คำถาม
กยท.ชี้ได้มากกว่าเสีย ระงับข้อพิพาทไห่หนานเบี้ยวรับมอบยาง 3.7 แสนตัน ยกข้อดีแลกเปิดประมูลขายยางได้แล้วกว่า 2 แสนตัน คืนเงินกู้ ธ.ก.ส.แล้วกว่า 1 หมื่นล้าน ขณะวงในระบุส่อไม่โปร่งใส กยท.บ่ายเบี่ยงส่งข้อมูล สตง.สอบบัญชี 2 โครงการยาง

“ฐานเศรษฐกิจ” ยังคงติดตามประเด็นความไม่ชอบมาพากล คดีไห่หนาน เบี้ยวรับยาง 3.7 แสนตัน -พิรุธ กยท. เจรจาระงับข้อพิพาท แล้วจะคืนเงินค่าเสียหาย แทนที่จะปรับให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายกว่า 3.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างความสัมพันธ์ไทย-จีน หลายคนกังขารัฐไทยเสียเปรียบหรือไม่

แหล่งข่าวจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากผลการเจรจาระงับข้อพิพาทกับบริษัท ไชน่าไห่หนานรับเบอร์อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด (บจก.) จากจีนในสัญญาการรับซื้อยางพาราจาก กยท.ใน 2 โครงการ ปริมาณยาง รวม 4.08 แสนตัน โดยบริษัทรับมอบยางไปแล้ว 3.49 หมื่นตัน ยังเหลือค้างรับมอบอีก 3.73 แสนตัน นั้น รายงานข้อมูล ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2560 มีเงินของบริษัทซึ่งเป็นเงินชำระค่ายางล่วงหน้าอยู่ในบัญชีของ กยท. หลังจากหักค่าปรับงวดที่ 1 แล้ว จำนวน 1.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงเหลือเป็นเงินไทย กว่า 40.6 ล้านบาท อีกด้านหนึ่งทำให้ กยท.สามารถนำยางในสต๊อกออกมาขายได้โดยผู้ซื้อก็ไม่ต้องกังวลว่ามาซื้อยางพาราที่กำลังมีข้อพิพาทอยู่ จำนวน 3 ครั้ง (จากทั้งหมดเปิดประมูล 5 ครั้ง) เป็นการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถระบายยางออกได้ 2.08 แสนตัน เป็นเงินจำนวน 1.43 หมื่นล้านบาท

“กยท.เริ่มประมูลยาง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 จำนวน 26 โกดังจากทั้ง 2 โครงการ ไม่มีผู้ประมูล
ครั้งที่ 2 วันที่ 17-18 มกราคม 2560 จำนวน 26 โกดังจำนวน 9.86 หมื่นตัน มีผู้ซื้อ 12 ราย
ครั้งที่ 3 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 9 โกดัง ยางรวม 9.59 หมื่นตัน มีผู้ซื้อ 6 ราย
ครั้งที่ 4 วันที่ 21-22 มีนาคม 2560 จำนวน 5 โกดัง ยางจากโครงการสร้างมูลภัณฑ์ฯ จำนวน 1.35 หมื่นตัน มีผู้เข้าประมูล 3 ราย
และครั้งที่ 5 วันที่ 31 มีนาคม 2560 ไม่มีใครเข้ามาเสนอราคา เนื่องจากราคายางในตลาดตํ่ากว่าราคายางที่ กยท.เปิดประมูลขาย”


แหล่งข่าว กยท. กล่าวว่า ผลจากการขายยาง ทำให้สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัยสต๊อกยาง และค่ารักษาความปลอดภัยในการเก็บรักษายางลงปีละ 239.8 ล้านบาท และ ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2560 กยท.นำเงินจากการขายยางไปชำระภาระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท (ดูกราฟิกประกอบ) คงเหลือยางในสต๊อก ณ ปัจจุบัน 1.04 แสนตัน ใน 23 โกดัง

“หากมีข้อพิพาทกัน จะส่งผลทำให้ขายยางในสต๊อก 2 โครงการไม่ได้ และกยท.ต้องเสียค่าเก็บรักษายางต่อไปและยางอาจเสื่อมไปตามสภาพ เมื่อไม่มีข้อพิพาทกัน กยท.สามารถนำยางพาราจำนวนนี้ออกมาขายได้ ที่สำคัญเมื่อพิจารณาค่าเสียหายที่บริษัทดังกล่าวไม่รับมอบยางพาราให้ครบตามสัญญา ในสัญญาซื้อขายมิได้ระบุว่าใครเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจ่ายเงินเก็บค่ารักษายางในระหว่างสัญญา”

ดังนั้นเมื่อมิได้กำหนดในสัญญา จึงไม่อาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากบริษัทนั้นได้ สรุปมีข้อดีมากกว่าที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและอาจร่วมมือกันเป็นคู่ค้าใหม่ในอนาคตได้

อย่างไรก็ตามการระบายยางในสต๊อกจาก 2 โครงการข้างต้น ตั้งแต่ปลายปี 2559 จนถึงปัจจุบัน กยท.ยังไม่ได้สรุปข้อมูลและผลดำเนินงานเพื่อใช้ประกอบการปิดบัญชีโครงการ และยังไม่มีการส่งข้อมูลเพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ตรวจสอบความถูกต้องและรับรองงบประมาณในโครงการนี้ อ้างเหตุผลต้องขายยางให้หมดก่อนถึงจะปิดบัญชีได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่