สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปนะครับ กระผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมสงสัย และหาคำตอบไม่ได้ เกี่ยวกับสิ่งที่คนไทยเราเชื่อและสิ่งที่มองไม่เห็น ผมจะขอแบ่งพาร์ทของเรื่องราวออกเป็น 3 ส่วนนะครับ
ส่วนแรก คือเรื่องของ ศรัทธา
เมื่อผมเป็นเด็กแม่และย่าของผมมักจะเล่าเรื่งราวต่างๆให้ผมฟังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนิทาน หรือวิถีชีวิตของคนในสมัยเก่า หรือปัญหาชีวิตที่ท่านพบเจอมา และความศรัทธาต่อบางสิ่งที่ทำให้ ชีวิตของย่าผมเปลี่ยนไปและส่งผลมาจนถึงรุ่นลูกหลาน
ย้อนเวลากลับไปประมาณ 70 ปีที่แล้ว สมัยที่ย่ายังเป็นเด็ก ย่าเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น ความว่า
.
.
.
"ตอนนั้นกูอายุ ประมาณ 14 ละมั้ง กูก็จำอายุตัวเองตอนนั้นบ่ได้ บ่เคยมีใครสอนกูนับ กูบ่ได้เฮียนหนังสือ กูบ่ฮู้วิชา กูเป็นแค่หญิงกำพร้าอยู่กับแม่ แต่กูก็จำได้ สมัยนั้นหมู่บ้านกู มีบ้านอยู่สิบกว่าหลังตั้งอยู่ห่างกัน รอบบ้านเต็มไปด้วยป่าเขา ต้นไม้และลำธาร กูนี้ซนนัก ตื่นเช้ามากูก็ไปเล่นที่ธารน้ำ น้ำนี้ใสแจ๋ว เย็นชื่นใจ ใสจนกูมองเห็นตัวปลาอี๊ด (ปลาลูกคอกตัวเล็กๆที่อยู่ตามซอกหิน) กูกับหมู่เพื่อนกูก็พากันจับแข่งกัน สมัยนั้นนะมองลงตีนก็เห็นน้ำเห็นปลา มองขึ้นฟ้าก็เห็นใบไม้เขียวหรึ่มชื่นใจ ส่วนพวกผู้ชายก็พากันขุดไส้เดือนไปทำเหยื่อใส่เบ็ด ได้ปลามามากโข.......พอเล่นน้ำเสร็จก็พากันกลับเข้าบ้าน
ทางเดินกลับบ้านบ่มีด้อกกกกก ทางราดยาง หรือทางกว้างๆ ตอนนั้นถนนที่ใหญ่ที่สุดคือถนนขนาดเท่าล้อเกวียน นอกนั้นก็เป็นทางเดินเท้าเล็กๆ ข้างทางเต็มไปด้วยกอหญ้า กอไม้........... เอ้ยย ตอนพากันเดินกลับกับเพื่อน บางทีก็มีกระรอกกระแตกระโดดโลดเต้นอยู่ตามต้นไม้ เสียงนกเสียงการ้องประสานกัน ม่วนคัก"
****ครับกระผมขอพักช่วงของย่าไว้ก่อนแล้วย้อนมาถึงยุคที่ผมเกิดบ้างนะครับ ผมเกิดในหมู่บ้านถิ่นทุรกันดาร แถบภาคอิสานครับ ตอนนั้นครอบครัวผมหรือคนอื่นๆในหมู่บ้านของผมมีเงินติดกระเป๋ากันบ้านละไม่ถึง 2 บาท ****สมัย 20 ปีที่แล้วครับ*** วิถีชีวิตของผมคล้ายกับตอนของย่าสมัยก่อนคือ ผมใช้ชีวิตอยู่กับป่า ผมไม่มีบ้าน... ผมมีแต่กระท่อมในไร่ ซึ่งไร่ผมอยู่ติดกับภูเขา ดังนั้นผมจึงค่อนข้างที่จะคุ้นชินกับการอยู่ในป่า ไร่ของผมมีลำธารตัดผ่าน ผมชอบมาก น้ำมันเย็นชื่นใจมากครับ เล่นเท่าไรก็ไม่หนาว ป่าไม้เขียวฉอุ่ม ปลาตัวเล็กตัวน้อยก็แหวกว่ายอยู่ในสายธาร..............สายๆของวันผมจะไปขุดไส้เดือนกับพ่อ เพื่อจะเอาไปเสียบเบ็ด หาปลามาทำกับข้าว.....เราไม่เคยจับมาทีละเยอะๆนะ เราเอาแค่พอกินวันต่อวัน..วันไหนไม่อยากกินปลา พ่อผมจะพาไปดักนกคุ่ม **ผมไม่รู้คนภาคกลางเรียกนกอะไรครับ** ได้มาตัวสองตัวแม่ก็ทำกับข้าวให้กิน ตกกลางคืนก็มักจะมีสิงสาราสัตว์ออกมาเล่นแถวกระท่อมผมนะ อารมณ์มันตื่นเต้นยิ่งกว่าคุณไปกลางเต้นท์นอนที่เขาใหญ่ แล้วมีกวาง หรือกระรอก กระแต มาเดินเล่นรอบๆคุณซะอีก ...........ของผมนี่เลยยยยย อีเห็น หมูป่า สารพัดนก แล้วก็มีช้างครับ แต่ผมไม่เคยเจอนะ มีแต่ขี้มันที่ผมเจอตรงลำธาร ยิ่งช่วงหน้าหนาวครับ คนเมืองจะเคยได้ยิน ได้เห็นเหมือนผมรึเปล่า**--** เสียงของหมาจิ้งจอก ปากยาว ขนขาวเทา กินเนื้อเป็นอาหาร ของพวกนั้น มันช่างสวยงามจริงๆครับ......อ่อครับอีกอย่างนึง...ฟลุ้คๆหน่อยก็จะเห็น เก้ง กวาง ละมั่ง ออกมากินน้ำที่ลำธารแต่เช้าครับ
ในทุกๆวัน ผมไม่ต้องสรรหานาฬิกามาไว้ปลุกครับ เพราะเจ้าเพื่อนยากไก่ป่ามันจะขันปลุกผมตั้งแต่สองยาม สามยามละครับ......จากตอนนี้ย้อนไปถึงตอนผมเป็นเด็กผมชอบชีวิตของผมตอนเด็กมาก ผมว่ามันอุดมสมบูรณ์สุดๆแล้วนะ..........ทุกอย่างเลยทั้งสายน้ำ ภูเขา สัตว์ป่านานาชนิด มันครบเซตครับ แต่ผมก็เคยพูดกับย่านะว่า มันเหมือนกับตอนช่วงชีวิตวัยเด็กของย่าเลย......คุณรู้มั้ยย่าตอบผมว่ายังงัย********ย่าบอก มันจะไปเหมือนตอนกูได้ยังงัย ป่าก็มีแค่นี้ สัตว์ก็เห็นยุแค่นี้ เงินก็มีแค่นี้ ปลาเอย ลำธารเอย หดลงสั้นลง ลดลงกว่าของกูไปตั้งเยอะ**** คำตอบของย่าทำให้ผมคิดมาตลอดว่า ลำธารของย่ายาวไปถึงไหน ป่าของย่ามันกว้างเท่าไหร่ แล้วสัตว์ป่าที่ย่าว่า มันมีเยอะแค่ไหนกันเทียว......
******เดี๋ยวผมมาเล่าต่อนะครับ******
******ปล. เล่าไม่สนุกต้องขออภัยด้วยนะครับ*****
ศรัทธา ความเชื่อ งมงาย
ส่วนแรก คือเรื่องของ ศรัทธา
เมื่อผมเป็นเด็กแม่และย่าของผมมักจะเล่าเรื่งราวต่างๆให้ผมฟังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนิทาน หรือวิถีชีวิตของคนในสมัยเก่า หรือปัญหาชีวิตที่ท่านพบเจอมา และความศรัทธาต่อบางสิ่งที่ทำให้ ชีวิตของย่าผมเปลี่ยนไปและส่งผลมาจนถึงรุ่นลูกหลาน
ย้อนเวลากลับไปประมาณ 70 ปีที่แล้ว สมัยที่ย่ายังเป็นเด็ก ย่าเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น ความว่า
.
.
.
"ตอนนั้นกูอายุ ประมาณ 14 ละมั้ง กูก็จำอายุตัวเองตอนนั้นบ่ได้ บ่เคยมีใครสอนกูนับ กูบ่ได้เฮียนหนังสือ กูบ่ฮู้วิชา กูเป็นแค่หญิงกำพร้าอยู่กับแม่ แต่กูก็จำได้ สมัยนั้นหมู่บ้านกู มีบ้านอยู่สิบกว่าหลังตั้งอยู่ห่างกัน รอบบ้านเต็มไปด้วยป่าเขา ต้นไม้และลำธาร กูนี้ซนนัก ตื่นเช้ามากูก็ไปเล่นที่ธารน้ำ น้ำนี้ใสแจ๋ว เย็นชื่นใจ ใสจนกูมองเห็นตัวปลาอี๊ด (ปลาลูกคอกตัวเล็กๆที่อยู่ตามซอกหิน) กูกับหมู่เพื่อนกูก็พากันจับแข่งกัน สมัยนั้นนะมองลงตีนก็เห็นน้ำเห็นปลา มองขึ้นฟ้าก็เห็นใบไม้เขียวหรึ่มชื่นใจ ส่วนพวกผู้ชายก็พากันขุดไส้เดือนไปทำเหยื่อใส่เบ็ด ได้ปลามามากโข.......พอเล่นน้ำเสร็จก็พากันกลับเข้าบ้าน
ทางเดินกลับบ้านบ่มีด้อกกกกก ทางราดยาง หรือทางกว้างๆ ตอนนั้นถนนที่ใหญ่ที่สุดคือถนนขนาดเท่าล้อเกวียน นอกนั้นก็เป็นทางเดินเท้าเล็กๆ ข้างทางเต็มไปด้วยกอหญ้า กอไม้........... เอ้ยย ตอนพากันเดินกลับกับเพื่อน บางทีก็มีกระรอกกระแตกระโดดโลดเต้นอยู่ตามต้นไม้ เสียงนกเสียงการ้องประสานกัน ม่วนคัก"
****ครับกระผมขอพักช่วงของย่าไว้ก่อนแล้วย้อนมาถึงยุคที่ผมเกิดบ้างนะครับ ผมเกิดในหมู่บ้านถิ่นทุรกันดาร แถบภาคอิสานครับ ตอนนั้นครอบครัวผมหรือคนอื่นๆในหมู่บ้านของผมมีเงินติดกระเป๋ากันบ้านละไม่ถึง 2 บาท ****สมัย 20 ปีที่แล้วครับ*** วิถีชีวิตของผมคล้ายกับตอนของย่าสมัยก่อนคือ ผมใช้ชีวิตอยู่กับป่า ผมไม่มีบ้าน... ผมมีแต่กระท่อมในไร่ ซึ่งไร่ผมอยู่ติดกับภูเขา ดังนั้นผมจึงค่อนข้างที่จะคุ้นชินกับการอยู่ในป่า ไร่ของผมมีลำธารตัดผ่าน ผมชอบมาก น้ำมันเย็นชื่นใจมากครับ เล่นเท่าไรก็ไม่หนาว ป่าไม้เขียวฉอุ่ม ปลาตัวเล็กตัวน้อยก็แหวกว่ายอยู่ในสายธาร..............สายๆของวันผมจะไปขุดไส้เดือนกับพ่อ เพื่อจะเอาไปเสียบเบ็ด หาปลามาทำกับข้าว.....เราไม่เคยจับมาทีละเยอะๆนะ เราเอาแค่พอกินวันต่อวัน..วันไหนไม่อยากกินปลา พ่อผมจะพาไปดักนกคุ่ม **ผมไม่รู้คนภาคกลางเรียกนกอะไรครับ** ได้มาตัวสองตัวแม่ก็ทำกับข้าวให้กิน ตกกลางคืนก็มักจะมีสิงสาราสัตว์ออกมาเล่นแถวกระท่อมผมนะ อารมณ์มันตื่นเต้นยิ่งกว่าคุณไปกลางเต้นท์นอนที่เขาใหญ่ แล้วมีกวาง หรือกระรอก กระแต มาเดินเล่นรอบๆคุณซะอีก ...........ของผมนี่เลยยยยย อีเห็น หมูป่า สารพัดนก แล้วก็มีช้างครับ แต่ผมไม่เคยเจอนะ มีแต่ขี้มันที่ผมเจอตรงลำธาร ยิ่งช่วงหน้าหนาวครับ คนเมืองจะเคยได้ยิน ได้เห็นเหมือนผมรึเปล่า**--** เสียงของหมาจิ้งจอก ปากยาว ขนขาวเทา กินเนื้อเป็นอาหาร ของพวกนั้น มันช่างสวยงามจริงๆครับ......อ่อครับอีกอย่างนึง...ฟลุ้คๆหน่อยก็จะเห็น เก้ง กวาง ละมั่ง ออกมากินน้ำที่ลำธารแต่เช้าครับ
ในทุกๆวัน ผมไม่ต้องสรรหานาฬิกามาไว้ปลุกครับ เพราะเจ้าเพื่อนยากไก่ป่ามันจะขันปลุกผมตั้งแต่สองยาม สามยามละครับ......จากตอนนี้ย้อนไปถึงตอนผมเป็นเด็กผมชอบชีวิตของผมตอนเด็กมาก ผมว่ามันอุดมสมบูรณ์สุดๆแล้วนะ..........ทุกอย่างเลยทั้งสายน้ำ ภูเขา สัตว์ป่านานาชนิด มันครบเซตครับ แต่ผมก็เคยพูดกับย่านะว่า มันเหมือนกับตอนช่วงชีวิตวัยเด็กของย่าเลย......คุณรู้มั้ยย่าตอบผมว่ายังงัย********ย่าบอก มันจะไปเหมือนตอนกูได้ยังงัย ป่าก็มีแค่นี้ สัตว์ก็เห็นยุแค่นี้ เงินก็มีแค่นี้ ปลาเอย ลำธารเอย หดลงสั้นลง ลดลงกว่าของกูไปตั้งเยอะ**** คำตอบของย่าทำให้ผมคิดมาตลอดว่า ลำธารของย่ายาวไปถึงไหน ป่าของย่ามันกว้างเท่าไหร่ แล้วสัตว์ป่าที่ย่าว่า มันมีเยอะแค่ไหนกันเทียว......
******เดี๋ยวผมมาเล่าต่อนะครับ******
******ปล. เล่าไม่สนุกต้องขออภัยด้วยนะครับ*****