[CR] Present "Beer Collection" เรียกว่า "BC"

ก่อนอื่นตามเพจหรือกระทู้เก่าได้จากลิ้งค์ข้างล่างนี้ได้เลยนะคะ
เที่ยวเมืองไทยไปกันเลย... - http://pantip.com/topic/34672374
ติดปีก.. กว่าจะเป็นนางฟ้าเคบาย่า - http://pantip.com/topic/34748562

สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่าน ตามไปฟังรีวิวในลิ้งค์นี้ได้ค่ะ
http://fromearthtomars.com/2016/04/01/present-beer-collection-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-bc/

สำหรับหญิงไทยใจงามอย่างเราๆ เชื่อว่านอกจากเรื่องเที่ยวจะไม่เป็นรองใครแล้ว
เรื่องตระเวนหาของอร่อยทานก็ไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน
ล่าสุดดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเพราะลุงตู่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
สนับสนุนให้พวกเราออกไปเที่ยวทั่วไทย ไปทานอาหารนอกบ้านในช่วง 9-17 เมษาฯ เทศกาลสงกรานต์นี้
แล้วสามารถขอใบกำกับภาษีมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท
มีหรือที่ขาเที่ยวขากินอย่างเราจะคุดคู้อยู่กับบ้าน แซะตัวเองออกด่วนค่ะ



และเป็นเพราะเหตุผลประการ ฉะ นี้นี่เอง เราเลยขอประเดิมการกระตุ้นการไหลเวียนเงินตราในประเทศไทย
ด้วยการรีวิวร้านอาหาร “Beer Collection” หรือเรียกสั้นๆว่า “BC” แบบพอสังเขปแล้วกัน

***ก่อนอื่นขอออกตัวแรงแซงโค้งก่อนเลยนะคะว่าจริงๆแล้ว รสชาติ ความถูกปาก ถูกจริตของอาหารแต่ละประเภทนั้น
ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวบุคคล เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วก็ต้องไปลองกันเองให้รู้ค่ะ***

มาจะกล่าวบทไป… พิกัดร้าน BC ตั้งอยู่ระแวกพระราม 4 ใน K-Village
ข้างๆร้านขายอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ i-Studio ของพี่สตีฟ จ็อบส์ค่ะ หาไม่ยากเลย เราไปมาแล้วบ่อยครั้งอยู่
ร้านมี 2 โซนคือ indoor และ outdoor ซึ่งเปิดตั้งแต่บ่าย 3 โมงเย็นเป็นต้นไป
คนจะทยอยแน่นช่วงเย็น มีดนตรีสดเกือบทุกวัน วันไหนที่เราฟลุ๊คแล้วบ้าลูกยุเพื่อน ก็จะขอขึ้นไปแจมนักร้องค่ะ


(Beer Collection Location : K-Village / ขอบคุณภาพจาก Google)

ฮ่าๆ นอกเรื่องไปไกล งั้นขอวกกลับไปที่ตัวร้านนะคะ บรรยากาศร้านจะออกแนวดิบหรู ปูนเปลือย
ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้เข้ากับสไตล์พาต่างชาติมาได้ คนไทยมาดีนั่นเอง และที่เค้าเน้นแบบนั้นก็เพราะว่า
จุดเด่นของร้านก็คือคลัง “เบียร์” ตามชื่อร้าน ที่ร้านนี้ออกตัว
ว่าเป็นประหนึ่งศูนย์รวมเบียร์หลากชนิดจากเกือบทั่วทุกมุมโลกที่ให้มือใหม่ หรือขาดื่มมาลิ้มลองกว่า 300+ ชนิด
ได้ยินว่ามีเบียร์มากสุดติด Top 5 ของประเทศด้วยนะคะ



นอกจากร้านจะมีเครื่องดื่มเป็นตัวชูโรงแล้ว เรื่องอาหารที่รวบรวมตั้งแต่กับแกล้ม
ของคบเคี้ยวไปจนถึง อาหารไร้ผงชูรส สไตล์ฟิวชั่น ที่คิดค้นขึ้นมา ก็มีมากมาย
หลากหลายให้คุณเลือกสรร เด่นไม่แพ้กัน ที่สำคัญราคาถัวเฉลี่ยอยู่ที่หัวละ 500-700 บาท
ยิ่งมากันเยอะยิ่งหารถูก เรียกได้ว่าราคาและคุณภาพของวัตถุดิบที่เราได้รับประทานไป
เมื่อเทียบกับสถานที่ตั้งร้านแล้ว ดูเหมือนผู้บริโภคอย่างเราจะมีแต่ Win - Win ค่ะ
และเนื่องจากร้านอาหารมีเมนูเยอะอยู่ เราเลยขอเลือกจานที่ชอบเป็นส่วนตัวมาพูดถึงแล้วกันนะคะ




เริ่มต้นที่จานแรก ถ้าจะเปรียบเป็นนักแสดงก็ขอให้จานนี้เป็นณเดชณ์ของร้านค่ะ
มาทีไร ทางพนักงานจะต้องแนะนำให้สั่ง “Crispy Rolls” ไอ้ก้อนกรุบกรับ หนึบหนับ
ฟิวชั่นไทย-ญี่ปุ่นที่เห็นอยู่นี่จะถูกเสิร์ฟบนภาชนะไม้ เหมือนเขียงเล็กๆ มาพร้อมกัน 5 ลูก
(ใครได้น้อยกว่าท้วงได้นะคะ อ๊ะ ล้อเล่น)

ส่วนผสมที่สัมผัสได้จะมีสาหร่าย ปูอัด ส่วนแป้งที่หุ้มข้างนอกจะมีลักษณะเหมือนกับข้าวพอง
ปั้นคลุกเคล้าส่วนผสมอื่นๆเป็นก้อนกลม เครื่องเคียงก็จะเป็นสาหร่ายญี่ปุ่นพร้อมไข่กุ้ง
เวลาทานให้จิ้มกับซอสโชยุญี่ปุ่นที่มีวาซาบิให้ แต่ด้วยจริตเรา บังเอิญไม่ชอบทานเค็มจึงไม่ชอบจิ้มซอส
ดังนั้นจะทานเปล่าๆก็เข้าถึงรสชาติเหมือนกัน ว่าแล้วก็จัดสักลูกเข้าปาก ฮวบ... เคี้ยวปุ๊ปจะได้กลิ่นปูอัดปั๊ป
พอเคี้ยวก็จะเพลินค่ะ กรอบกรึบกรับดี
** ที่เห็นอยู่นี่ลูกไม่เล็กนะคะ ถ้าจะให้เทียบก็ใหญ่กว่าลูกกอล์ฟ ประมาณเกือบเท่ากำปั้นเบบี้
เพราะฉะนั้นทานคนเดียวอาจจะอิ่มได้ก่อนที่จะได้ลองทานอย่างอื่น ดังนั้นควรสั่งมาแชร์กับเพื่อนค่ะ**


(Crispy Rolls / Beer Collection)


(Smoked Salmon Rocket Sala / Beer Collection)

ถัดมาก็อยากจะตามเทรนด์ “Eat Clean, Eat healthy” กับเค้าบ้างเลยขอ ปู ไปรยา
ที่ขึ้นชื่อในเรื่องหุ่นดี มีระเบียบในการทานและออกกำลังกายสุดๆ ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอกค่ะ
“Smoked Salmon Rocket Salad” นี่เอง
จานนี้ดูแล้วก็อาจจะเหมือนสลัดทั่วไปที่มีน้ำสลัดเป็นบัลซามิก มีใบร็อคเก็ตที่รสชาติขมนำ
ผลมะกอกที่มีความเปรี้ยวโดด ผสมกับความหวานของมะเขือเทศเชอรี่
ถ้าทานกับแซลมอนรมควันพร้อมกันก็จะได้รสชาติที่ลงตัวค่ะ
จานนี้เหมาะสำหรับคนอยากทานอะไรเบาๆสำหรับมื้อเย็น ควบคุมน้ำหนักเพราะไม่อ้วน
แต่ไม่ใช่ว่าเห็นเพื่อนทาน จนตัวเองเพลินเผลอทานจานคนอื่นจนลืมตัวล่ะ!!!


(สปาเก็ตตี้ข้าวซอยไก่ / Beer Collection)

เปิดตัวณเดชณ์ตั้งแต่จานแรกไปแล้ว ก็คงขาดนางเอกคู่ขวัญอย่างญาญ่าไม่ได้ใช่ไหมคะ
งั้นเรามาดูจานลูกครึ่งฝรั่ง-ไทย หรืออีกหนึ่งซิกเนเจอร์ร้านนั่นก็คือ “สปาเก็ตตี้ข้าวซอยไก่” กันค่ะ
พอตักเข้าปากก็ไม่ต้องเดากันให้งงนะคะว่าจะเป็นยังไง เพราะนี่มันข้าวซอยไก่ชัดๆ ไม่มีคำอธิบายไหนบอกได้ดีเท่ากับว่า
มันคือข้าวซอยไก่แท้ๆเหมือนของทางเหนือนั่นแหละ สะโพกไก่ของเค้านุ่มและชิ้นใหญ่
ตอบโจทย์คนไม่ชอบไก่แห้งๆแบบเราค่ะ จานนี้โปะน้ำข้าวซอยมาให้แล้ว พร้อมกับเครื่องเคียงให้เอาไปคลุกเอง
ที่ให้มาแบบไม่งก ขอเพิ่มได้ด้วยนะคะสำหรับคนที่อยากได้มะนาว หรือหอมแดงเพิ่ม


(ยำสาหร่าย / Beer Collection)


ถัดมาอยากจะจี๊ดจ๊าดก็ต้อง “ยำสาหร่าย” ที่ยกให้เป็นนางร้ายของร้านที่รสชาติเอ๊กซ์ เซ็กซ์ แซ่บจับใจ
อีกหนึ่งจานที่เป็นการผสมรสชาติที่มีความเป็นไทยแท้กับวัตถุดิบที่เป็นญี่ปุ่นเอามากๆ
หอมแดง พริก ไข่กุ้งและขนาดของกุ้งแชบ๊วยสดๆก็มาเต็มค่ะ ใครเปรี้ยวปากห่างของจัดจ้านมานาน แนะนำให้สั่งจานนี้
รับรองหายอยากได้แน่นอนเพราะว่าเครื่องถึงรสถึงใจจริงๆค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ชอบทานเผ็ดเหมือนเจ้าของกระทู้ สามารถปรับระดับความเผ็ดได้ด้วยนะคะ
ว่าแต่จะขอชมร้านหน่อยเพราะว่าวันนั้นที่ K-Village มีจัดบูธและมีบูธหนึ่งขายสาหร่ายพวงองุ่นไทยพอดี
เลยขอไปเล่นๆว่าทำให้หน่อยได้ไหม แล้วทางร้านเค้าก็ทำมาให้จริงๆ
ยังไงถ้าพี่ๆผ่านมาเห็นกระทู้นี้ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ >___<


( ลาบแซลมอน / Beer Collection)

ขยับมาที่ “ลาบแซลมอน” บอกแล้วว่าถึงร้านจะดูอินเตอร์แต่มีเลือดไทยเยอะ
ไม่ต้องกลัวว่าจะเลี่ยนเลย อยากได้จิ้มแจ่วก็มา อยากได้ลาบก็มา จริงๆแล้วทางร้านเค้ามีลาบหมูก้อนนะ
แต่เราและพ้องเพื่อนขอลองเป็นลาบแซลมอนเบาท้อง หลอกตัวเองแล้วกันนะ มโนว่าทานซาชิมิ ทานผักแล้วจะผอมไง
แต่คืนนั้นสั่งปาไป 17-18 จาน เพิ่งรู้ว่าพลังผู้หญิงไม่กี่คนมารวมตัวกัน มันไม่มีอะไรหยุดความปอบได้เลยจริงๆ
รสชาติคงไม่ต้องพูดถึงเนอะ น้ำจิ้มสูตรแจ่ว ราดลงแซลมอนพันร็อคเก็ต เพิ่มเติมความแสบลิ้นเล็กๆด้วยหอมและกระเทียมไทย
คาดว่าคืนนั้นต้องแปรงฟันกันหลายรอบเลยทีเดียวกว่ากลิ่นปากจะหาย แต่มาถึงแล้วก็ต้องลองให้หมด ฟู่ววว์ !!!


(ผักโขมอบชีส / Beer Collection)

ปิดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของค่ำคืนนี้ที่ “ผักโขมอบชีส” เยิ้มๆ หนืดๆ จานนี้อินเตอร์สุดแล้ว
ที่สั่งมาเพราะว่าลองอาหารฟิวชั่นมาเยอะ เลยอยากจะกลบรสจัดในปากด้วยการทานชีส ทานรสชาติบางลงบ้าง
แนะนำว่าถ้าเค้าเสิร์ฟปุ๊ปให้ทานตอนยังร้อนๆนะคะ ไม่งั้นทิ้งไว้นานๆมันจะเซ็ง อืด
สำหรับจานนี้เราเป็นคนชอบทานผักโขมอยู่แล้ว ตักใส่จาน เหยาะเกลือนิดหน่อย เราก็ฟินละค่ะ

ก่อนจะทิ้งท้ายก็ไม่ขอไปมือเปล่า ทานของคาวมาเยอะก็ต้องตบหวาน
ไม่งั้นทานคาวไม่ทานหวานสันดานไพร่ใช่ไหมคะ
งั้นเราจะไม่เล่นคำให้เสียเวลา ทิ้งท้ายกันไปเลยกับหนึ่งในของหวาน
ที่เปรียบเสมือนดาวดวงใหม่เพิ่งได้มีชื่อเข้าชิงออสการ์ไปหมาดๆของร้านนี้
กับไอศกรีมปั่นที่อยู่ในซีรี่ยส์ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งหรือ “Below Zero” นั่นเอง

ที่เราสั่งไปคือรส เบอรี่รวมหรือ "Pop my bloody berry" ค่ะ
แรงจูงใจที่ทำให้เลือกก็เพราะพนักงานเชียร์ว่าเป็นรสที่ได้รับความนิยมสูง
ส่วนใครที่ชอบลิ้นจี่ มะนาว แอปเปิ้ลก็มีเหมือนกันนะคะ


(​ Pop My Bloody Berry Nitrogen Icecream / Beer Collection)

ความประทับใจของตัวนี้ไม่ได้อยู่ที่รสชาติ แต่อยู่ตรงที่พนักงานจะแบกถังไนโตรเจนอุณหภูมิติดลบกว่าร้อยองศา
มาปั่นๆๆให้ตรงหน้าประหนึ่งนั่งดูคอนเสิร์ตคุณแม่มาดอนน่าตั๋ว VIP จะว่าไปเราขอเค้าลองปั่นด้วยแหละ หืดขึ้นคอได้เรื่อง
เพราะต้องปั่นในจังหวะที่เร็วพอสมควร ไม่งั้นไอศกรีมจะไม่ขึ้นรูป เลยคืนถังให้พี่เค้าไปปั่นต่อ
(คำเตือน : เมื่อใดที่มีน้ำในถังไนโตรเจน อย่าเผลอเอามือหรืออวัยวะอื่นลงไปนะคะ
มีแข็งแล้วหักได้เหมือนในหนังเลยละค่ะ)

ผ่านไป 2-3 นาที พอพี่เค้าปั่นเสร็จก็เอามาใส่ภาชนะ โปะด้วยเยลลี่คาเวียร์นิด เติมลูกเชอรี่หน่อยก็ทานได้แล้วค่ะ
รสชาติเป็นแนว sorbet เหมาะสำหรับปิดท้ายล้างปาก อ่อ ลืมบอกว่าใครที่จะให้เด็กๆ หนูๆทาน
อย่าลืมบอกพนักงานว่าไม่ต้องใส่แอลกอฮอลล์นะคะ เนื่องจากว่าไอศกรีมนี้มีส่วนผสมของเบียร์ค่ะ

ว้า....น่าเสียดายที่รูปที่เหลือ ถ้าไม่เป็นเครื่องดื่มที่ลงไม่ได้ก็จะเป็นรูปถ่ายเล่นกับเพื่อนซะส่วนใหญ่
เลยไม่เหมาะแก่การลง อีกอย่างสำหรับใครที่ไม่มีเวลาอ่าน ไม่มีปัญหาค่ะ!!
เผื่อใครอยากได้ดนตรีคลอเบาๆ จะได้โยกย้ายส่ายหัวตามภายใน 2 นาทีนิดๆแต่รับรองเข้าใจง่ายและครอบคลุม
แต่ว่าตอนนี้เราขอตัวไปเล็งร้านอาหารใหม่มารีวิวให้เพื่อนๆต่อกันตอนหน้า สำหรับใครที่กำลังทานอะไรอยู่
อิ่มท้องแล้วก็อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายนะคะเพราะ “Life is all about having a good balance.”