น้ำพริกเผาแม่ประนอม ข่าวดังที่อ่านแล้วทำให้หลายคนสะท้อนใจ สะเทือนใจและถึงขั้นด่าทอก็มี จะว่าไปนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวหนึ่งเท่านั้นเอง เราคนนอกคงไม่เกี่ยวแต่ปัญหาที่มันไม่เหมือนข่าวอื่นคือประเด็นมันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก มันไปไกลกว่าที่เราอยากจะรู้ว่าใครมีหุ้นเท่าไร ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หลายความเห็นจึงไม่สนใจว่าสุดท้ายแล้วจะเงิบหรือไม่เงิบแต่กำลังตั้งคำถามกับสังคมว่าทุกวันนี้สังคมไทยคนไทยยังปฏิบัติต่อพ่อแม่อย่างที่เคยเป็นมาหรือไม่
ไม่ว่าสังคมฝรั่ง เอเชียหรือสังคมไหนก็แล้วแต่จะมีวิธีการเลี้ยงลูกหรือลูกดูแลพ่อแม่ยามแก่ชราแตกต่างกันอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่เด็กแรกเกิดไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องอาศัยพ่อแม่หรือใครบางคนเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาได้จึงจะอยู่รอด ต้องอาศัยใจคือความรักและความเข้าใจเป็นหลักไม่ใช่เหตุผลของสมองที่แจงเป็นหนึ่งสองสามสี่ หากเป็นอย่างหลังจะเหลือเด็กรอดมาสักกี่คนเพราะเด็กคือคนที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย อยากจะร้อง อยากจะกวน อยากจะเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง พ่อแม่ต้องทำทุกวิถีทางให้ลูกยืนด้วยตัวเองให้ได้ เรามองข้ามความไม่รู้เรื่องรู้ราวตั้งมากมายด้วยใจเท่านั้น
พ่อแม่ยามแก่ชราต่างอะไรกันเล่า ยุคสมัยก็ไม่ใช่ยุคที่คุ้นเคยอีกต่อไป การศึกษาก็อาจไม่ได้สูงเท่าลูก วิธีค้าขายที่ตรากตรำก็ต่างจากเดิมไม่ได้นั่งประชุมเป็นผู้บริหารอย่างปัจจุบัน สมองความฉับไวทันต่อเหตุการณ์และการแข่งขันก็เริ่มเลอะเลือน การตัดสินใจก็ถูกๆผิดๆ ที่ควรทำกลับไม่ทำที่ไม่ควรทำกลับทำก็มี นานไปอาจจะเดินไม่ได้หรือกินข้าวหกเลอะเทอะ ลูกต้องดูแลด้วยใจอย่าใช้เหตุผลหนึ่งสองสามสี่ พ่อแม่เลี้ยงดูลูกมาด้วยมือ มันไม่ใช่ของฟรีแต่คือความลำบากที่ใครบางคนให้เรามาถึงเวลาต้องมีสำนึกคืนเขาไป เราจะได้จากเขามาสมบูรณ์หรือไม่หรืออดๆอยากๆ สุดท้ายก็ถือว่าได้ จะมากจะน้อยก็ถือว่าได้ต้องตอบแทน
น้ำพริกเผาแม่ประนอม การรู้ความของคน
ไม่ว่าสังคมฝรั่ง เอเชียหรือสังคมไหนก็แล้วแต่จะมีวิธีการเลี้ยงลูกหรือลูกดูแลพ่อแม่ยามแก่ชราแตกต่างกันอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่เด็กแรกเกิดไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องอาศัยพ่อแม่หรือใครบางคนเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาได้จึงจะอยู่รอด ต้องอาศัยใจคือความรักและความเข้าใจเป็นหลักไม่ใช่เหตุผลของสมองที่แจงเป็นหนึ่งสองสามสี่ หากเป็นอย่างหลังจะเหลือเด็กรอดมาสักกี่คนเพราะเด็กคือคนที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย อยากจะร้อง อยากจะกวน อยากจะเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง พ่อแม่ต้องทำทุกวิถีทางให้ลูกยืนด้วยตัวเองให้ได้ เรามองข้ามความไม่รู้เรื่องรู้ราวตั้งมากมายด้วยใจเท่านั้น
พ่อแม่ยามแก่ชราต่างอะไรกันเล่า ยุคสมัยก็ไม่ใช่ยุคที่คุ้นเคยอีกต่อไป การศึกษาก็อาจไม่ได้สูงเท่าลูก วิธีค้าขายที่ตรากตรำก็ต่างจากเดิมไม่ได้นั่งประชุมเป็นผู้บริหารอย่างปัจจุบัน สมองความฉับไวทันต่อเหตุการณ์และการแข่งขันก็เริ่มเลอะเลือน การตัดสินใจก็ถูกๆผิดๆ ที่ควรทำกลับไม่ทำที่ไม่ควรทำกลับทำก็มี นานไปอาจจะเดินไม่ได้หรือกินข้าวหกเลอะเทอะ ลูกต้องดูแลด้วยใจอย่าใช้เหตุผลหนึ่งสองสามสี่ พ่อแม่เลี้ยงดูลูกมาด้วยมือ มันไม่ใช่ของฟรีแต่คือความลำบากที่ใครบางคนให้เรามาถึงเวลาต้องมีสำนึกคืนเขาไป เราจะได้จากเขามาสมบูรณ์หรือไม่หรืออดๆอยากๆ สุดท้ายก็ถือว่าได้ จะมากจะน้อยก็ถือว่าได้ต้องตอบแทน