ก่อนอื่น ขอแสดงเจตนาของกระทู้นี้อย่างชัดเจนก่อนว่า ผมอยากแชร์ประสบการณ์และคอยเตือนสติคนที่กำลังมีความรักครับ ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลย และเป็นเพียงมุมมองจากผมเท่านั้น
ข้อ 1. ผมกับแฟนเป็นคู่รักชายกับชายครับ (แต่ผมว่าใช้ได้กับทุกคู่แหละ)
ข้อ 2. ผมเลิกกับแฟนแล้ว เลิกกันด้วยดีครับ
ข้อ 3. ผมและแฟน ตอนนี้คิดเหมือนกันว่าเรายังไม่ควรกลับมาคบกัน หรือไม่มีวันกลับมาคบกันครับ
แน่นอนครับ คำว่ารักแรกอาจเว่อร์ไปหน่อย แต่คุณจะรู้จักความรักได้ยังไง ถ้าหากคุณยังไม่ได้ลองเป็นแฟนกับใครสักคนดู แล้วคุณจะรู้ว่าความรัก มันมีรายละเอียด มีเนื้อเรื่อง มีความดราม่า และอะไรที่หนักหนามาก เพราะมันเป็นเรื่องระหว่าง "คนสองคน"
ผมกับแฟนคบกันได้เกือบจะ 2 ปี 5 เดือน (เลิกก่อนวันครบ 5 เดือน 4 วัน)
ผมคิดว่ารักของเราเหมือนคู่รักชายหญิงทั่วไปเลยครับ เพียงแต่ว่าเราจูงมือกันในที่สาธารณะไม่ได้ เราแคร์ต่อสังคม และสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง จนหลายๆคนที่เป็นเพื่อนของเเฟนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีแฟนแล้ว 5555+
อ่าว ! เอ็งจะมาเล่าเรื่องของเอ็ง หรือจะมาสอนประสบการณ์ข้า??? ฮ่าๆๆๆ
เข้าเรื่องเลยครับ
1. อย่างแรกเลย "ความเข้าใจ" เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่
ผมไม่เคยเข้าใจคำนี้เลยครับ อ่านมาก็เยอะ ก็บอกว่า เออเราเข้าใจแล้ว เราเข้าใจ แต่หารู้ไม่ ว่าต้องเสียเขาไปก่อนไงถึงจะรู้ว่าความเข้าใจคืออะไร
ความเข้าใจก็คือการที่ทั้งสองคน เข้าใจตัวตน เข้าใจการกระทำของคนอีกคนอย่างจริงๆ เช่น
เรื่องการดูโทรศัพท์ เรื่องนี้เบสิกมากครับสำหรับคู่รัก มันไม่ผิดที่จะดู และมันไม่ผิดที่จะห้ามดู แต่คุณทำให้คู่รักของคุณเข้าใจแล้วหรือยังว่าเพราะอะไร? และคุณเปิดใจหรือยังว่าทำไมเข้าถึงไม่ให้เราดู? ถ้าเกิดว่าคุณยอมให้แฟนของคุณดูโดยที่คุณไม่เต็มใจ อย่าทำครับ อย่าคิดด้วยว่าไม่เป็นไรหรอก ทนได้ ไม่ชอบคือไม่ชอบครับ ทะเลาะกันให้จบ คุยกันให้เข้าใจ ถ้ายังรักกัน ยังไงก็น่าจะคุยกันได้
การเข้าใจไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งที่เริ่มเหนื่อยจากการทะเลาะ แล้วบอกว่า เอาล่ะเรายอมแล้วทั้งที่จริงๆ (กรูยังไม่เข้าใจ)
การเข้าใจไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งร้องไห้ หรือวิงวอนขอร้อง เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทำตาม เพราะคุณกำลังบังคับให้เขาเข้าใจ
สองข้อข้างบนนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องครับผมว่า ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน แม้แต่แค่การไปส่งแฟนที่บ้าน การไปกินข้าวเย็นสักมื้อ เข้าใจกันเถอะครับ
อย่าปล่อยให้มันเป็น "ความอึดอัดใจ" และ "ความลำบากใจ" เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น มันทำให้เกิดความลำบากใจทีละนิด และมันค่อยๆก่อตัวครับจนสุดท้าย "หมดรัก"
อย่าพยายามคิดแทนกันครับ เพราะมันไม่ช่วยอะไรอยู่ดี
คุณผู้ชายครับ อย่าคิดว่า เราทนได้ เราอดทนได้ มันไม่จีรังยั่งยืนหรอกครับคุณ มันไม่แฟร์หรอกที่ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเหนื่อยกว่าอีกฝ่าย
มันไม่แมนด้วยซ้ำ ที่จะไม่กล้าพูด ไม่กล้าคุยกับคนที่คุณเลือกที่จะรักตรงๆ
2. การเริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญ โปรโมชั่นคือสิ่งที่น่ากลัว
เข้าใจครับ การที่คุณอยากเอาใจใครมากๆ และการที่คุณรักใครมากๆ คุณอยากให้เขามีความสุขมากที่สุด จนลืมไปหรือป่าว ว่าเรากำลังสร้างภาพอนาคตให้เขาไว้อย่างไร ถ้าวันนึงเขาบอกว่าคุณรักเขาน้อยลง เขาบอกว่าคุณเอาใจใส่เขาน้อยลง เขางี่เง่ามากขึ้น คุณรับได้ไหม? ค่อยๆเดินทีละก้าวดีกว่าครับ
ส่วนอีกฝ่าย รู้ว่าเขาจริงจัง แต่อย่าได้ใจครับ สำหรับใครที่กำลังมีคนมาจีบ หรือสำหรับใครที่ช่วงข้าวใหม่ปลามัน คุณเตรียมทำหน้าที่ดูแลเขาบ้างนะครับ ทำให้เขารู้ว่าคุณขอบคุณและรักเขามากบ้างนะครับ อย่าให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนต้องมีใครคนหนึ่งเหนื่อยกว่าอีกคน
3. การหาทางออกร่วมกันเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องบวกกับความเข้าใจด้วยครับ
ถ้าหากว่าแฟนคุณมีปัญหาไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือเห็นว่าคุณมีปัญหาเดือดร้อนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เชื่อเถอะครับ เขาร้อนกว่าคุณถ้าเขารักคุณมาก เขาจะพยายามหาวิธีต่างๆนานาให้คุณ จงอย่าปฏเสธ แต่จงคุยกันตรงๆ และทำให้อีกฝ่ายเข้าใจให้ได้
อย่างเช่น ของผมมีปัญหาเรื่องหัวหน้างานและที่ทำงานของแฟน แฟนทุกข์ใจ ผมก็ทุกข์ครับ ก็ช่วยหาทางออกหลากหลาย เปลี่ยนงานใหม่ไหม ทำอย่างนั้นไหม ทำอย่างนี้ไหม สุดท้ายไม่ฟังครับ และก็มีปัญหาอีกก็มาพูดเรื่องเดิมๆให้ได้ยินอีก > วิธีนี้แก้ปัญหาด้วยการมานั่งคุยกัน และหาทางออกร่วมกันจริงๆดีไหม ถ้าคุณเลือกที่จะสู้กับปัญหาต่อ คุณก็ควรที่จะสู้จริงๆ ไม่ควรบ่นให้แฟนคุณได้รู้เรื่องเดิมซ้ำๆอีก เพราะมันจะเกิดความคิดที่ว่า ก็ชั้นบอกแล้วไง ทำไมไม่ฟัง สุดท้ายก็ทะเลาะกันปัญหาเดิม ปัญหาซ้ำๆ (ถ้าโชคดีก็จนกว่าคุณจะเปลี่ยนงานนั่นแหละ แต่ผมโชคร้าย 55555)
4. การรักตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
อันนี้เป็นอะไรที่อยากเตือนมาก เพราะผมรักเขามาก รักจนลืมรักตัวเอง แลกทุกๆอย่างให้เขา เวลา เงินทอง คือเอาไงก็ได้อ่ะ ให้เขามีความสุข (แต่ไม่เคยถามเขาเลยนะว่าต้องการไหม 55555) เอาง่ายๆ กว่าผมจะรู้จักคำว่ารักตัวเองผมก็เสียเขาไปแล้วแหละ คำนี้มันพูดยากครับ แต่ลองหาเวลาทบทวนตัวเองดูครับ คุณอ้วนขึ้น เพราะคุณขี้เกียจ เพราะคุณไม่อยากให้ปล่อยเขาอยู่คนเดียว เพราะคุณอยากแสตนบายรอเจอรอคุยกับเขาหรือป่าว นั่นแหละครับ คุณรักตัวเองน้อยลง (ไม่รู้ใช่ไหมนะ)
5. ที่ว่าง
เรื่องนี้สำคัญมากกกกกกก คนทุกคนเป็นสัตว์สังคมครับ อยากคุยนู่นคุยนี่กับคนอื่นๆบ้างอยู่แล้ว ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ (ก่อนจะเสียเขาไปแบบผม) มันไม่ใช่อยู่ห่างกันนะครับ เเต่มันเป็นการให้พื้นที่กันจริงๆ ได้โลดแล่น ได้มีความลับต่อกันบ้าง ได้มีสังคมที่แฟนไม่ต้องรู้บ้างก็ได้ ได้ทำอะไรที่แบบระเบิดความอึดอักบ้าบอครับ มันมีเหตุผลหลายอย่างว่าทำไมต้องมี (ผมเข้าใจแล้วจริงๆ แต่แลกมาด้วยการสูญเสียครับ)
6. การเคารพซึ่งกันและกัน
เรื่องนี้ผมไม่เคยเข้าใจเลยครับ จนกระทั่งผมเสียเขาไปก่อน คือเราต้องเคารพเขาจริงๆในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องที่เราอยากให้เขาเคารพ เพราะมันจะได้มาซึ่งความเชื่อใจ
เช่น การแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น รถยนต์ แน่นอนคุณผู้หญิงไม่ชอบให้ใครมานั่งที่ตัวเอง แต่ถ้าเราเคารพเขาจริงๆ ไม่ต้องไปพูด ไม่ต้องไปเอ่ยปากของ ไม่ต้องไปต่อว่า เขาก็จะเคารพคุณครับ หรือแม้กระทั่ง เนื้อตัวร่างกายของเขา ไม่ชอบให้ใครมากอด ผมว่าก็พูดได้แหละ แต่จะเอามาดราม่าหรือทะเลาะกัน มันก็ค่อนข้างจะทำร้ายความเชื่อใจ ทำร้ายความเคารพกันมากไปหน่อย
7 การทำร้ายตัวเอง และน้ำตาไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
ตามเสตปของคนงี่เง่าเลยครับ เรียกร้อง ทะเลาะ ร้องไห้ จนถึงอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเอง คือมันไร้เหตุผลอ่ะครับ มันคุยกันไม่รู้เรื่อง (อันนี้ผมเป็นตลอดที่คบกัน) แรกๆใช่ได้ครับ ผมทำผู้ชายคนนี้ร้องไห้ แต่ผมก็เจ็บจริงๆนะกับสิ่งที่เจอ แต่คือนานๆไป ความรักมันจะโดนความสงสารเข้าครอบงำครับ ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ตัวเองรักร้องไห้บ่อยๆหรอกครับ เพราะเขาจะคิดว่าตัวเองดูแลไม่ดี จนวันนึงเขาจะคิดได้ว่าเขา "ดูแลไม่ไหว"
8. คำว่าเรายังมีคนข้างหลังมันเป็นเรื่องจริงครับ
หลังจากที่ผมอกหัก เพื่อนมากมายทักมาเยอะมาก เป็นห่วง ให้คำแนะนำผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เจอนานมาก ไม่ได้คุยกันเลย ขอบคุณทุกคนมาก
และที่สำคัญ พ่อแม่และครอบครัวรักเรามาก รักเรามากจริงๆครับ
ผมกล้าบอกพ่อแม่ตรงๆว่าผมคบกับพี่เขาก็ตอนเลิก กล้าบอกทุกอย่าง กล้าคุยทุกอย่างมากขึ้นแม้เเต่เรื่องอนาคตที่เราไม่อยากไปตามทางที่ท่านอยากให้เป็นเท่าไหร่
ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่เขา ทุกๆวันแม่ผมจะบอกว่า รักผมนะ แม่พูดบ่อยมากๆๆๆๆๆๆ
จนผมกลับมาเป็นตัวเองและรักตัวเองอีกครั้ง
อยากบอกว่า ไม่ว่ายังไง ลองคุยกับท่านตรงๆนะครับ
ผมเป็นเกย์ ผมยังกล้าบอกท่านตรงๆเลยครับ
อีกอย่าง พ่อแม่ดูเราออกครับ นี่คือเรื่องจริงเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ พ่อแม่รู้ว่าผมกับพี่เขาคบกันด้วยซ้ำ
เอาล่ะ !!!! มันมีอีกหลายอย่างมากๆ ที่ผมได้เรียนรู้
ทั้งนี้เพราะพี่ที่ทำงานบอกผมว่า ทุกๆเรื่องมีข้อดีเสมอ ให้มองบวกเอาไว้
ผมร้องไห้จะเป็นจะตายได้ 2-3 วันครับ ไม่เกินนี้ วันนี้เพิ่งวันครบรอบที่เราเลิกกันเกือบๆ 1 อาทิตย์พอดีครับ
ตอนนี้พี่เขามีคนใหม่แล้ว เริ่มคุยกับคนใหม่มาสักพักแล้วครับ เพราะงั้นผมเลยตัดใจง่ายครับ
ถามว่า รักพี่เขาอยู่ไหม คุณเอ้ยยยย รักมาก คือรองจากพ่อแม่ครอบครัว ตัวเราเอง เขาก็เป็นคนที่มีค่าสำหรับเรารองมาอ่ะครับสำหรับผมนะ
ถามว่า ผมไม่ไปตื้อล่ะ ผมตื้อมาหมดทุกทางทุกวิธี จนผมรู้สึกคิดได้ตามที่ผมได้พิมพ์มาข้างต้นนี่แหละครับ ผมพยายามถึงที่สุดจนยอมรับความจริงไปแล้ว และตอนนี้ก็รู้สึกว่า ถ้าเขามาตามผมกลับผมก็ไม่พร้อมจะกลับครับ เพราะผมยังเปลี่ยนตัวเองได้ไม่เท่าที่ผมต้องการ และได้ไม่เท่าที่จะเป็นแฟนที่ดีที่เขาต้องการได้ครับ รวมถึงถ้าเขายังไม่เข้าใจผมจริงๆ กลับไปก็ทะเลาะกัน อ่านหนังสือเล่มเดิมร่วมกันอยู่ดีครับ
ระหว่างที่ผมตื้อนะ มันทรมาณมากครับ ผมบอกรักเขา ไม่ว่าจะบอกรักดังแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ยินครับ เพราะคนหมดรักไปแล้ว
เพราะฉะนั้น คนที่ยังรักกันอยู่ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง พูดบ้างก็ได้ครับ คำว่ารักเนี่ย พูดในเวลาที่คนข้างๆยังได้ยินเราบอกรักอยู่ดีกว่านะครับ
หรือแม้กระทั้งเวลาทะเลาะกัน คุณก็บอกรักกันได้ครับ เชื่อเถอะ ไม่ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหน คำว่ารัก จะทำให้คุณนึกถึงกันและกันมากขึ้นครับ
จนถึงวันนี้ ที่ผมได้พยายามทุกๆ ไปแล้ว ผมเรียนรู้คำว่า "ความรักไม่ใช่การครอบครอง" อีกครั้งหนึ่ง
ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับพี่เขาหรอกนะ แต่ผมอยากให้พี่เขาเดินไปข้างหน้า แม้ว่าทางที่เราสองคนเลือกที่จะเดินมันอาจเป็นทางคู่ขนานกันไปเรื่อยๆ ห่างกันไปเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ผมจะถือว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผมอีกสิ่งหนึ่ง
ขอให้พี่รักกับคนใหม่ของพี่ อย่าทำพลาดอีก ขนาดเราสองคนรักกันมาก ผมมั่นใจว่ารักกันมาก ไม่งั้นไม่ทนกันมาสองสามปีหรอกครับ
เราสองคนไลฟ์สไตล์ ความชอบ ทุกๆอย่างลงตัวอย่างสวยงาม เรายังไปกันไม่รอดเลย
ความแตกต่าง ความแปลกไม่ใช่เรื่องสำคัญนะพี่ อย่าอดทนกับสิ่งที่พี่ไม่ชอบ แต่จงคุยกับเขาตรงๆ อย่าคิดว่าฉันชอบเขา ฉันให้เขาได้ ฉันอดทนได้ เพราะสิ่งนั้น อาจทำให้พี่ได้เจอหนังสือเล่มเดิมนะครับ
ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนแล้วกันนะครับ
คำแนะนำของผมสำหรับคนโดนทิ้ง
ร้องไห้ไปเลยครับ ร้องไห้ให้สุด ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ร้องไห้จนคิดด้วยตัวเองได้ ดีแล้วครับ (คำแนะนำจากเพื่อนผม ขอคุณมันมาก)
กลับไปหาคนที่รักคุณที่สุด (พ่อแม่พี่น้อง) แม้คุณจะยังไม่เข้าใจ สักวันคุณจะเข้าไปว่าทำไมต้องไปหาเขา
ใครมีคำถามอะไร ขอคำแนะนำอะไร ยังไงก็ถามได้นะครับ เผื่อเราจะโตไปด้วยกัน
ประสบการณ์รักครั้งแรก อกหักครั้งแรก
ข้อ 1. ผมกับแฟนเป็นคู่รักชายกับชายครับ (แต่ผมว่าใช้ได้กับทุกคู่แหละ)
ข้อ 2. ผมเลิกกับแฟนแล้ว เลิกกันด้วยดีครับ
ข้อ 3. ผมและแฟน ตอนนี้คิดเหมือนกันว่าเรายังไม่ควรกลับมาคบกัน หรือไม่มีวันกลับมาคบกันครับ
แน่นอนครับ คำว่ารักแรกอาจเว่อร์ไปหน่อย แต่คุณจะรู้จักความรักได้ยังไง ถ้าหากคุณยังไม่ได้ลองเป็นแฟนกับใครสักคนดู แล้วคุณจะรู้ว่าความรัก มันมีรายละเอียด มีเนื้อเรื่อง มีความดราม่า และอะไรที่หนักหนามาก เพราะมันเป็นเรื่องระหว่าง "คนสองคน"
ผมกับแฟนคบกันได้เกือบจะ 2 ปี 5 เดือน (เลิกก่อนวันครบ 5 เดือน 4 วัน)
ผมคิดว่ารักของเราเหมือนคู่รักชายหญิงทั่วไปเลยครับ เพียงแต่ว่าเราจูงมือกันในที่สาธารณะไม่ได้ เราแคร์ต่อสังคม และสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง จนหลายๆคนที่เป็นเพื่อนของเเฟนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีแฟนแล้ว 5555+
อ่าว ! เอ็งจะมาเล่าเรื่องของเอ็ง หรือจะมาสอนประสบการณ์ข้า??? ฮ่าๆๆๆ
เข้าเรื่องเลยครับ
1. อย่างแรกเลย "ความเข้าใจ" เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่
ผมไม่เคยเข้าใจคำนี้เลยครับ อ่านมาก็เยอะ ก็บอกว่า เออเราเข้าใจแล้ว เราเข้าใจ แต่หารู้ไม่ ว่าต้องเสียเขาไปก่อนไงถึงจะรู้ว่าความเข้าใจคืออะไร
ความเข้าใจก็คือการที่ทั้งสองคน เข้าใจตัวตน เข้าใจการกระทำของคนอีกคนอย่างจริงๆ เช่น
เรื่องการดูโทรศัพท์ เรื่องนี้เบสิกมากครับสำหรับคู่รัก มันไม่ผิดที่จะดู และมันไม่ผิดที่จะห้ามดู แต่คุณทำให้คู่รักของคุณเข้าใจแล้วหรือยังว่าเพราะอะไร? และคุณเปิดใจหรือยังว่าทำไมเข้าถึงไม่ให้เราดู? ถ้าเกิดว่าคุณยอมให้แฟนของคุณดูโดยที่คุณไม่เต็มใจ อย่าทำครับ อย่าคิดด้วยว่าไม่เป็นไรหรอก ทนได้ ไม่ชอบคือไม่ชอบครับ ทะเลาะกันให้จบ คุยกันให้เข้าใจ ถ้ายังรักกัน ยังไงก็น่าจะคุยกันได้
การเข้าใจไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งที่เริ่มเหนื่อยจากการทะเลาะ แล้วบอกว่า เอาล่ะเรายอมแล้วทั้งที่จริงๆ (กรูยังไม่เข้าใจ)
การเข้าใจไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งร้องไห้ หรือวิงวอนขอร้อง เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทำตาม เพราะคุณกำลังบังคับให้เขาเข้าใจ
สองข้อข้างบนนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องครับผมว่า ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน แม้แต่แค่การไปส่งแฟนที่บ้าน การไปกินข้าวเย็นสักมื้อ เข้าใจกันเถอะครับ
อย่าปล่อยให้มันเป็น "ความอึดอัดใจ" และ "ความลำบากใจ" เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น มันทำให้เกิดความลำบากใจทีละนิด และมันค่อยๆก่อตัวครับจนสุดท้าย "หมดรัก"
อย่าพยายามคิดแทนกันครับ เพราะมันไม่ช่วยอะไรอยู่ดี
คุณผู้ชายครับ อย่าคิดว่า เราทนได้ เราอดทนได้ มันไม่จีรังยั่งยืนหรอกครับคุณ มันไม่แฟร์หรอกที่ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเหนื่อยกว่าอีกฝ่าย
มันไม่แมนด้วยซ้ำ ที่จะไม่กล้าพูด ไม่กล้าคุยกับคนที่คุณเลือกที่จะรักตรงๆ
2. การเริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญ โปรโมชั่นคือสิ่งที่น่ากลัว
เข้าใจครับ การที่คุณอยากเอาใจใครมากๆ และการที่คุณรักใครมากๆ คุณอยากให้เขามีความสุขมากที่สุด จนลืมไปหรือป่าว ว่าเรากำลังสร้างภาพอนาคตให้เขาไว้อย่างไร ถ้าวันนึงเขาบอกว่าคุณรักเขาน้อยลง เขาบอกว่าคุณเอาใจใส่เขาน้อยลง เขางี่เง่ามากขึ้น คุณรับได้ไหม? ค่อยๆเดินทีละก้าวดีกว่าครับ
ส่วนอีกฝ่าย รู้ว่าเขาจริงจัง แต่อย่าได้ใจครับ สำหรับใครที่กำลังมีคนมาจีบ หรือสำหรับใครที่ช่วงข้าวใหม่ปลามัน คุณเตรียมทำหน้าที่ดูแลเขาบ้างนะครับ ทำให้เขารู้ว่าคุณขอบคุณและรักเขามากบ้างนะครับ อย่าให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนต้องมีใครคนหนึ่งเหนื่อยกว่าอีกคน
3. การหาทางออกร่วมกันเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องบวกกับความเข้าใจด้วยครับ
ถ้าหากว่าแฟนคุณมีปัญหาไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือเห็นว่าคุณมีปัญหาเดือดร้อนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เชื่อเถอะครับ เขาร้อนกว่าคุณถ้าเขารักคุณมาก เขาจะพยายามหาวิธีต่างๆนานาให้คุณ จงอย่าปฏเสธ แต่จงคุยกันตรงๆ และทำให้อีกฝ่ายเข้าใจให้ได้
อย่างเช่น ของผมมีปัญหาเรื่องหัวหน้างานและที่ทำงานของแฟน แฟนทุกข์ใจ ผมก็ทุกข์ครับ ก็ช่วยหาทางออกหลากหลาย เปลี่ยนงานใหม่ไหม ทำอย่างนั้นไหม ทำอย่างนี้ไหม สุดท้ายไม่ฟังครับ และก็มีปัญหาอีกก็มาพูดเรื่องเดิมๆให้ได้ยินอีก > วิธีนี้แก้ปัญหาด้วยการมานั่งคุยกัน และหาทางออกร่วมกันจริงๆดีไหม ถ้าคุณเลือกที่จะสู้กับปัญหาต่อ คุณก็ควรที่จะสู้จริงๆ ไม่ควรบ่นให้แฟนคุณได้รู้เรื่องเดิมซ้ำๆอีก เพราะมันจะเกิดความคิดที่ว่า ก็ชั้นบอกแล้วไง ทำไมไม่ฟัง สุดท้ายก็ทะเลาะกันปัญหาเดิม ปัญหาซ้ำๆ (ถ้าโชคดีก็จนกว่าคุณจะเปลี่ยนงานนั่นแหละ แต่ผมโชคร้าย 55555)
4. การรักตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
อันนี้เป็นอะไรที่อยากเตือนมาก เพราะผมรักเขามาก รักจนลืมรักตัวเอง แลกทุกๆอย่างให้เขา เวลา เงินทอง คือเอาไงก็ได้อ่ะ ให้เขามีความสุข (แต่ไม่เคยถามเขาเลยนะว่าต้องการไหม 55555) เอาง่ายๆ กว่าผมจะรู้จักคำว่ารักตัวเองผมก็เสียเขาไปแล้วแหละ คำนี้มันพูดยากครับ แต่ลองหาเวลาทบทวนตัวเองดูครับ คุณอ้วนขึ้น เพราะคุณขี้เกียจ เพราะคุณไม่อยากให้ปล่อยเขาอยู่คนเดียว เพราะคุณอยากแสตนบายรอเจอรอคุยกับเขาหรือป่าว นั่นแหละครับ คุณรักตัวเองน้อยลง (ไม่รู้ใช่ไหมนะ)
5. ที่ว่าง
เรื่องนี้สำคัญมากกกกกกก คนทุกคนเป็นสัตว์สังคมครับ อยากคุยนู่นคุยนี่กับคนอื่นๆบ้างอยู่แล้ว ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ (ก่อนจะเสียเขาไปแบบผม) มันไม่ใช่อยู่ห่างกันนะครับ เเต่มันเป็นการให้พื้นที่กันจริงๆ ได้โลดแล่น ได้มีความลับต่อกันบ้าง ได้มีสังคมที่แฟนไม่ต้องรู้บ้างก็ได้ ได้ทำอะไรที่แบบระเบิดความอึดอักบ้าบอครับ มันมีเหตุผลหลายอย่างว่าทำไมต้องมี (ผมเข้าใจแล้วจริงๆ แต่แลกมาด้วยการสูญเสียครับ)
6. การเคารพซึ่งกันและกัน
เรื่องนี้ผมไม่เคยเข้าใจเลยครับ จนกระทั่งผมเสียเขาไปก่อน คือเราต้องเคารพเขาจริงๆในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องที่เราอยากให้เขาเคารพ เพราะมันจะได้มาซึ่งความเชื่อใจ
เช่น การแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น รถยนต์ แน่นอนคุณผู้หญิงไม่ชอบให้ใครมานั่งที่ตัวเอง แต่ถ้าเราเคารพเขาจริงๆ ไม่ต้องไปพูด ไม่ต้องไปเอ่ยปากของ ไม่ต้องไปต่อว่า เขาก็จะเคารพคุณครับ หรือแม้กระทั่ง เนื้อตัวร่างกายของเขา ไม่ชอบให้ใครมากอด ผมว่าก็พูดได้แหละ แต่จะเอามาดราม่าหรือทะเลาะกัน มันก็ค่อนข้างจะทำร้ายความเชื่อใจ ทำร้ายความเคารพกันมากไปหน่อย
7 การทำร้ายตัวเอง และน้ำตาไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
ตามเสตปของคนงี่เง่าเลยครับ เรียกร้อง ทะเลาะ ร้องไห้ จนถึงอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเอง คือมันไร้เหตุผลอ่ะครับ มันคุยกันไม่รู้เรื่อง (อันนี้ผมเป็นตลอดที่คบกัน) แรกๆใช่ได้ครับ ผมทำผู้ชายคนนี้ร้องไห้ แต่ผมก็เจ็บจริงๆนะกับสิ่งที่เจอ แต่คือนานๆไป ความรักมันจะโดนความสงสารเข้าครอบงำครับ ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ตัวเองรักร้องไห้บ่อยๆหรอกครับ เพราะเขาจะคิดว่าตัวเองดูแลไม่ดี จนวันนึงเขาจะคิดได้ว่าเขา "ดูแลไม่ไหว"
8. คำว่าเรายังมีคนข้างหลังมันเป็นเรื่องจริงครับ
หลังจากที่ผมอกหัก เพื่อนมากมายทักมาเยอะมาก เป็นห่วง ให้คำแนะนำผม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เจอนานมาก ไม่ได้คุยกันเลย ขอบคุณทุกคนมาก
และที่สำคัญ พ่อแม่และครอบครัวรักเรามาก รักเรามากจริงๆครับ
ผมกล้าบอกพ่อแม่ตรงๆว่าผมคบกับพี่เขาก็ตอนเลิก กล้าบอกทุกอย่าง กล้าคุยทุกอย่างมากขึ้นแม้เเต่เรื่องอนาคตที่เราไม่อยากไปตามทางที่ท่านอยากให้เป็นเท่าไหร่
ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่เขา ทุกๆวันแม่ผมจะบอกว่า รักผมนะ แม่พูดบ่อยมากๆๆๆๆๆๆ
จนผมกลับมาเป็นตัวเองและรักตัวเองอีกครั้ง
อยากบอกว่า ไม่ว่ายังไง ลองคุยกับท่านตรงๆนะครับ
ผมเป็นเกย์ ผมยังกล้าบอกท่านตรงๆเลยครับ
อีกอย่าง พ่อแม่ดูเราออกครับ นี่คือเรื่องจริงเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ พ่อแม่รู้ว่าผมกับพี่เขาคบกันด้วยซ้ำ
เอาล่ะ !!!! มันมีอีกหลายอย่างมากๆ ที่ผมได้เรียนรู้
ทั้งนี้เพราะพี่ที่ทำงานบอกผมว่า ทุกๆเรื่องมีข้อดีเสมอ ให้มองบวกเอาไว้
ผมร้องไห้จะเป็นจะตายได้ 2-3 วันครับ ไม่เกินนี้ วันนี้เพิ่งวันครบรอบที่เราเลิกกันเกือบๆ 1 อาทิตย์พอดีครับ
ตอนนี้พี่เขามีคนใหม่แล้ว เริ่มคุยกับคนใหม่มาสักพักแล้วครับ เพราะงั้นผมเลยตัดใจง่ายครับ
ถามว่า รักพี่เขาอยู่ไหม คุณเอ้ยยยย รักมาก คือรองจากพ่อแม่ครอบครัว ตัวเราเอง เขาก็เป็นคนที่มีค่าสำหรับเรารองมาอ่ะครับสำหรับผมนะ
ถามว่า ผมไม่ไปตื้อล่ะ ผมตื้อมาหมดทุกทางทุกวิธี จนผมรู้สึกคิดได้ตามที่ผมได้พิมพ์มาข้างต้นนี่แหละครับ ผมพยายามถึงที่สุดจนยอมรับความจริงไปแล้ว และตอนนี้ก็รู้สึกว่า ถ้าเขามาตามผมกลับผมก็ไม่พร้อมจะกลับครับ เพราะผมยังเปลี่ยนตัวเองได้ไม่เท่าที่ผมต้องการ และได้ไม่เท่าที่จะเป็นแฟนที่ดีที่เขาต้องการได้ครับ รวมถึงถ้าเขายังไม่เข้าใจผมจริงๆ กลับไปก็ทะเลาะกัน อ่านหนังสือเล่มเดิมร่วมกันอยู่ดีครับ
ระหว่างที่ผมตื้อนะ มันทรมาณมากครับ ผมบอกรักเขา ไม่ว่าจะบอกรักดังแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ยินครับ เพราะคนหมดรักไปแล้ว
เพราะฉะนั้น คนที่ยังรักกันอยู่ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง พูดบ้างก็ได้ครับ คำว่ารักเนี่ย พูดในเวลาที่คนข้างๆยังได้ยินเราบอกรักอยู่ดีกว่านะครับ
หรือแม้กระทั้งเวลาทะเลาะกัน คุณก็บอกรักกันได้ครับ เชื่อเถอะ ไม่ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหน คำว่ารัก จะทำให้คุณนึกถึงกันและกันมากขึ้นครับ
จนถึงวันนี้ ที่ผมได้พยายามทุกๆ ไปแล้ว ผมเรียนรู้คำว่า "ความรักไม่ใช่การครอบครอง" อีกครั้งหนึ่ง
ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับพี่เขาหรอกนะ แต่ผมอยากให้พี่เขาเดินไปข้างหน้า แม้ว่าทางที่เราสองคนเลือกที่จะเดินมันอาจเป็นทางคู่ขนานกันไปเรื่อยๆ ห่างกันไปเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ผมจะถือว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผมอีกสิ่งหนึ่ง
ขอให้พี่รักกับคนใหม่ของพี่ อย่าทำพลาดอีก ขนาดเราสองคนรักกันมาก ผมมั่นใจว่ารักกันมาก ไม่งั้นไม่ทนกันมาสองสามปีหรอกครับ
เราสองคนไลฟ์สไตล์ ความชอบ ทุกๆอย่างลงตัวอย่างสวยงาม เรายังไปกันไม่รอดเลย
ความแตกต่าง ความแปลกไม่ใช่เรื่องสำคัญนะพี่ อย่าอดทนกับสิ่งที่พี่ไม่ชอบ แต่จงคุยกับเขาตรงๆ อย่าคิดว่าฉันชอบเขา ฉันให้เขาได้ ฉันอดทนได้ เพราะสิ่งนั้น อาจทำให้พี่ได้เจอหนังสือเล่มเดิมนะครับ
ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนแล้วกันนะครับ
คำแนะนำของผมสำหรับคนโดนทิ้ง
ร้องไห้ไปเลยครับ ร้องไห้ให้สุด ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ร้องไห้จนคิดด้วยตัวเองได้ ดีแล้วครับ (คำแนะนำจากเพื่อนผม ขอคุณมันมาก)
กลับไปหาคนที่รักคุณที่สุด (พ่อแม่พี่น้อง) แม้คุณจะยังไม่เข้าใจ สักวันคุณจะเข้าไปว่าทำไมต้องไปหาเขา
ใครมีคำถามอะไร ขอคำแนะนำอะไร ยังไงก็ถามได้นะครับ เผื่อเราจะโตไปด้วยกัน