หอบใจลัดฟ้ามาหาเธอ...เสื้อแดง
ตี๔.๕๐
แพลนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว....แล้วก็มาถึงซะที ครั้งนี้เป็นการกลับมาตุภูมิที่ตื่นเต้นนะที่ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองที่มีหลักชัยคือประชาธิปไตย เปล่าหรอก...ไม่ได้ตั้งใจวางแผนชุนุมอะไร เพียงแต่เป็นการพบปะกันธรรมดาๆ
ใช้เวลาเดินทาง๑๑ ชั่วโมงบนความเร็วเฉลี่ยประมาณ๘๐๐ กม/ชม. โดยส่วนตัวเกลียดการเดินทางบนเครื่องบินมาก จำเจ เหนื่อย เพลีย เครื่องลงแตะรันเวย์แต่เช้าตรู่ สูดไออุ่นในยามเช้าของกรุงเทพฯ พลันรู้สึกอบอุ่นพล่านไปทั่ว....กระซิบบอกตัวเองว่านี่คือแผ่นดินแม่ แต่ก็ไม่กล้าก้มลงจูบพื้นดินให้หายคิดถึงนะ กลัวว่าตอนบินกลับออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก(ฮา) จากแผ่นดินแม่ไปยี่สิบสามปีกว่า.......กลับมาเยือนครั้งสุดท้าย๔ปีที่แล้ว ขนาดนั้นก็นับว่านานมากสำหรับผม....ถึงตรงนี้ใจก็ประหวัดไปถึง “บางคน” ที่ต้องระเห็จระเหินห่างบ้านเกิดเมืองนอนไปนานเหมือนกัน ความรู้สึกของ “คนไกลบ้าน”ยามคิดถึงบ้าน ถ้าใครไม่ได้เจอกับตัวเองคงจะเข้าใจยาก .....บอกตรงๆ แค่ได้ยินเสียงพูดคุยจากคนรอบๆ ข้างเป็นภาษาไทยแล้ว น้ำตาคลอได้เหมือนกัน....
เพื่อนสนิทที่สุด(เพื่อนเจ้าบ่าวในวันแต่งงาน)ส่งข่าวในวันออกเดินทางว่าติดธุระด่วนไปรับที่สนามบินไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่ผมไม่ได้รับเพราะอยู่บนเครื่องแล้ว มาถึงก็นั่งรอเพื่อนอยู่นานโดยไม่ได้เปิดเครื่องดู แทบทุกครั้ง เขาก็จะมารับเพราะเขาเป็นพนักงานการบินไทยทำงานที่นั่นอยู่แล้ว เมื่อโทรเข้าก็ไม่มีใครรับสาย นึกในใจว่าหรือว่าเพื่อนมันจะไม่พอใจเรา(ว่ะ)ที่บอกว่าจะไปพบปะเพื่อนๆ ใหม่ที่เป็นคนเสื้อแดงด้วยเพราะเพื่อนคนนี้เธอเหลืองจ๋า สุดท้ายก็ต้องจับแท็กซี่ไปโรงแรม.....ส่วนตัวไม่ชอบการที่ต้องว่าจ้างแท็กซี่จากสนามบินเข้าตัวเมืองเลย แนวโน้มว่าต้องโดนกดราคามีสูง ยิ่งเอาครอบครัวมาด้วยก็ยิ่งไม่อยากให้พวกเขามารับรู้เรื่องแย่ๆ อย่างนี้ ได้บัตรเบอร์แท็กซี่มาแล้ว....ผม ภรรยาและลูกอีกสองเข็นกระเป๋าตรงไปหาแท็กซี่ ยังไม่ถึงแท็กซี่ดี เจ้าคนขับก็ตะโกนว่า ไม่รับนะ...เพราะมีกระเป๋าหลายใบ พร้อมชี้มือให้ไปเอาบัตรใหม่แล้วเลือกรถที่เป็นรถแวนใหญ่กว่า ผมและครอบครัวเลยต้องเข็นกระเป๋ากลับไปที่บัตรเรียกแท็กซี่อีก
กลับไปที่เครื่องบัตรหมายเลขแท็กซี่ที่เป็นระบบที่เรียกว่า self service เห็นเจ้าพนักงานที่คนไทยตะคอกใส่ฝรั่งผัวเมียคู่หนึ่งที่ทำท่างกๆ เงิ่นๆ ที่เครื่องนั้นเพราะไม่รู้จะกดอะไร? ยังไง? และทำงานแบบไหน? “ฟาย! แมร่งโง่แล้วยังอยากจะเผือกมาเที่ยวเมืองไทย!!” ฝรั่งโดนแท็กซี่ด่า เราก็นึกสงสารฝรั่งนะ.....เลยบอกว่าพนักงานไปว่าพี่บอกเขาดีๆ ก็ได้นี่ครับ....เขาเลยถามผมกลับแบบติดเชิดว่า “พี่คนไทยหรือ?” ผมพยักหน้าแล้วเขาก็บ่นว่า “คนไทยด้วยกันแต่ดันไปเข้าข้างฝรั่ง” แล้วเดินจากหนี .....อ้าว! Guผิดหรือนี่?? ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถคันใหม่ ภรรยาเธอปวดท้องอย่างกระทันหัน เจ้าคนขับแท็กซี่จะไม่ขอยอมกดมิเตอร์แต่ขอเรียกเป็นค่าเหมา ผมยืนยันจะให้กดมิเตอร์....แต่สงสารภรรยาเธอบอกว่ายอมๆ เขาไปเถอะเพราะเธอเหนื่อยและปวดท้อง.....จริงๆ แล้วผมไม่มีปัญหาเรื่องจ่ายอะไรเลย เรื่องอย่างนี้ขอกันกินได้ ทีแรกตั้งใจจะให้ทิปด้วยซ้ำ เพราะเงินไทยที่แลกไว้มีแต่แบงต์ห้าร้อยกับแบงค์พัน ...ท้ายที่สุด ก็ยอมรับเสียความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลย
สถานที่นัดหมายเจอกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนเสื้อแดง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จัดเจอกับคนที่รู้จักกันในพันทิป สมัยเคยเล่นอยู่ห้องไกลบ้าน ห้องนักแปล ก็เจอะเจอสมาชิกมาเหมือนกัน คราวนี้ที่ห้องราชฯ ก็จะได้เจออีก ภรรยาเธอก็เป็นห่วงและอยากไปด้วยเราเองก็เป็นห่วงภรรยาไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่โรงแรมหรือพาลูกๆ ออกไปเดินเที่ยวตามลำพัง ตกลงกันไว้ตั้งแต่ออกเดินทางมาเมืองไทยว่า พวกเราทั้งครอบครัวจะไปพบเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดง เวลานัดหมาย ๑๑.๐๐ ....ผมไม่เคยไปสถานที่นัดหมายและไม่รู้จักด้วย เป็นร้านอาหารที่คิดว่าคนพอจะรู้จักดี ที่ไหนได้...เรียกแท็กซี่สามคัน ไม่มีใครรู้จัก? เรียกคันที่สี่ คนขับบอกว่าเคยได้ยินชื่อ “สาขาราชพฤกษ์ใช่ไหมครับ?” เล่นเอาผมมึนเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่ามันมีกี่สาขา? เลยตกลงว่าให้พาไปสาขาที่ใกล้ก่อนก็แล้วกัน คนขับแท็กซี่ก็ไม่รู้อีกว่าสาขาไหนใกล้......ผมเลยตัดสินใจว่า เอาอย่างนี้ไปตั้งหลักที่สามเสนก่อน แล้วผมจะลองลงรถไปถามคนละแวกนั้นดูว่ามีร้านอาหารชื่อนี้ไหม? ระหว่างทางคนขับแท็กซี่ฉลาดเปิดมือถือดูในอินเตอร์เน็ท แล้วก็พากันถึงบางอ้อว่า มีสาขาหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลพิชัยยุทธ “งั้นไปที่นั่นเลย”
คนเรานะ....วาสนาที่จะได้รู้จักและพบปะกัน ต่อให้อยู่ตามซอกตามเขาก็ยังเจอกันได้ เหมือนผมกับภรรยานั่นแหละเธออยู่ไกลคนละฟากฟ้ามหาสมุทรา ผมเป็นครูดอยสอนเด็กชาวเขาในป่าในดอยยังเจอกันได้ และที่ร้านอาหารแห่งนั้นก็พบว่ามีเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดงมานั่งรอแล้วส่วนหนึ่ง และกราบขออภัยทุกๆ ท่านๆ มาตรงนี้ด้วยครับ ที่ต้องหอบลูกหอบเมียไปร่วมด้วยตามเหตุผลที่บอกไว้ข้างบน และได้ขออนุญาตออแกไนเซอร์มาล่วงหน้าแล้ว จริงๆ แล้วเหตุการณ์บ้านเมืองในเมืองไทยนั้นผมก็อัพเดทภรรยาให้ฟังเสมอๆ อาจจะไม่ใช่มุมมองที่เป็นกลางนักเพราะผมคนเสื้อแดงนั่นเอง จะอย่างไรก็แล้วแต่....ขึ้นชื่อว่าคนตะวันตกส่วนใหญ่มักจะไม่ชื่นชมนักกับประเทศที่มีทหารเข้ามาปกครอง แม้จะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา การมาพบปะกับเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดงของผมครั้งนี้เธอก็สนับสนุนและชื่นชมอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง
บรรยากาศเป็นกันเองมาก และต้องขออภัยที่ไม่ขอเอ่ยนามเพื่อนๆ ได้ ที่พอจะเอ่ยได้ก็เห็นจะมีแต่คุณพี่สาวเหลือน้อยคนเดียวเท่านั้น เพราะพี่สาวฯ เคยเกริ่นๆ เอาไว้ที่กระทู้ของคุณหล่อขวัญว่าจะเจอผมอีกไม่นาน แล้วคุณพี่สาวจะตัดสินให้ว่าระหว่างผมกับหล่อขวัญ....ใครคือหนึ่งในแผ่นดินในด้านฟามหล่อ 55555 แหะ แหะ แหะ ....เรื่องอย่างนี้ผมก็คงต้องปล่อยให้พี่สาวเหลือน้อยตัดสินเอาเองนะครับว่า ผมกับหล่อขวัญ ใครเจ๋งกว่ากัน.......แต่ก็กระซิบบอกพี่สาวฯ นะครับว่า ผมอุตส่าห์เดินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาขนาดนี้ ถนอมน้ำใจกันนิดนะครับ5555
เป็นเกียรติครับที่ได้พบหลายๆ ท่าน และขอบคุณสำหรับคำเชื้อเชิญ......พูดคุยกันถูกคอเป็นกันเอง และขอบคุณคุณพี่....ที่เป็นเจ้ามือในช่วงแรก รู้ว่าผมชอบข้าวเหนียวมะม่วงท่านก็สั่งมาให้ผมอีกจานใหญ่ เสียดาย...ท่านต้องรีบกลับ เพราะต้องบินไปเวียดนามเรื่องธุรกิจของท่านที่นั่น เห็นท่านกระซิบฝากมาบอกอภิโครตมหาเศรษฐีแห่งราชดำเนินว่า น้อยๆหน่อยเรื่องเงินเรื่องทองน่ะ......ส่วนเรื่องรถเก๋งที่เที่ยวโฉบไปโฉบมานั่น คนแถวๆ บ้านท่านเขานิยมซื้อมาใช้ แต่ลักษณะการใช้ต่างกัน คือซื้อมาจอดทิ้งไว้เฉยๆ แล้วเฉือนเอาส่วนหลังคาออก จากเอาดินเอาปุ๋ยใส่แล้วทำเป็นห้างปลูกสะหระแหน่ ไว้ใส่ลาบ ซกเล็ก อาหารอีสานทานกัน(อันหลังนี้ผมใส่ไข่เองนะ อิ อิ อิ) งานนี้รับประกันว่าคุณอภิโครตมหาเศรษฐีแห่งราชดำเนินมีหนาวมีร้อน
การสนทนาพูดคุยกันก็เป็นเรื่องการเมือง แลกเปลี่ยนทัศนะคติตามประสาคนเสื้อแดง มีบางเรื่องบางเรื่องที่ผมไม่เคยลึกตื้นบางหนาก็ได้รับรู้ ร้านอาหารให้อยู่ได้ถึงสี่โมงเย็น พวกเราก็คุยกันเพลินซะจะปาเข้าหกโมงเย็น แค่นั้นยังไม่หนำใจ.....จากนั้นก็ไปต่อกันอีกร้านจนเกือบจะสองทุ่ม ภรรยาและลูกๆ ผมกลับมาก่อน......ผมกลับมาถึงโรงแรมก็สามทุ่มกว่า นั่งเล่นเกมส์ในห้องกับครอบครัวได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็หลับคาโต๊ะเลย ตื่นมาอีกทีก็ตีสี....นอนไม่หลับเลยมานั่งเขียนกระทู้นี้จนฟ้าสางเมื่อเขียนมาถึงบรรทัดนี้
คุณน้อง อ. ทราบว่าผมจะขึ้นเขียงใหม่วันพุธ เธอก็ติดต่อกับผู้ใหญ่ที่เป็นเพื่อนๆ คนเสื้อแดงเหมือนกันเพื่อจะได้พบปะกัน.....ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกแล้วที่จะได้เจอพี่น้องเสื้อแดงที่เชียงใหม่ มีผู้ใหญ่ที่ผมนับถือหลายคนเหมือนกัน ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าทราบมาว่า...คุณหล่อขวัญก็อยู่ที่นั่นแหละ.......ถ้าหล่อกับหล่อเจอกันขึ้นแล้วเกิดเปรี้ยวงปร้างฟ้าผ่าลงกลางวงสนทนานี่คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ เขาว่า “ความหล่อ” เป็นสายล่อฟ้าดีนักแล.......
ผมและครอบครัยขอขอบคุณครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับไมตรีจิตของทุกๆ คนในวันที่ผ่านมา
วัชรานนท์
ปล. ต้องขออภัยเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนด้วย หากผมพลั้งหรือเผลอตัวพูดอะไรไม่เข้าหูหรือถามอะไรตรงๆ คงจะเป็นด้วยอาชีพนี่แหละที่ตกเป็นฝ่ายที่ทั้งถูกถามและถามแบบตรงๆ
.....หอบใจลัดฟ้ามาหาเธอ เสื้อแดง....by วัชรานนท์
ตี๔.๕๐
แพลนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว....แล้วก็มาถึงซะที ครั้งนี้เป็นการกลับมาตุภูมิที่ตื่นเต้นนะที่ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองที่มีหลักชัยคือประชาธิปไตย เปล่าหรอก...ไม่ได้ตั้งใจวางแผนชุนุมอะไร เพียงแต่เป็นการพบปะกันธรรมดาๆ
ใช้เวลาเดินทาง๑๑ ชั่วโมงบนความเร็วเฉลี่ยประมาณ๘๐๐ กม/ชม. โดยส่วนตัวเกลียดการเดินทางบนเครื่องบินมาก จำเจ เหนื่อย เพลีย เครื่องลงแตะรันเวย์แต่เช้าตรู่ สูดไออุ่นในยามเช้าของกรุงเทพฯ พลันรู้สึกอบอุ่นพล่านไปทั่ว....กระซิบบอกตัวเองว่านี่คือแผ่นดินแม่ แต่ก็ไม่กล้าก้มลงจูบพื้นดินให้หายคิดถึงนะ กลัวว่าตอนบินกลับออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก(ฮา) จากแผ่นดินแม่ไปยี่สิบสามปีกว่า.......กลับมาเยือนครั้งสุดท้าย๔ปีที่แล้ว ขนาดนั้นก็นับว่านานมากสำหรับผม....ถึงตรงนี้ใจก็ประหวัดไปถึง “บางคน” ที่ต้องระเห็จระเหินห่างบ้านเกิดเมืองนอนไปนานเหมือนกัน ความรู้สึกของ “คนไกลบ้าน”ยามคิดถึงบ้าน ถ้าใครไม่ได้เจอกับตัวเองคงจะเข้าใจยาก .....บอกตรงๆ แค่ได้ยินเสียงพูดคุยจากคนรอบๆ ข้างเป็นภาษาไทยแล้ว น้ำตาคลอได้เหมือนกัน....
เพื่อนสนิทที่สุด(เพื่อนเจ้าบ่าวในวันแต่งงาน)ส่งข่าวในวันออกเดินทางว่าติดธุระด่วนไปรับที่สนามบินไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่ผมไม่ได้รับเพราะอยู่บนเครื่องแล้ว มาถึงก็นั่งรอเพื่อนอยู่นานโดยไม่ได้เปิดเครื่องดู แทบทุกครั้ง เขาก็จะมารับเพราะเขาเป็นพนักงานการบินไทยทำงานที่นั่นอยู่แล้ว เมื่อโทรเข้าก็ไม่มีใครรับสาย นึกในใจว่าหรือว่าเพื่อนมันจะไม่พอใจเรา(ว่ะ)ที่บอกว่าจะไปพบปะเพื่อนๆ ใหม่ที่เป็นคนเสื้อแดงด้วยเพราะเพื่อนคนนี้เธอเหลืองจ๋า สุดท้ายก็ต้องจับแท็กซี่ไปโรงแรม.....ส่วนตัวไม่ชอบการที่ต้องว่าจ้างแท็กซี่จากสนามบินเข้าตัวเมืองเลย แนวโน้มว่าต้องโดนกดราคามีสูง ยิ่งเอาครอบครัวมาด้วยก็ยิ่งไม่อยากให้พวกเขามารับรู้เรื่องแย่ๆ อย่างนี้ ได้บัตรเบอร์แท็กซี่มาแล้ว....ผม ภรรยาและลูกอีกสองเข็นกระเป๋าตรงไปหาแท็กซี่ ยังไม่ถึงแท็กซี่ดี เจ้าคนขับก็ตะโกนว่า ไม่รับนะ...เพราะมีกระเป๋าหลายใบ พร้อมชี้มือให้ไปเอาบัตรใหม่แล้วเลือกรถที่เป็นรถแวนใหญ่กว่า ผมและครอบครัวเลยต้องเข็นกระเป๋ากลับไปที่บัตรเรียกแท็กซี่อีก
กลับไปที่เครื่องบัตรหมายเลขแท็กซี่ที่เป็นระบบที่เรียกว่า self service เห็นเจ้าพนักงานที่คนไทยตะคอกใส่ฝรั่งผัวเมียคู่หนึ่งที่ทำท่างกๆ เงิ่นๆ ที่เครื่องนั้นเพราะไม่รู้จะกดอะไร? ยังไง? และทำงานแบบไหน? “ฟาย! แมร่งโง่แล้วยังอยากจะเผือกมาเที่ยวเมืองไทย!!” ฝรั่งโดนแท็กซี่ด่า เราก็นึกสงสารฝรั่งนะ.....เลยบอกว่าพนักงานไปว่าพี่บอกเขาดีๆ ก็ได้นี่ครับ....เขาเลยถามผมกลับแบบติดเชิดว่า “พี่คนไทยหรือ?” ผมพยักหน้าแล้วเขาก็บ่นว่า “คนไทยด้วยกันแต่ดันไปเข้าข้างฝรั่ง” แล้วเดินจากหนี .....อ้าว! Guผิดหรือนี่?? ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถคันใหม่ ภรรยาเธอปวดท้องอย่างกระทันหัน เจ้าคนขับแท็กซี่จะไม่ขอยอมกดมิเตอร์แต่ขอเรียกเป็นค่าเหมา ผมยืนยันจะให้กดมิเตอร์....แต่สงสารภรรยาเธอบอกว่ายอมๆ เขาไปเถอะเพราะเธอเหนื่อยและปวดท้อง.....จริงๆ แล้วผมไม่มีปัญหาเรื่องจ่ายอะไรเลย เรื่องอย่างนี้ขอกันกินได้ ทีแรกตั้งใจจะให้ทิปด้วยซ้ำ เพราะเงินไทยที่แลกไว้มีแต่แบงต์ห้าร้อยกับแบงค์พัน ...ท้ายที่สุด ก็ยอมรับเสียความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลย
สถานที่นัดหมายเจอกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนเสื้อแดง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จัดเจอกับคนที่รู้จักกันในพันทิป สมัยเคยเล่นอยู่ห้องไกลบ้าน ห้องนักแปล ก็เจอะเจอสมาชิกมาเหมือนกัน คราวนี้ที่ห้องราชฯ ก็จะได้เจออีก ภรรยาเธอก็เป็นห่วงและอยากไปด้วยเราเองก็เป็นห่วงภรรยาไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่โรงแรมหรือพาลูกๆ ออกไปเดินเที่ยวตามลำพัง ตกลงกันไว้ตั้งแต่ออกเดินทางมาเมืองไทยว่า พวกเราทั้งครอบครัวจะไปพบเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดง เวลานัดหมาย ๑๑.๐๐ ....ผมไม่เคยไปสถานที่นัดหมายและไม่รู้จักด้วย เป็นร้านอาหารที่คิดว่าคนพอจะรู้จักดี ที่ไหนได้...เรียกแท็กซี่สามคัน ไม่มีใครรู้จัก? เรียกคันที่สี่ คนขับบอกว่าเคยได้ยินชื่อ “สาขาราชพฤกษ์ใช่ไหมครับ?” เล่นเอาผมมึนเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่ามันมีกี่สาขา? เลยตกลงว่าให้พาไปสาขาที่ใกล้ก่อนก็แล้วกัน คนขับแท็กซี่ก็ไม่รู้อีกว่าสาขาไหนใกล้......ผมเลยตัดสินใจว่า เอาอย่างนี้ไปตั้งหลักที่สามเสนก่อน แล้วผมจะลองลงรถไปถามคนละแวกนั้นดูว่ามีร้านอาหารชื่อนี้ไหม? ระหว่างทางคนขับแท็กซี่ฉลาดเปิดมือถือดูในอินเตอร์เน็ท แล้วก็พากันถึงบางอ้อว่า มีสาขาหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลพิชัยยุทธ “งั้นไปที่นั่นเลย”
คนเรานะ....วาสนาที่จะได้รู้จักและพบปะกัน ต่อให้อยู่ตามซอกตามเขาก็ยังเจอกันได้ เหมือนผมกับภรรยานั่นแหละเธออยู่ไกลคนละฟากฟ้ามหาสมุทรา ผมเป็นครูดอยสอนเด็กชาวเขาในป่าในดอยยังเจอกันได้ และที่ร้านอาหารแห่งนั้นก็พบว่ามีเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดงมานั่งรอแล้วส่วนหนึ่ง และกราบขออภัยทุกๆ ท่านๆ มาตรงนี้ด้วยครับ ที่ต้องหอบลูกหอบเมียไปร่วมด้วยตามเหตุผลที่บอกไว้ข้างบน และได้ขออนุญาตออแกไนเซอร์มาล่วงหน้าแล้ว จริงๆ แล้วเหตุการณ์บ้านเมืองในเมืองไทยนั้นผมก็อัพเดทภรรยาให้ฟังเสมอๆ อาจจะไม่ใช่มุมมองที่เป็นกลางนักเพราะผมคนเสื้อแดงนั่นเอง จะอย่างไรก็แล้วแต่....ขึ้นชื่อว่าคนตะวันตกส่วนใหญ่มักจะไม่ชื่นชมนักกับประเทศที่มีทหารเข้ามาปกครอง แม้จะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา การมาพบปะกับเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดงของผมครั้งนี้เธอก็สนับสนุนและชื่นชมอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง
บรรยากาศเป็นกันเองมาก และต้องขออภัยที่ไม่ขอเอ่ยนามเพื่อนๆ ได้ ที่พอจะเอ่ยได้ก็เห็นจะมีแต่คุณพี่สาวเหลือน้อยคนเดียวเท่านั้น เพราะพี่สาวฯ เคยเกริ่นๆ เอาไว้ที่กระทู้ของคุณหล่อขวัญว่าจะเจอผมอีกไม่นาน แล้วคุณพี่สาวจะตัดสินให้ว่าระหว่างผมกับหล่อขวัญ....ใครคือหนึ่งในแผ่นดินในด้านฟามหล่อ 55555 แหะ แหะ แหะ ....เรื่องอย่างนี้ผมก็คงต้องปล่อยให้พี่สาวเหลือน้อยตัดสินเอาเองนะครับว่า ผมกับหล่อขวัญ ใครเจ๋งกว่ากัน.......แต่ก็กระซิบบอกพี่สาวฯ นะครับว่า ผมอุตส่าห์เดินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาขนาดนี้ ถนอมน้ำใจกันนิดนะครับ5555
เป็นเกียรติครับที่ได้พบหลายๆ ท่าน และขอบคุณสำหรับคำเชื้อเชิญ......พูดคุยกันถูกคอเป็นกันเอง และขอบคุณคุณพี่....ที่เป็นเจ้ามือในช่วงแรก รู้ว่าผมชอบข้าวเหนียวมะม่วงท่านก็สั่งมาให้ผมอีกจานใหญ่ เสียดาย...ท่านต้องรีบกลับ เพราะต้องบินไปเวียดนามเรื่องธุรกิจของท่านที่นั่น เห็นท่านกระซิบฝากมาบอกอภิโครตมหาเศรษฐีแห่งราชดำเนินว่า น้อยๆหน่อยเรื่องเงินเรื่องทองน่ะ......ส่วนเรื่องรถเก๋งที่เที่ยวโฉบไปโฉบมานั่น คนแถวๆ บ้านท่านเขานิยมซื้อมาใช้ แต่ลักษณะการใช้ต่างกัน คือซื้อมาจอดทิ้งไว้เฉยๆ แล้วเฉือนเอาส่วนหลังคาออก จากเอาดินเอาปุ๋ยใส่แล้วทำเป็นห้างปลูกสะหระแหน่ ไว้ใส่ลาบ ซกเล็ก อาหารอีสานทานกัน(อันหลังนี้ผมใส่ไข่เองนะ อิ อิ อิ) งานนี้รับประกันว่าคุณอภิโครตมหาเศรษฐีแห่งราชดำเนินมีหนาวมีร้อน
การสนทนาพูดคุยกันก็เป็นเรื่องการเมือง แลกเปลี่ยนทัศนะคติตามประสาคนเสื้อแดง มีบางเรื่องบางเรื่องที่ผมไม่เคยลึกตื้นบางหนาก็ได้รับรู้ ร้านอาหารให้อยู่ได้ถึงสี่โมงเย็น พวกเราก็คุยกันเพลินซะจะปาเข้าหกโมงเย็น แค่นั้นยังไม่หนำใจ.....จากนั้นก็ไปต่อกันอีกร้านจนเกือบจะสองทุ่ม ภรรยาและลูกๆ ผมกลับมาก่อน......ผมกลับมาถึงโรงแรมก็สามทุ่มกว่า นั่งเล่นเกมส์ในห้องกับครอบครัวได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็หลับคาโต๊ะเลย ตื่นมาอีกทีก็ตีสี....นอนไม่หลับเลยมานั่งเขียนกระทู้นี้จนฟ้าสางเมื่อเขียนมาถึงบรรทัดนี้
คุณน้อง อ. ทราบว่าผมจะขึ้นเขียงใหม่วันพุธ เธอก็ติดต่อกับผู้ใหญ่ที่เป็นเพื่อนๆ คนเสื้อแดงเหมือนกันเพื่อจะได้พบปะกัน.....ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกแล้วที่จะได้เจอพี่น้องเสื้อแดงที่เชียงใหม่ มีผู้ใหญ่ที่ผมนับถือหลายคนเหมือนกัน ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าทราบมาว่า...คุณหล่อขวัญก็อยู่ที่นั่นแหละ.......ถ้าหล่อกับหล่อเจอกันขึ้นแล้วเกิดเปรี้ยวงปร้างฟ้าผ่าลงกลางวงสนทนานี่คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ เขาว่า “ความหล่อ” เป็นสายล่อฟ้าดีนักแล.......
ผมและครอบครัยขอขอบคุณครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับไมตรีจิตของทุกๆ คนในวันที่ผ่านมา
วัชรานนท์
ปล. ต้องขออภัยเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนด้วย หากผมพลั้งหรือเผลอตัวพูดอะไรไม่เข้าหูหรือถามอะไรตรงๆ คงจะเป็นด้วยอาชีพนี่แหละที่ตกเป็นฝ่ายที่ทั้งถูกถามและถามแบบตรงๆ