.....หอบใจลัดฟ้ามาหาเธอ เสื้อแดง....by วัชรานนท์

กระทู้สนทนา
หอบใจลัดฟ้ามาหาเธอ...เสื้อแดง

ตี๔.๕๐


แพลนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว....แล้วก็มาถึงซะที   ครั้งนี้เป็นการกลับมาตุภูมิที่ตื่นเต้นนะที่ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองที่มีหลักชัยคือประชาธิปไตย    เปล่าหรอก...ไม่ได้ตั้งใจวางแผนชุนุมอะไร   เพียงแต่เป็นการพบปะกันธรรมดาๆ


ใช้เวลาเดินทาง๑๑ ชั่วโมงบนความเร็วเฉลี่ยประมาณ๘๐๐ กม/ชม.   โดยส่วนตัวเกลียดการเดินทางบนเครื่องบินมาก  จำเจ  เหนื่อย  เพลีย   เครื่องลงแตะรันเวย์แต่เช้าตรู่   สูดไออุ่นในยามเช้าของกรุงเทพฯ พลันรู้สึกอบอุ่นพล่านไปทั่ว....กระซิบบอกตัวเองว่านี่คือแผ่นดินแม่    แต่ก็ไม่กล้าก้มลงจูบพื้นดินให้หายคิดถึงนะ   กลัวว่าตอนบินกลับออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก(ฮา)     จากแผ่นดินแม่ไปยี่สิบสามปีกว่า.......กลับมาเยือนครั้งสุดท้าย๔ปีที่แล้ว     ขนาดนั้นก็นับว่านานมากสำหรับผม....ถึงตรงนี้ใจก็ประหวัดไปถึง “บางคน” ที่ต้องระเห็จระเหินห่างบ้านเกิดเมืองนอนไปนานเหมือนกัน       ความรู้สึกของ “คนไกลบ้าน”ยามคิดถึงบ้าน   ถ้าใครไม่ได้เจอกับตัวเองคงจะเข้าใจยาก .....บอกตรงๆ แค่ได้ยินเสียงพูดคุยจากคนรอบๆ ข้างเป็นภาษาไทยแล้ว   น้ำตาคลอได้เหมือนกัน....


เพื่อนสนิทที่สุด(เพื่อนเจ้าบ่าวในวันแต่งงาน)ส่งข่าวในวันออกเดินทางว่าติดธุระด่วนไปรับที่สนามบินไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้แล้ว   แต่ผมไม่ได้รับเพราะอยู่บนเครื่องแล้ว   มาถึงก็นั่งรอเพื่อนอยู่นานโดยไม่ได้เปิดเครื่องดู   แทบทุกครั้ง  เขาก็จะมารับเพราะเขาเป็นพนักงานการบินไทยทำงานที่นั่นอยู่แล้ว  เมื่อโทรเข้าก็ไม่มีใครรับสาย     นึกในใจว่าหรือว่าเพื่อนมันจะไม่พอใจเรา(ว่ะ)ที่บอกว่าจะไปพบปะเพื่อนๆ ใหม่ที่เป็นคนเสื้อแดงด้วยเพราะเพื่อนคนนี้เธอเหลืองจ๋า   สุดท้ายก็ต้องจับแท็กซี่ไปโรงแรม.....ส่วนตัวไม่ชอบการที่ต้องว่าจ้างแท็กซี่จากสนามบินเข้าตัวเมืองเลย    แนวโน้มว่าต้องโดนกดราคามีสูง   ยิ่งเอาครอบครัวมาด้วยก็ยิ่งไม่อยากให้พวกเขามารับรู้เรื่องแย่ๆ อย่างนี้    ได้บัตรเบอร์แท็กซี่มาแล้ว....ผม  ภรรยาและลูกอีกสองเข็นกระเป๋าตรงไปหาแท็กซี่   ยังไม่ถึงแท็กซี่ดี   เจ้าคนขับก็ตะโกนว่า    ไม่รับนะ...เพราะมีกระเป๋าหลายใบ   พร้อมชี้มือให้ไปเอาบัตรใหม่แล้วเลือกรถที่เป็นรถแวนใหญ่กว่า    ผมและครอบครัวเลยต้องเข็นกระเป๋ากลับไปที่บัตรเรียกแท็กซี่อีก


กลับไปที่เครื่องบัตรหมายเลขแท็กซี่ที่เป็นระบบที่เรียกว่า self service   เห็นเจ้าพนักงานที่คนไทยตะคอกใส่ฝรั่งผัวเมียคู่หนึ่งที่ทำท่างกๆ เงิ่นๆ ที่เครื่องนั้นเพราะไม่รู้จะกดอะไร? ยังไง? และทำงานแบบไหน?  “ฟาย!  แมร่งโง่แล้วยังอยากจะเผือกมาเที่ยวเมืองไทย!!” ฝรั่งโดนแท็กซี่ด่า   เราก็นึกสงสารฝรั่งนะ.....เลยบอกว่าพนักงานไปว่าพี่บอกเขาดีๆ ก็ได้นี่ครับ....เขาเลยถามผมกลับแบบติดเชิดว่า   “พี่คนไทยหรือ?”     ผมพยักหน้าแล้วเขาก็บ่นว่า “คนไทยด้วยกันแต่ดันไปเข้าข้างฝรั่ง” แล้วเดินจากหนี   .....อ้าว!  Guผิดหรือนี่??    ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถคันใหม่  ภรรยาเธอปวดท้องอย่างกระทันหัน     เจ้าคนขับแท็กซี่จะไม่ขอยอมกดมิเตอร์แต่ขอเรียกเป็นค่าเหมา    ผมยืนยันจะให้กดมิเตอร์....แต่สงสารภรรยาเธอบอกว่ายอมๆ เขาไปเถอะเพราะเธอเหนื่อยและปวดท้อง.....จริงๆ แล้วผมไม่มีปัญหาเรื่องจ่ายอะไรเลย  เรื่องอย่างนี้ขอกันกินได้   ทีแรกตั้งใจจะให้ทิปด้วยซ้ำ  เพราะเงินไทยที่แลกไว้มีแต่แบงต์ห้าร้อยกับแบงค์พัน     ...ท้ายที่สุด   ก็ยอมรับเสียความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลย



สถานที่นัดหมายเจอกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนเสื้อแดง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จัดเจอกับคนที่รู้จักกันในพันทิป   สมัยเคยเล่นอยู่ห้องไกลบ้าน  ห้องนักแปล  ก็เจอะเจอสมาชิกมาเหมือนกัน   คราวนี้ที่ห้องราชฯ ก็จะได้เจออีก   ภรรยาเธอก็เป็นห่วงและอยากไปด้วยเราเองก็เป็นห่วงภรรยาไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่โรงแรมหรือพาลูกๆ ออกไปเดินเที่ยวตามลำพัง   ตกลงกันไว้ตั้งแต่ออกเดินทางมาเมืองไทยว่า   พวกเราทั้งครอบครัวจะไปพบเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดง     เวลานัดหมาย ๑๑.๐๐ ....ผมไม่เคยไปสถานที่นัดหมายและไม่รู้จักด้วย   เป็นร้านอาหารที่คิดว่าคนพอจะรู้จักดี    ที่ไหนได้...เรียกแท็กซี่สามคัน   ไม่มีใครรู้จัก?    เรียกคันที่สี่   คนขับบอกว่าเคยได้ยินชื่อ  “สาขาราชพฤกษ์ใช่ไหมครับ?”   เล่นเอาผมมึนเหมือนกัน  เพราะไม่รู้ว่ามันมีกี่สาขา?    เลยตกลงว่าให้พาไปสาขาที่ใกล้ก่อนก็แล้วกัน       คนขับแท็กซี่ก็ไม่รู้อีกว่าสาขาไหนใกล้......ผมเลยตัดสินใจว่า   เอาอย่างนี้ไปตั้งหลักที่สามเสนก่อน  แล้วผมจะลองลงรถไปถามคนละแวกนั้นดูว่ามีร้านอาหารชื่อนี้ไหม?    ระหว่างทางคนขับแท็กซี่ฉลาดเปิดมือถือดูในอินเตอร์เน็ท   แล้วก็พากันถึงบางอ้อว่า  มีสาขาหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลพิชัยยุทธ    “งั้นไปที่นั่นเลย”   



คนเรานะ....วาสนาที่จะได้รู้จักและพบปะกัน   ต่อให้อยู่ตามซอกตามเขาก็ยังเจอกันได้  เหมือนผมกับภรรยานั่นแหละเธออยู่ไกลคนละฟากฟ้ามหาสมุทรา   ผมเป็นครูดอยสอนเด็กชาวเขาในป่าในดอยยังเจอกันได้   และที่ร้านอาหารแห่งนั้นก็พบว่ามีเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดงมานั่งรอแล้วส่วนหนึ่ง    และกราบขออภัยทุกๆ ท่านๆ มาตรงนี้ด้วยครับ  ที่ต้องหอบลูกหอบเมียไปร่วมด้วยตามเหตุผลที่บอกไว้ข้างบน  และได้ขออนุญาตออแกไนเซอร์มาล่วงหน้าแล้ว    จริงๆ แล้วเหตุการณ์บ้านเมืองในเมืองไทยนั้นผมก็อัพเดทภรรยาให้ฟังเสมอๆ   อาจจะไม่ใช่มุมมองที่เป็นกลางนักเพราะผมคนเสื้อแดงนั่นเอง    จะอย่างไรก็แล้วแต่....ขึ้นชื่อว่าคนตะวันตกส่วนใหญ่มักจะไม่ชื่นชมนักกับประเทศที่มีทหารเข้ามาปกครอง   แม้จะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา    การมาพบปะกับเพื่อนๆ พี่ๆ คนเสื้อแดงของผมครั้งนี้เธอก็สนับสนุนและชื่นชมอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง


บรรยากาศเป็นกันเองมาก   และต้องขออภัยที่ไม่ขอเอ่ยนามเพื่อนๆ ได้    ที่พอจะเอ่ยได้ก็เห็นจะมีแต่คุณพี่สาวเหลือน้อยคนเดียวเท่านั้น   เพราะพี่สาวฯ เคยเกริ่นๆ เอาไว้ที่กระทู้ของคุณหล่อขวัญว่าจะเจอผมอีกไม่นาน    แล้วคุณพี่สาวจะตัดสินให้ว่าระหว่างผมกับหล่อขวัญ....ใครคือหนึ่งในแผ่นดินในด้านฟามหล่อ 55555  แหะ แหะ แหะ ....เรื่องอย่างนี้ผมก็คงต้องปล่อยให้พี่สาวเหลือน้อยตัดสินเอาเองนะครับว่า   ผมกับหล่อขวัญ   ใครเจ๋งกว่ากัน.......แต่ก็กระซิบบอกพี่สาวฯ นะครับว่า   ผมอุตส่าห์เดินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาขนาดนี้    ถนอมน้ำใจกันนิดนะครับ5555


เป็นเกียรติครับที่ได้พบหลายๆ ท่าน   และขอบคุณสำหรับคำเชื้อเชิญ......พูดคุยกันถูกคอเป็นกันเอง   และขอบคุณคุณพี่....ที่เป็นเจ้ามือในช่วงแรก   รู้ว่าผมชอบข้าวเหนียวมะม่วงท่านก็สั่งมาให้ผมอีกจานใหญ่    เสียดาย...ท่านต้องรีบกลับ   เพราะต้องบินไปเวียดนามเรื่องธุรกิจของท่านที่นั่น      เห็นท่านกระซิบฝากมาบอกอภิโครตมหาเศรษฐีแห่งราชดำเนินว่า   น้อยๆหน่อยเรื่องเงินเรื่องทองน่ะ......ส่วนเรื่องรถเก๋งที่เที่ยวโฉบไปโฉบมานั่น   คนแถวๆ บ้านท่านเขานิยมซื้อมาใช้   แต่ลักษณะการใช้ต่างกัน   คือซื้อมาจอดทิ้งไว้เฉยๆ  แล้วเฉือนเอาส่วนหลังคาออก   จากเอาดินเอาปุ๋ยใส่แล้วทำเป็นห้างปลูกสะหระแหน่ ไว้ใส่ลาบ  ซกเล็ก อาหารอีสานทานกัน(อันหลังนี้ผมใส่ไข่เองนะ อิ อิ อิ)   งานนี้รับประกันว่าคุณอภิโครตมหาเศรษฐีแห่งราชดำเนินมีหนาวมีร้อน


การสนทนาพูดคุยกันก็เป็นเรื่องการเมือง   แลกเปลี่ยนทัศนะคติตามประสาคนเสื้อแดง    มีบางเรื่องบางเรื่องที่ผมไม่เคยลึกตื้นบางหนาก็ได้รับรู้    ร้านอาหารให้อยู่ได้ถึงสี่โมงเย็น   พวกเราก็คุยกันเพลินซะจะปาเข้าหกโมงเย็น      แค่นั้นยังไม่หนำใจ.....จากนั้นก็ไปต่อกันอีกร้านจนเกือบจะสองทุ่ม    ภรรยาและลูกๆ ผมกลับมาก่อน......ผมกลับมาถึงโรงแรมก็สามทุ่มกว่า       นั่งเล่นเกมส์ในห้องกับครอบครัวได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็หลับคาโต๊ะเลย   ตื่นมาอีกทีก็ตีสี....นอนไม่หลับเลยมานั่งเขียนกระทู้นี้จนฟ้าสางเมื่อเขียนมาถึงบรรทัดนี้


คุณน้อง อ. ทราบว่าผมจะขึ้นเขียงใหม่วันพุธ     เธอก็ติดต่อกับผู้ใหญ่ที่เป็นเพื่อนๆ คนเสื้อแดงเหมือนกันเพื่อจะได้พบปะกัน.....ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกแล้วที่จะได้เจอพี่น้องเสื้อแดงที่เชียงใหม่   มีผู้ใหญ่ที่ผมนับถือหลายคนเหมือนกัน     ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าทราบมาว่า...คุณหล่อขวัญก็อยู่ที่นั่นแหละ.......ถ้าหล่อกับหล่อเจอกันขึ้นแล้วเกิดเปรี้ยวงปร้างฟ้าผ่าลงกลางวงสนทนานี่คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ    เขาว่า “ความหล่อ” เป็นสายล่อฟ้าดีนักแล.......


ผมและครอบครัยขอขอบคุณครับ  ขอบคุณอีกครั้งสำหรับไมตรีจิตของทุกๆ คนในวันที่ผ่านมา  


วัชรานนท์

ปล.  ต้องขออภัยเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนด้วย   หากผมพลั้งหรือเผลอตัวพูดอะไรไม่เข้าหูหรือถามอะไรตรงๆ   คงจะเป็นด้วยอาชีพนี่แหละที่ตกเป็นฝ่ายที่ทั้งถูกถามและถามแบบตรงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่