นี่เป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดประการใดขอประทานโทษด้วยครับ (มือใหม่)
เกริ่นก่อนว่านี่เป็นเรื่องที่ประสบมากับตัวและคนรอบข้างครับ
<<<ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี จนมาวันนี้ก็ยังไม่เชื่อครับและอยากเจอด้วย>>>
>>>>คืนแรก เข้าเรื่องกันเลยนะครับ เรื่องเกิดเมื่อประมาณ7-8ปีที่แล้วครับ เรียนอยู่ชั้น ป.6 (ช่วงเอาะๆ555-.-)
วันนั้นเป็นวันทีโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ช่วงเวลาที่ผมทราบข่าวว่าอาก๊งของผมเข้าโรงพยาบาล(อาก๊งก็คือปู่นั้นล่ะครับพ่อของพ่อ)
เป็นช่วงเวลาประมาณบ่ายแก่ๆโรงเรียนไกล้เลิก
โรงเรียนของผมจะมีการเข้าแถวก่อนกลับบ้านประมาณว่าสวดมนต์ก่อนกลับบ้านอะไรทำนองนั้น
ช่วงนั้นโรงเรียนกำลังเรียกเข้าแถวเพื่อที่จะมาสวนมนต์และจะปล่อยกลับบ้านตามมีตามเกิด เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น กุ๊งๆๆๆ (มีโทรศัพท์แล้วครับ ป.6 ตามจริงมีตั้งแต่ ป.4 อิอิ) เสียงในโทรศัพท์ก็คือใช่แล้วครับหม่อมแม่ผมเองเสียงนั้นดูสั่นๆผมก็แปลกๆใจว่าท่านแม่เป็นอะไร
แม่บอกว่า"กลับบ้านด่วนก๊งเข้าโรงพยาบาลเดี๋ยวแม่จะไปรับ" ต้องบอกก่อนนะครับว่าแม่ผมรักอาก๊งมากเหมือนพ่อคนนึง
ต่อมาคืนนั้นก็เลยตีรถไปจังหวัดหนึ่งที่มีคนใหญ่คนโตเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล
รถพ่อของผมนั้นเป็นรถกระบะมีแค็บ ผมนั่งแค็บกับป้าอีกสองคน แม่นั่งข้างพ่อ คืนนั้นก็นั่งรถไปตามประสาเด็กก็รู้สึกเบื่อๆ ตอนนั้นไม่คิดถึงอาก๊งเลยจะเป็นไรไหม แย่จริงๆเรา -.- คืนนั้นก็นั่งรถไปมาในใจเกิดคิดพิเลนว่าถ้าเกิดอาก๊งตายไปจะมาหลอกเราไหมนะ (คือตอนอาก๊งยังไม่กลับบ้านนอกผมชอบแก้งอาก๊งโดยการตีบ้างตบบ้างทั้งๆที่ท่านก็แก่แล้วคิดย้อนไปแล้วไม่น่าทำเลยเรา TT)
พ่อก็ขับรถไปแวะปั๊มลงสุบบุหรี่ไปตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ ตี 2 เป็นได้ ป้าก็บ่นว่าปวดฉิ๊งฉี่บอกให้พ่อแวะปั้มน้ำมัน พ่อก็แวะปั๊มน้ำมันข้างทาง
พ่อก็จอดรถตรงหน้าห้องน้ำ ต้องบอกก่อนครับว่าห้องน้ำปั้มนั้นน่ากลัวมาก มืด มีไฟริบหรี่ๆ ถึงกับป้าไม่กล้าเข้าคนเดียวเรียกแม่ไปเป็นเพื่อน
ผมก็ยืนยืดแข้งยืดขายืดซ้ายยืดขวาก้มซ้ายก้มขวาพอก้มหลังเท่านั้นล่ะ บอกก่อนว่าท่าก้มของผมมันจะคล้ายๆกับการมองรอดใต้หว่างขา คนที่เมื่อยๆคงจะทราบดีเวลายืดแข้งยืดขา (ตอนนั้นยืนอยู่หลังกระบะรถ) เห็นเงาดำๆเหมือนเป็นฝุ่นๆจับตัวเป็นรูปร่างคน
นั่งกอดเข่าอยู่บนกระบะรถ พอผมเห็นก็ตกใจรีบมองเพ่งไปที่กระบะรถทันทีแต่เงานั้นก็จางหายไป
ตอนนั้นผมยอมรับครับว่ามีอาการกลัวๆนิดนึง (ก็คนไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้เนาะ บวกกับยังเด็ก) เลยรีบวิ่งไปหาพ่อที่กำลังสูบบุหรี่อยู่
บอกพ่อว่าเห็นผีๆ (ตามประสาเด็กๆ) พ่อเป็นคนไม่เชื่อครับ แต่พ่อไม่ลบหลู่นะ พ่อก็เลยบอกว่า "ผีเผลอที่ไหนไม่มีหรอก ไร้สาระ"
ผมนี่หงอยเลย ไม่มีใครเชื่อบอกแม่ด้วย แม่ก็บอกว่านั่งรถเหนื่อยหรือเปล่าลูก ผมเลยเงียบไม่พูดกับใคร
พอป้าๆเข้าห้องน้ำเสร็จก็นั่งรถไปต่อ แต่หลังจากที่ผมเห็นผมก็ระแวงกระบะรถตลอด รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมาในรถตลอดผมเลยทำใจเผลอหลับไป
ตื่นมาอีกทีก็เจอแสงสีแดง วาบๆๆๆๆ ใช่แล้วครับพี่ตำรวจนั้นเอง แสงว่าบๆจากด่านที่พี่เขาตั้ง โบกมาแต่ไกลเลยครับ มาชิดในชิดในพ่อหนุ่ม 5555
ก็ตามเสตปเลยครับขอดูใบขับขี่ดูทะเบียนรถต่อภาษี พอตรวจๆเสร็จเรียบร้อยก็กำลังจะปล่อยไปครับ พี่ตำรวจพูดขึ้นมาว่า
ขับรถกลางคืนอันตรายนะครับทางข้างหน้าเป็นเขาด้วย ยิงมีคนแก่นั่งข้างหลังต้องระวังดีๆนะครับ
ตอนนั้นทั้งคันบนรถอึ้งกันหมด ว่าพี่ตำรวจคนนั้นพูดอะไร ตอนนั้นเหมือนโดนสะกดจิตกันทั้งคันครับ และพ่อกับแม่ก็หันมามองที่ผมแล้วก็เงียบครับ ออกรถเดินทางต่อไป
พอช่วงรุ่งเช้าประมาณ ตี 4 ตี 5 ก็ถึงบ้านของอาก๊งครับทางเข้าสุดแสนจะลำบาก เป็นดินลูกรัง
พอถึงย่าก็เอาน้ำท่ามาให้กิน ข้าวปลาอาหาร พอกินข้าวอะไรเสร็จแม่ก็ถามย่าว่าจะไปโรงพยาบาลกันตอนไหนหรือจะให้หนู(แม่ผม)ไปกันก่อน
ย่าก็เลยบอกว่าไม่ต้องไปแล้วล่ะลูกเอ้ย อาก๊งเสียแล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนประมาณเที่ยงคืน ผมและแม่พ่อป้าๆก็อึ้ง แล้วก็ร้องไห้เสียใจกันตามๆไป
แม่บอกว่าทำไมไม่โทรมาบอก ย่าบอกว่าก็เห็นพวกเอ็งกำลังเดินทางไม่อยากให้เสียสมาธิในการเดินทาง ยิ่งพ่อเราเป็นคนขอบรถ
>>เดี๋ยวมาต่อครับ
เรื่องหลอนของอาก๋ง ประสบการณ์จริง
เกริ่นก่อนว่านี่เป็นเรื่องที่ประสบมากับตัวและคนรอบข้างครับ
<<<ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี จนมาวันนี้ก็ยังไม่เชื่อครับและอยากเจอด้วย>>>
>>>>คืนแรก เข้าเรื่องกันเลยนะครับ เรื่องเกิดเมื่อประมาณ7-8ปีที่แล้วครับ เรียนอยู่ชั้น ป.6 (ช่วงเอาะๆ555-.-)
วันนั้นเป็นวันทีโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ช่วงเวลาที่ผมทราบข่าวว่าอาก๊งของผมเข้าโรงพยาบาล(อาก๊งก็คือปู่นั้นล่ะครับพ่อของพ่อ)
เป็นช่วงเวลาประมาณบ่ายแก่ๆโรงเรียนไกล้เลิก
โรงเรียนของผมจะมีการเข้าแถวก่อนกลับบ้านประมาณว่าสวดมนต์ก่อนกลับบ้านอะไรทำนองนั้น
ช่วงนั้นโรงเรียนกำลังเรียกเข้าแถวเพื่อที่จะมาสวนมนต์และจะปล่อยกลับบ้านตามมีตามเกิด เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น กุ๊งๆๆๆ (มีโทรศัพท์แล้วครับ ป.6 ตามจริงมีตั้งแต่ ป.4 อิอิ) เสียงในโทรศัพท์ก็คือใช่แล้วครับหม่อมแม่ผมเองเสียงนั้นดูสั่นๆผมก็แปลกๆใจว่าท่านแม่เป็นอะไร
แม่บอกว่า"กลับบ้านด่วนก๊งเข้าโรงพยาบาลเดี๋ยวแม่จะไปรับ" ต้องบอกก่อนนะครับว่าแม่ผมรักอาก๊งมากเหมือนพ่อคนนึง
ต่อมาคืนนั้นก็เลยตีรถไปจังหวัดหนึ่งที่มีคนใหญ่คนโตเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล
รถพ่อของผมนั้นเป็นรถกระบะมีแค็บ ผมนั่งแค็บกับป้าอีกสองคน แม่นั่งข้างพ่อ คืนนั้นก็นั่งรถไปตามประสาเด็กก็รู้สึกเบื่อๆ ตอนนั้นไม่คิดถึงอาก๊งเลยจะเป็นไรไหม แย่จริงๆเรา -.- คืนนั้นก็นั่งรถไปมาในใจเกิดคิดพิเลนว่าถ้าเกิดอาก๊งตายไปจะมาหลอกเราไหมนะ (คือตอนอาก๊งยังไม่กลับบ้านนอกผมชอบแก้งอาก๊งโดยการตีบ้างตบบ้างทั้งๆที่ท่านก็แก่แล้วคิดย้อนไปแล้วไม่น่าทำเลยเรา TT)
พ่อก็ขับรถไปแวะปั๊มลงสุบบุหรี่ไปตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ ตี 2 เป็นได้ ป้าก็บ่นว่าปวดฉิ๊งฉี่บอกให้พ่อแวะปั้มน้ำมัน พ่อก็แวะปั๊มน้ำมันข้างทาง
พ่อก็จอดรถตรงหน้าห้องน้ำ ต้องบอกก่อนครับว่าห้องน้ำปั้มนั้นน่ากลัวมาก มืด มีไฟริบหรี่ๆ ถึงกับป้าไม่กล้าเข้าคนเดียวเรียกแม่ไปเป็นเพื่อน
ผมก็ยืนยืดแข้งยืดขายืดซ้ายยืดขวาก้มซ้ายก้มขวาพอก้มหลังเท่านั้นล่ะ บอกก่อนว่าท่าก้มของผมมันจะคล้ายๆกับการมองรอดใต้หว่างขา คนที่เมื่อยๆคงจะทราบดีเวลายืดแข้งยืดขา (ตอนนั้นยืนอยู่หลังกระบะรถ) เห็นเงาดำๆเหมือนเป็นฝุ่นๆจับตัวเป็นรูปร่างคน
นั่งกอดเข่าอยู่บนกระบะรถ พอผมเห็นก็ตกใจรีบมองเพ่งไปที่กระบะรถทันทีแต่เงานั้นก็จางหายไป
ตอนนั้นผมยอมรับครับว่ามีอาการกลัวๆนิดนึง (ก็คนไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้เนาะ บวกกับยังเด็ก) เลยรีบวิ่งไปหาพ่อที่กำลังสูบบุหรี่อยู่
บอกพ่อว่าเห็นผีๆ (ตามประสาเด็กๆ) พ่อเป็นคนไม่เชื่อครับ แต่พ่อไม่ลบหลู่นะ พ่อก็เลยบอกว่า "ผีเผลอที่ไหนไม่มีหรอก ไร้สาระ"
ผมนี่หงอยเลย ไม่มีใครเชื่อบอกแม่ด้วย แม่ก็บอกว่านั่งรถเหนื่อยหรือเปล่าลูก ผมเลยเงียบไม่พูดกับใคร
พอป้าๆเข้าห้องน้ำเสร็จก็นั่งรถไปต่อ แต่หลังจากที่ผมเห็นผมก็ระแวงกระบะรถตลอด รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมาในรถตลอดผมเลยทำใจเผลอหลับไป
ตื่นมาอีกทีก็เจอแสงสีแดง วาบๆๆๆๆ ใช่แล้วครับพี่ตำรวจนั้นเอง แสงว่าบๆจากด่านที่พี่เขาตั้ง โบกมาแต่ไกลเลยครับ มาชิดในชิดในพ่อหนุ่ม 5555
ก็ตามเสตปเลยครับขอดูใบขับขี่ดูทะเบียนรถต่อภาษี พอตรวจๆเสร็จเรียบร้อยก็กำลังจะปล่อยไปครับ พี่ตำรวจพูดขึ้นมาว่า
ขับรถกลางคืนอันตรายนะครับทางข้างหน้าเป็นเขาด้วย ยิงมีคนแก่นั่งข้างหลังต้องระวังดีๆนะครับ
ตอนนั้นทั้งคันบนรถอึ้งกันหมด ว่าพี่ตำรวจคนนั้นพูดอะไร ตอนนั้นเหมือนโดนสะกดจิตกันทั้งคันครับ และพ่อกับแม่ก็หันมามองที่ผมแล้วก็เงียบครับ ออกรถเดินทางต่อไป
พอช่วงรุ่งเช้าประมาณ ตี 4 ตี 5 ก็ถึงบ้านของอาก๊งครับทางเข้าสุดแสนจะลำบาก เป็นดินลูกรัง
พอถึงย่าก็เอาน้ำท่ามาให้กิน ข้าวปลาอาหาร พอกินข้าวอะไรเสร็จแม่ก็ถามย่าว่าจะไปโรงพยาบาลกันตอนไหนหรือจะให้หนู(แม่ผม)ไปกันก่อน
ย่าก็เลยบอกว่าไม่ต้องไปแล้วล่ะลูกเอ้ย อาก๊งเสียแล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนประมาณเที่ยงคืน ผมและแม่พ่อป้าๆก็อึ้ง แล้วก็ร้องไห้เสียใจกันตามๆไป
แม่บอกว่าทำไมไม่โทรมาบอก ย่าบอกว่าก็เห็นพวกเอ็งกำลังเดินทางไม่อยากให้เสียสมาธิในการเดินทาง ยิ่งพ่อเราเป็นคนขอบรถ
>>เดี๋ยวมาต่อครับ