พึ่งไปสอบโทอิคปีนี้มาได้ถึงเป้าหมายคือ 805 ค่ะ เลยตั้งใจว่าจะมารีวิวเพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่เตรียมตัวสอบอยู่ค่ะ คะแนนที่ได้อาจไม่ได้เยอะมากมาย
แต่คิดว่าคะแนน800+ น่าจะช่วยให้หลายคนผ่านเกณฑ์ยื่นเรียนจบ สมัครงาน ปรับเงินเดือนได้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่พอมีพื้นฐานแกรมม่า ทักษะการฟัง การอ่านอยู่บ้างนะคะ ขอเกริ่นโปรไฟล์ตัวเองเล็กน้อย ก็จบมัธยมจากโรงเรียนรัฐธรรมดาค่ะ เรียนภาษาอังกฤษแบบตามหลักสูตร มหาวิทยาลัยเรียนคณะคอม หลักสูตรภาษาอังกฤษ มอรัฐฝั่งธน ก็พอถูไถไปได้ ทักษะการฟังดีขึ้นค่อนข้างมาก
มาเริ่มกันที่วิธีเตรียมตัวสอบ
ซื้อหนังสือมาสามเล่นค่ะ จากศูนย์หนังสือ ราคาจะถูกกว่าร้านปกติ ถ้าใครสะดวกแนะนำไปศูนย์หนังสือเลยค่ะ อันนี้ขอเเจ้งราคาตามปกหนังสือนะคะ
1. Barron’s TOEIC Practice Exams ราคา 295 บาท (มีข้อสอบ 6 ชุด)
เล่มนี้เรียกว่าพื้นฐาน ง่ายกว่าข้อสอบจริง มีทั้งListening เเละ Readingพาร์ทฟังก็พูดชัดฟังง่าย
แกรมม่าไม่ลึกซึ้ง พาร์ทอ่านPassageสั้นกว่าข้อสอบจริง
ถึงจะง่ายแต่ก็แนะนำให้ฝึกทำจากเล่มนี้ก่อน เพราะเฉลยเล่มนี้ค่อนข้างละเอียด ตรงไหนที่ผิดก็ทวนให้เข้าใจ
ที่สำคัญต้องจับเวลาเหมือนข้อสอบจริง
2. FAST-TRACK TOEIC LISTENING ราคา 420 บาท ( มีข้อสอบ5ชุด )
เล่มนี้เป็นพาร์ทฟังล้วนๆ ส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างยากกว่าข้อสอบจริง เฉลยมีสคริปให้ชัดเจน
3. New TOEIC Test 5:6:7 ราคา 350 บาท (มีข้อสอบ 7 ชุด)
เล่มนี้เป็นพาร์ท Reading ล้วนๆ ส่วนตัวคิดว่าคล้ายๆข้อสอบจริง แต่เฉลยจะไม่ละเอียดอธิบายชัดเจนว่าเพราะอะไร
ตอนแรกก็แอบเคือง บางข้อที่ไม่เข้าใจทำไมเฉลยข้อนี้ก็เลยต้องไปหาคำตอบเอาเอง ก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ก็ดีไปอีกแบบ
ที่ใช้หลักๆก็คือสามเล่มนี้ค่ะ ทำทวนไปทวนมา ทุกครั้งต้องจับเวลา
4. ชุดข้อสอบ OXFORD 2ชุด ที่มีแชร์กันอยู่มากมายในอินเตอร์เนต ลองไปหากันดูนะคะ
5. โหลดแอพลิเคชันเกี่ยวกับ TOEIC มาฝึกทำเวลาว่าง เข้าห้องน้ำ ก่อนนอน รอรถ คิดซะว่าแทนเล่นเกมส์
6. ท่องศัพท์ เราจะท่องเป็นชุดที่มีSynnonym กัน ทำให้รู้ศัพท์เดียวได้ไปอีกหลายคำ
วันสอบ (สำหรับคนที่มาสอบครั้งแรกที่ตึกบีบีควรอ่าน)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราเลือกสอบเป็นช่วงบ่ายค่ะ เพราะไม่ชอบตื่นเช้า เหตุผลชัดเจนมาก นั่งมอเตอร์ไซด์จากบีทีเอสอโศกมาตึกบีบี 15 บาทค่ะ
มาถึงตึกประมาณเกือบเที่ยงค่ะ ก็ขึ้นลิฟตรงไปชั้น19เลยค่ะ จะเห็นผู้คนนั่งตามชั้นมากมาย เราก็เดินลงไปแจ้งว่ามาสอบ ถ่ายรูป
จ่ายค่าสอบ 1500 บาท ถ้าช่วงไหนมีส่วนลดก็ช่วยได้เยอะค่ะ ครั้งที่แล้วใช้ส่วนลดจากห้างนึงเหลือค่าสอบ 850 บาท
แต่ครั้งนี้จ่ายเองเต็มๆเลยต้องมุ่งมั่นมากหน่อย แนะนำว่าให้ทานข้าวมาก่อนสอบ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ห้องน้ำหญิงที่ชั้นคิวยาว
เราเลยเดินลงบันไดหนีไฟไปเข้าชั้น 18 แทน สบายกว่าเยอะ ระหว่างรอหน้าห้องสอบเราจะไม่อ่านอะไรแล้วค่ะ ไม่งั้นมันจะตีกัน
ปวดหัวเปล่าๆ นั่งจิบน้ำเบาๆ ทำสมาธิ ไปเก็บกระเป๋าบนชั้นวางที่มีเตรียมให้ พอใกล้เวลาเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกมาเข้าแถวหน้าห้องสอบค่ะ
สิ่งที่พกไปในห้องได้ก็กระเป๋าสตางค์ ที่ไม่มีซิม ไม่มีกุญแจ อยู่ในกระเป๋า และก็ห้ามนาฬิกาข้อมือไม่ว่าจะแบบไหน ห้ามหมดค่ะ
ให้ใช้นาฬิกาดิจิตอลที่อยู่ในห้องสอบด้วยกัน สำหรับใครขี้หนาวก็พกเสื้อแขนยาวไปด้วยค่ะ
ในห้องสอบ
เจ้าหน้าที่ก็จะแรนด้อมที่นั่งสอบให้ รอบนี้ได้นั่งหน้าสุดเลยค่ะ ที่สำคัญไม่มีคนนั่งข้างๆโต๊ะเป็นของเราคนเดียว ถือว่าโชคดีมาก เพราะโต๊ะเป็นโต๊ะยาวนั่งสองคนมีฉากกั้น คราวก่อนมาสอบคนข้างๆลบแรงมาก ลบทีโต๊ะสั่น รอบนี้นั่งคนเดียวเลยรู้สึกดีมาก ไม่ต้องเห็นใครให้วอกแวกด้วย แต่กลับมีอุปสรรคอื่นแทน เพราะใต้ตึกมีทำก่อสร้างเสียงเจาะค่อนข้างดัง ห้องสอบรู้สึกจะไม่ค่อยเก็บเสียงด้วยค่ะ ทำไปแรกๆก็รู้สึกสั่นๆไปด้วย ใครมาสอบช่วงมีก่อสร้าง
ก็ได้แต่ทำสมาธิแน่วแน่ค่ะ ก่อนสอบครึ่งชั่วโมงก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเปิดให้ฟังคำอธิบายพาร์ทต่างๆ อธิบายวิธีกรอกข้อมูล ฝนรายละเอียด
พอถึงเวลาเริ่มทำข้อสอบก็ให้เอาด้านยางลบของดินสอกระตุกข้อสอบเลย ไม่เสียเวลา บางคนแกะนานเสียเวลาทำไปหลายข้อเลย
พอกระตุกข้อสอบได้ปุ๊บรีบลุยไปเปิดพาร์ทห้า แกรมม่าทำก่อนเลย ระหว่างนี้จนท จะเปิดคำอธิบายพาร์ทหนึ่ง เราก็ทำแกรมม่าไปได้สี่ข้อ
ละก็รีบกลับมาดูพาร์ทหนึ่งดูรูปคร่าวๆโฟกัสอะไร เทปก็จะมาพูดพอดี
Listening
Part1 ชอบมีช้อยส์ที่ออกเสียงคล้ายกัน เช่น sail sale วิธีก็คือฟังทั้งบริบทเราก็จะรู้ว่าเกี่ยวกับอะไร พาร์ทนี้จะค่อนข้างชัดและง่าย
Part2 มี30ข้อ เน้นเรื่องสติ อย่าหลุดเพราะหลุดและมักจะยาว จุดหลอกคือศัพท์ในโจทย์ มักจะซ้ำกับศัพท์ในคำถาม แต่ส่วนมากมักไม่ตอบข้อที่ศัพท์ซ้ำกัน
และก็มีศัพท์ที่เสียงคล้ายกันมาหลอก เช่น Copy Coffee
Part3 แนะนำให้อ่านโจทย์ตอนเทปอธิบายคำสั่ง ถ้าให้ชัวร์ควรอ่านช้อยส์รอเลย และก็วงคีย์เวิดของแต่ละคำถาม จะทำให้พอเดาเรื่องได้คร่าวๆ พอตอนฟังก็จับแต่คีย์เวิร์ด
Part4 คล้ายกับพาร์ทสาม แนะนำให้วงคีย์เวิร์ด และอ่านคำถามกับช้อยส์รอไว้เลย
พอข้อสุดท้ายฝนเสร็จ ให้รีบไปทำReadingเลย ไม่ต้องรอเทปอ่านคำถามสามข้อสุดท้ายจนจบ
Reading
ขอแนะนำทำจาก Part 7 -> 6 -> 5 เพราะพาร์ท 7 คำตอบชัดเจนสุด คืออ่านจากเรื่องแล้วหาคำตอบได้เลย
*เน้นเรื่องสำคัญคือการแบ่งเวลา เพราะหลายคนทำไม่ทันเสียคะแนนกับการเดาไปเยอะ เอาไปปรับใช้กันตามความถนัดของตัวเองนะคะ
เวลาเริ่มสอบแต่ละรอบอาจจะไม่เท่ากันเป๊ะทุกครั้ง ขอสมมติว่าเริ่ม13:30 พาร์ทListening จะจบตอน 14:15 (45นาที)
พาร์ทReading เริ่ม 14.15 ถึง 15:30 (75นาที)
เราเริ่มทำPart7 มี 48 ข้อ โดยเฉลี่ยข้อละเกือบหนึ่งนาที ประมาณ 40 นาที เริ่ม 14.15 ถึง 14:55
พาร์ทนี้จะมีทั้ง Single passage และ Double passage
พาร์ทนี้คำตอบค่อนข้างชัดในเนื้อหา ถ้าคนทักษะอ่านไวจะหาคำตอบได้ไว แต่ก็จะมีช้อยส์มาลวงเพราะงั้นต้องดูรายละเอียดอื่นด้วย
มีถาม Synnonym บ้างประมาณสองข้อ ก็ถ้ารู้ศัพท์นั้นพอดีก็สบายเลย ถ้าไม่รู้ให้เดาจากบริบทว่าต้องเติมประมาณนี้
Part 6 มี 12 ข้อ เราเฉลี่ยข้อละเกือบหนึ่งนาที ประมาณ 10 นาที เริ่ม 14.55 ถึง 15:05
พาร์ทนี้ส่วนมากจะเป็นพวกจดหมาย เชิญมาร่วมงาน สัมภาษณ์งาน แนะนำบริการ ร้องเรียน คำลงท้ายจดหมาย ส่วนมากที่เจอคือถามเรื่อง Tense Active Passive Conjunction และก็คำศัพท์ แนะนำว่าไม่ต้องอ่านหมด ให้อ่านประโยคที่ใกล้ๆกับที่ถาม อ่านผ่านๆให้พอจับใจความได้
Part 5 มี40ข้อ เราเฉลี่ยทำสองข้อหนึ่งนาที รวมประมาณ 20 นาที เริ่ม 15:05 ถึง 15:25
พาร์ทนี้จะวัดแกรมม่าและมีทดสอบศัพท์บ้าง ซึ่งศัพท์จะค่อนข้างไม่คุ้นถ้าคนไม่ค่อยรู้ศัพท์ลึก แต่ศัพท์สามารถเดาได้จากบริบทแล้วใช้ตัดช้อยเอา
พาร์ทนี้แนะนำว่าให้ทำให้ไวเพราะถ้าเรารู้ข้อนี้ใช้แกรมม่าหลักอะไร เราจะรู้คำตอบทันที
อันนี้เป็นเรื่องที่รวบรวมมาจากการทำข้อแบบฝึกหัด และเจอในข้อสอบจริง ที่เจอเราเจอบ่อยๆ
- Causative Verb(Have,Make,Let)
- ประเภทของคำ Pronoun, Verb, Adjective, Adverb
เช่น ลงท้ายด้วย -ive เป็น Adjective ลงท้าย -ly เป็น Adverb
- All/Every/Each
- Such/So
- Conjunction ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่
- A number of, The number of
- Tense, Active/Passive
- Comparisons
- Relative Clause
- Gerund/Infinitive
- Phrasal Verb
- If, Wish Form
ลองไปหารายละเอียด หลักการใช้กันดูนะคะ อันนี้ถ้านึกออกเพิ่มจะมาอัพเดทให้ค่ะ
ให้เหลือเวลาไว้ประมาณห้านาที ไปมั่วข้อที่ทำไม่ทัน ถ้าอ่านทันก็ไปเก็บข้อที่มั่นใจให้ครบ เพราะถ้าไม่ได้ฝนเลยจะเสียคะแนนฟรีแน่นอน
เพราะเจ้าหน้าที่บอกหมดเวลาคือวางดินสอทันที ไม่งั้นเสี่ยงโดนปรับตก อีกอย่างคือถ้าเป็นไปได้อย่าคิดว่าข้ามไปก่อนค่อยกลับมาทำ
เพราะส่วนมากกลับมาทำไม่ทัน
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่จะไปสอบทั้งครั้งแรกและหลายครั้งแล้ว สิ่งสำคัญสุดคือความตั้งใจกับพยายามค่ะ โชคอาจช่วยบ้างตอนเดาค่ะ
เดาก็ขอให้เดาอย่างมีหลักการนะคะ เช่น Prefix Suffix นี้น่าจะให้ความหมายเชิงบวก แล้วก็ตัดช้อยส์เอาค่ะ
ไม่บอกให้โชคดีนะคะ แต่จะบอกให้ตั้งสติสมาธิดีๆ และที่พยายามมาจะส่งผลเองค่ะ สิ่งที่ควรทำคือเตรียมตัวและฝึกบ่อยๆเท่านั้นค่ะ สู้ๆค่ะ
ถ้ามีเวลาจะมาอัพเรื่องแนวข้อสอบกับหลักการดูต่างๆที่เคยเจอบ่อยๆให้นะคะ
[2016]โทอิคอ่านเองสไตล์บ้านๆ 800+ รวบรวมจากเทคนิคส่วนตัว
แต่คิดว่าคะแนน800+ น่าจะช่วยให้หลายคนผ่านเกณฑ์ยื่นเรียนจบ สมัครงาน ปรับเงินเดือนได้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่พอมีพื้นฐานแกรมม่า ทักษะการฟัง การอ่านอยู่บ้างนะคะ ขอเกริ่นโปรไฟล์ตัวเองเล็กน้อย ก็จบมัธยมจากโรงเรียนรัฐธรรมดาค่ะ เรียนภาษาอังกฤษแบบตามหลักสูตร มหาวิทยาลัยเรียนคณะคอม หลักสูตรภาษาอังกฤษ มอรัฐฝั่งธน ก็พอถูไถไปได้ ทักษะการฟังดีขึ้นค่อนข้างมาก
มาเริ่มกันที่วิธีเตรียมตัวสอบ
ซื้อหนังสือมาสามเล่นค่ะ จากศูนย์หนังสือ ราคาจะถูกกว่าร้านปกติ ถ้าใครสะดวกแนะนำไปศูนย์หนังสือเลยค่ะ อันนี้ขอเเจ้งราคาตามปกหนังสือนะคะ
1. Barron’s TOEIC Practice Exams ราคา 295 บาท (มีข้อสอบ 6 ชุด)
เล่มนี้เรียกว่าพื้นฐาน ง่ายกว่าข้อสอบจริง มีทั้งListening เเละ Readingพาร์ทฟังก็พูดชัดฟังง่าย
แกรมม่าไม่ลึกซึ้ง พาร์ทอ่านPassageสั้นกว่าข้อสอบจริง
ถึงจะง่ายแต่ก็แนะนำให้ฝึกทำจากเล่มนี้ก่อน เพราะเฉลยเล่มนี้ค่อนข้างละเอียด ตรงไหนที่ผิดก็ทวนให้เข้าใจ
ที่สำคัญต้องจับเวลาเหมือนข้อสอบจริง
2. FAST-TRACK TOEIC LISTENING ราคา 420 บาท ( มีข้อสอบ5ชุด )
เล่มนี้เป็นพาร์ทฟังล้วนๆ ส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างยากกว่าข้อสอบจริง เฉลยมีสคริปให้ชัดเจน
3. New TOEIC Test 5:6:7 ราคา 350 บาท (มีข้อสอบ 7 ชุด)
เล่มนี้เป็นพาร์ท Reading ล้วนๆ ส่วนตัวคิดว่าคล้ายๆข้อสอบจริง แต่เฉลยจะไม่ละเอียดอธิบายชัดเจนว่าเพราะอะไร
ตอนแรกก็แอบเคือง บางข้อที่ไม่เข้าใจทำไมเฉลยข้อนี้ก็เลยต้องไปหาคำตอบเอาเอง ก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ก็ดีไปอีกแบบ
ที่ใช้หลักๆก็คือสามเล่มนี้ค่ะ ทำทวนไปทวนมา ทุกครั้งต้องจับเวลา
4. ชุดข้อสอบ OXFORD 2ชุด ที่มีแชร์กันอยู่มากมายในอินเตอร์เนต ลองไปหากันดูนะคะ
5. โหลดแอพลิเคชันเกี่ยวกับ TOEIC มาฝึกทำเวลาว่าง เข้าห้องน้ำ ก่อนนอน รอรถ คิดซะว่าแทนเล่นเกมส์
6. ท่องศัพท์ เราจะท่องเป็นชุดที่มีSynnonym กัน ทำให้รู้ศัพท์เดียวได้ไปอีกหลายคำ
วันสอบ (สำหรับคนที่มาสอบครั้งแรกที่ตึกบีบีควรอ่าน)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในห้องสอบ
เจ้าหน้าที่ก็จะแรนด้อมที่นั่งสอบให้ รอบนี้ได้นั่งหน้าสุดเลยค่ะ ที่สำคัญไม่มีคนนั่งข้างๆโต๊ะเป็นของเราคนเดียว ถือว่าโชคดีมาก เพราะโต๊ะเป็นโต๊ะยาวนั่งสองคนมีฉากกั้น คราวก่อนมาสอบคนข้างๆลบแรงมาก ลบทีโต๊ะสั่น รอบนี้นั่งคนเดียวเลยรู้สึกดีมาก ไม่ต้องเห็นใครให้วอกแวกด้วย แต่กลับมีอุปสรรคอื่นแทน เพราะใต้ตึกมีทำก่อสร้างเสียงเจาะค่อนข้างดัง ห้องสอบรู้สึกจะไม่ค่อยเก็บเสียงด้วยค่ะ ทำไปแรกๆก็รู้สึกสั่นๆไปด้วย ใครมาสอบช่วงมีก่อสร้าง
ก็ได้แต่ทำสมาธิแน่วแน่ค่ะ ก่อนสอบครึ่งชั่วโมงก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเปิดให้ฟังคำอธิบายพาร์ทต่างๆ อธิบายวิธีกรอกข้อมูล ฝนรายละเอียด
พอถึงเวลาเริ่มทำข้อสอบก็ให้เอาด้านยางลบของดินสอกระตุกข้อสอบเลย ไม่เสียเวลา บางคนแกะนานเสียเวลาทำไปหลายข้อเลย
พอกระตุกข้อสอบได้ปุ๊บรีบลุยไปเปิดพาร์ทห้า แกรมม่าทำก่อนเลย ระหว่างนี้จนท จะเปิดคำอธิบายพาร์ทหนึ่ง เราก็ทำแกรมม่าไปได้สี่ข้อ
ละก็รีบกลับมาดูพาร์ทหนึ่งดูรูปคร่าวๆโฟกัสอะไร เทปก็จะมาพูดพอดี
Listening
Part1 ชอบมีช้อยส์ที่ออกเสียงคล้ายกัน เช่น sail sale วิธีก็คือฟังทั้งบริบทเราก็จะรู้ว่าเกี่ยวกับอะไร พาร์ทนี้จะค่อนข้างชัดและง่าย
Part2 มี30ข้อ เน้นเรื่องสติ อย่าหลุดเพราะหลุดและมักจะยาว จุดหลอกคือศัพท์ในโจทย์ มักจะซ้ำกับศัพท์ในคำถาม แต่ส่วนมากมักไม่ตอบข้อที่ศัพท์ซ้ำกัน
และก็มีศัพท์ที่เสียงคล้ายกันมาหลอก เช่น Copy Coffee
Part3 แนะนำให้อ่านโจทย์ตอนเทปอธิบายคำสั่ง ถ้าให้ชัวร์ควรอ่านช้อยส์รอเลย และก็วงคีย์เวิดของแต่ละคำถาม จะทำให้พอเดาเรื่องได้คร่าวๆ พอตอนฟังก็จับแต่คีย์เวิร์ด
Part4 คล้ายกับพาร์ทสาม แนะนำให้วงคีย์เวิร์ด และอ่านคำถามกับช้อยส์รอไว้เลย
พอข้อสุดท้ายฝนเสร็จ ให้รีบไปทำReadingเลย ไม่ต้องรอเทปอ่านคำถามสามข้อสุดท้ายจนจบ
Reading
ขอแนะนำทำจาก Part 7 -> 6 -> 5 เพราะพาร์ท 7 คำตอบชัดเจนสุด คืออ่านจากเรื่องแล้วหาคำตอบได้เลย
*เน้นเรื่องสำคัญคือการแบ่งเวลา เพราะหลายคนทำไม่ทันเสียคะแนนกับการเดาไปเยอะ เอาไปปรับใช้กันตามความถนัดของตัวเองนะคะ
เวลาเริ่มสอบแต่ละรอบอาจจะไม่เท่ากันเป๊ะทุกครั้ง ขอสมมติว่าเริ่ม13:30 พาร์ทListening จะจบตอน 14:15 (45นาที)
พาร์ทReading เริ่ม 14.15 ถึง 15:30 (75นาที)
เราเริ่มทำPart7 มี 48 ข้อ โดยเฉลี่ยข้อละเกือบหนึ่งนาที ประมาณ 40 นาที เริ่ม 14.15 ถึง 14:55
พาร์ทนี้จะมีทั้ง Single passage และ Double passage
พาร์ทนี้คำตอบค่อนข้างชัดในเนื้อหา ถ้าคนทักษะอ่านไวจะหาคำตอบได้ไว แต่ก็จะมีช้อยส์มาลวงเพราะงั้นต้องดูรายละเอียดอื่นด้วย
มีถาม Synnonym บ้างประมาณสองข้อ ก็ถ้ารู้ศัพท์นั้นพอดีก็สบายเลย ถ้าไม่รู้ให้เดาจากบริบทว่าต้องเติมประมาณนี้
Part 6 มี 12 ข้อ เราเฉลี่ยข้อละเกือบหนึ่งนาที ประมาณ 10 นาที เริ่ม 14.55 ถึง 15:05
พาร์ทนี้ส่วนมากจะเป็นพวกจดหมาย เชิญมาร่วมงาน สัมภาษณ์งาน แนะนำบริการ ร้องเรียน คำลงท้ายจดหมาย ส่วนมากที่เจอคือถามเรื่อง Tense Active Passive Conjunction และก็คำศัพท์ แนะนำว่าไม่ต้องอ่านหมด ให้อ่านประโยคที่ใกล้ๆกับที่ถาม อ่านผ่านๆให้พอจับใจความได้
Part 5 มี40ข้อ เราเฉลี่ยทำสองข้อหนึ่งนาที รวมประมาณ 20 นาที เริ่ม 15:05 ถึง 15:25
พาร์ทนี้จะวัดแกรมม่าและมีทดสอบศัพท์บ้าง ซึ่งศัพท์จะค่อนข้างไม่คุ้นถ้าคนไม่ค่อยรู้ศัพท์ลึก แต่ศัพท์สามารถเดาได้จากบริบทแล้วใช้ตัดช้อยเอา
พาร์ทนี้แนะนำว่าให้ทำให้ไวเพราะถ้าเรารู้ข้อนี้ใช้แกรมม่าหลักอะไร เราจะรู้คำตอบทันที
อันนี้เป็นเรื่องที่รวบรวมมาจากการทำข้อแบบฝึกหัด และเจอในข้อสอบจริง ที่เจอเราเจอบ่อยๆ
- Causative Verb(Have,Make,Let)
- ประเภทของคำ Pronoun, Verb, Adjective, Adverb
เช่น ลงท้ายด้วย -ive เป็น Adjective ลงท้าย -ly เป็น Adverb
- All/Every/Each
- Such/So
- Conjunction ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่
- A number of, The number of
- Tense, Active/Passive
- Comparisons
- Relative Clause
- Gerund/Infinitive
- Phrasal Verb
- If, Wish Form
ลองไปหารายละเอียด หลักการใช้กันดูนะคะ อันนี้ถ้านึกออกเพิ่มจะมาอัพเดทให้ค่ะ
ให้เหลือเวลาไว้ประมาณห้านาที ไปมั่วข้อที่ทำไม่ทัน ถ้าอ่านทันก็ไปเก็บข้อที่มั่นใจให้ครบ เพราะถ้าไม่ได้ฝนเลยจะเสียคะแนนฟรีแน่นอน
เพราะเจ้าหน้าที่บอกหมดเวลาคือวางดินสอทันที ไม่งั้นเสี่ยงโดนปรับตก อีกอย่างคือถ้าเป็นไปได้อย่าคิดว่าข้ามไปก่อนค่อยกลับมาทำ
เพราะส่วนมากกลับมาทำไม่ทัน
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่จะไปสอบทั้งครั้งแรกและหลายครั้งแล้ว สิ่งสำคัญสุดคือความตั้งใจกับพยายามค่ะ โชคอาจช่วยบ้างตอนเดาค่ะ
เดาก็ขอให้เดาอย่างมีหลักการนะคะ เช่น Prefix Suffix นี้น่าจะให้ความหมายเชิงบวก แล้วก็ตัดช้อยส์เอาค่ะ
ไม่บอกให้โชคดีนะคะ แต่จะบอกให้ตั้งสติสมาธิดีๆ และที่พยายามมาจะส่งผลเองค่ะ สิ่งที่ควรทำคือเตรียมตัวและฝึกบ่อยๆเท่านั้นค่ะ สู้ๆค่ะ
ถ้ามีเวลาจะมาอัพเรื่องแนวข้อสอบกับหลักการดูต่างๆที่เคยเจอบ่อยๆให้นะคะ