คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สมัยโบราณชุมชนต่าง ๆมันไม่ได้อยู่ใกล้กันแต่ละชุมชนแต่ละเมืองอยู่ห่างกัน
หากไม่มีการแจ้งข่าวจากชุมชนที่โดยปล้นสะดมและรอดมาแจ้งข่าวได้ก็ยากที่จะตั้งตัว
คิดกันง่าย ๆ เหมือนเราทำมาหากินปลูกผัก จักตอก สานตระก้า กระบุง หาปลาอยู่ในหมู่บ้าน
คนที่ออกไปหาของป่า ไปทำไร่ไถนาก็อยู่ไม่ไกลจากระแวกหมู่บ้านหรือชุมชนมากหรอก
อย่างมากก็ไม่กี่กิโลเมตรและกว่าจะวิ่งมาแจ้งข่าว กองกำลังของข้าศึกก็ประชิดมาเรื่อย ๆ
กว่าที่จะบอกข่าวแก่คนในหมู่บ้าน กว่าข่าวจะกระจายออกไป ไหนจะข้าวของที่ต้องขนไปอีก
มันแทบไม่มีเวลาตั้งตัวเลย ลำพังแค่วิ่งตามหาลูกหลานก็ใช้เวลาพอควรแล้ว
หากไม่มีการแจ้งข่าวจากชุมชนที่โดยปล้นสะดมและรอดมาแจ้งข่าวได้ก็ยากที่จะตั้งตัว
คิดกันง่าย ๆ เหมือนเราทำมาหากินปลูกผัก จักตอก สานตระก้า กระบุง หาปลาอยู่ในหมู่บ้าน
คนที่ออกไปหาของป่า ไปทำไร่ไถนาก็อยู่ไม่ไกลจากระแวกหมู่บ้านหรือชุมชนมากหรอก
อย่างมากก็ไม่กี่กิโลเมตรและกว่าจะวิ่งมาแจ้งข่าว กองกำลังของข้าศึกก็ประชิดมาเรื่อย ๆ
กว่าที่จะบอกข่าวแก่คนในหมู่บ้าน กว่าข่าวจะกระจายออกไป ไหนจะข้าวของที่ต้องขนไปอีก
มันแทบไม่มีเวลาตั้งตัวเลย ลำพังแค่วิ่งตามหาลูกหลานก็ใช้เวลาพอควรแล้ว
แสดงความคิดเห็น
[ประวัติศาสตร์-อาวุธ]สงสัยเรื่องเหตุการณ์ที่ศัตรูบุกเมือง,หมู่บ้าน ว่า?
ในความจริง มันเป็นไปได้จริงเรอะ ที่ฝ่ายรุกจู่ๆก็วิ่งพรวดเข้าเขตชุมชนเหมือนวาร์ปมา โดยที่ไม่มีชาวบ้านละแวกนั้นรู้เห็นเลย
ทั้งที่ๆคนเป็นหลักร้อยๆ หรืออย่างน้อยก็หลายสิบเดินลุยป่ามา คนที่ตัดไม้,ยิงนกในป่าจะไม่เห็นก่อนเลย? ยิ่งเข้าใกล้ชุมชนซึ่งมีไร่นาที่โล่งๆ ชาวบ้านเขาน่าจะเห็นไวกิ้ง หรือ พม่าตั้งแต่ระยะไกลๆลิบแล้ว น่าจะรู้ตัวหลบหนีแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่เหมือนโดนผีบังตา จนฝ่ายศัตรูแห่มาเต็มหมู่บ้านนั่นแหละ