บางคนว่าความรักสวยงามเสมอ หากมันอยู่ถูกที่ ถูกเวลาและถูกคน
แต่งในขณะเดียวกันมันก็เหมือนหนามคอยทิ่มแทงหากมันมา ผิดเวลา
วันนี้ วันที่เค้าหมั้นกัน ใจเราพยายามเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ คิดซ่ะว่ามันไม่ใช่ของเรา
แต่ความรักที่แอบสะสมจาเรามานานเกือบสิบปี มันทำใจไม่ได้ง่ายๆเลย
เข้าใจความรู้สึกของคนที่บอกว่าเหมือนหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆเลย มันโค๊ดเจ็บ
เราแอบชอบพี่คนนึ่งตั้งแต่สมัยมัธยมมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปี
เริ่มแรกรู้จักเลยคือเราอยู่หมู่บ้านติดกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน
พี่เค้าย้ายมาต่อม.สอง รร.ที่เราเรียนอยู่ สมัยนั้นเรายังไม่รู้จักความรักอีก
จนวันที่เจอพี่เค้าครั้งแรก รู้สึกถูกชะตา เรียนๆไป รู้ว่าพี่เค้าเรียนเก่งมาก เป็นผู้นำด้วย
แรกๆเริ่มแค่รู้สึกประทับใจ ปลื้ม แต่พอนานๆไป มีคนมาจีบเรา แต่เราเมินเฉยใส่หมดเลย
พี่เค้าเหมือนเป็น love at first sight ของเรา ชอบมาก รักมาก จนไม่กล้าเปิดใจให้คนอื่นเลย
รู้ตัวอีกที ผ่านมาเกือบสิบปีเราก็ยังโสดอยู่
ปกติเราจะได้รับรางวัลเรียนดีทุกปี และบางปีก็ได้เป็นนร.ดีเด่นของรร.ด้วย
แต่โค้งสุดท้ายของชีวิตมัธยม เป็นช่วงที่พี่เค้าเป็นประธานนร. และเราเป็นสภา
เป็นปีแรกที่ทางโรงเรียนให้รางวัลนร.ดีเด่นสองคน นั้นคือเราและพี่เค้า
เป็นปีที่ดีใจมาก ได้คุยกันมากขึ้น สนิทขึ้นมาอีกขั้นนึง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะพี่เค้าก็เป็นขวัญใจสาวๆเกือบทั้งรร.
ส่วนเราก็อยู่ในพารท์ของคนแอบชอบและแอบทำอะไรให้ลับหลังอยู่ร่ำไป
มีเขียนข้อความในกระดาษพับดาวเป็นร้อยดวงแต่ไม่กล้าให้ และของเล็กๆน้อยๆ น่ารักๆอีกเยอะเก็บใส่ตู้ ไม่กล้าให้ซักที
จนมาถึงช่วงเรียนมหาลัย ต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนต่างประเทศ (คนละประเทศด้วยกับพี่เค้า)
พี่เค้าแอดไลน์มาหา (เห็นพี่แกบอกได้มาจากเพื่อนอีกทีนึง)
ได้คุยแค่ไม่กี่ประโยค ถามสารทุกข์สุขดิบตามประสา ดีใจมากกกกกกกกกที่พี่เค้าทักมา แต่ไม่กล้าถามมาก กลัวพี่เค้ารำคาญ
จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่ไม่บ่อย แต่ก็ไม่เคยขาดหายไปเลย จนผ่านมาสองปีที่คุยกัน (ปีที่แปด)
พี่เค้าถามมาตรงๆเลยว่าคิดยังไงกับเค้า เราก็บอกตรงๆไปเช่นกันว่าชอบ ชอบมากด้วย ชอบมานานแล้ว
จนผ่านมาอีกปี พี่เค้าของเราแต่งงานแล้วบอกให้ย้ายที่เรียนไปอยู่ที่ประเทศที่เค้าเรียน
วันนั้นดีใจมากกกกกกก ถึงมากที่สุด เลยเล่าให้แม่ฟัง
และแม่ก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่างเพราะทางบ้านรู้จักครอบครัวพี่เค้าดี และรู้ว่าพี่เค้าเป็นคนดีมากกกกกกกก
แต่ ๆ ๆ ๆ มาสะดุดตรงที่ เค้าขอแต่งงานปีนั้นเลย และให้เราย้ายที่เรียนไปอยู่กับเค้า
ซึ่งสำหรับคนที่เรียนต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการโอนหน่วยกิต สมัครเรียน ย้ายไปมา
ซึ่งทางบ้านก็แก้ปัญหาด้วยการตัดสินใจให้รออีกสองปี จนกว่าเราจะเรียนจบ แล้วค่อยแต่ง
แต่ฝั่งพี่เค้าเหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วย จนในที่สุด พี่เค้าก็บอกเราว่า
'หากเราเป็เนื้อคู่กันจริง ซักวันนึง เราก็ต้องมาเจอกันอยู่ดี ช่วงนี้ก็ให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่
อย่างไม่ต้องมีอะไรมาผูกมัด หากใครคนนึงเจอคนที่ดีกว่า ก็ควรยินดีไปด้วย'
จากนั้นมาก็เริ่มห่างๆ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้ใจตัวเอง คุยสามเดือนครั้งได้มั่งถามข่าวคราว
ส่วนเราก็อยู่เป็นโสดดดดดดดดดดดดแบบนี้มาเกือบสิบปีไม่เคยมองคนอื่นเลย
จนถึงวันนี้ มีรุ่นน้องที่อยู่ที่เดียวกับพี่เค้าซึ่งเป็นญาติห่างๆเรา มาบอกข่าวว่า "พี่เค้าหมั้นแล้วน่ะ กำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้"
ไม่มีการบอกกล่าวลาให้เราทำใจเลยซักคำ เหมือนหัวใจเราได้แตกสลายไปแล้ว
มันผิดที่เราเองรึเปล่า ที่ยอมปล่อยเค้าไปในวันนั้น แต่ทำไมความรู้สึก รสชาติของความรัก มันถึงได้เจ็บเพียงนี้
แอบรักพี่คนนึงมาเกือบสิบปี จนถึงวันที่พี่เค้าหมั้น...กับคนอื่น
แต่งในขณะเดียวกันมันก็เหมือนหนามคอยทิ่มแทงหากมันมา ผิดเวลา
วันนี้ วันที่เค้าหมั้นกัน ใจเราพยายามเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ คิดซ่ะว่ามันไม่ใช่ของเรา
แต่ความรักที่แอบสะสมจาเรามานานเกือบสิบปี มันทำใจไม่ได้ง่ายๆเลย
เข้าใจความรู้สึกของคนที่บอกว่าเหมือนหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆเลย มันโค๊ดเจ็บ
เราแอบชอบพี่คนนึ่งตั้งแต่สมัยมัธยมมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปี
เริ่มแรกรู้จักเลยคือเราอยู่หมู่บ้านติดกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน
พี่เค้าย้ายมาต่อม.สอง รร.ที่เราเรียนอยู่ สมัยนั้นเรายังไม่รู้จักความรักอีก
จนวันที่เจอพี่เค้าครั้งแรก รู้สึกถูกชะตา เรียนๆไป รู้ว่าพี่เค้าเรียนเก่งมาก เป็นผู้นำด้วย
แรกๆเริ่มแค่รู้สึกประทับใจ ปลื้ม แต่พอนานๆไป มีคนมาจีบเรา แต่เราเมินเฉยใส่หมดเลย
พี่เค้าเหมือนเป็น love at first sight ของเรา ชอบมาก รักมาก จนไม่กล้าเปิดใจให้คนอื่นเลย
รู้ตัวอีกที ผ่านมาเกือบสิบปีเราก็ยังโสดอยู่
ปกติเราจะได้รับรางวัลเรียนดีทุกปี และบางปีก็ได้เป็นนร.ดีเด่นของรร.ด้วย
แต่โค้งสุดท้ายของชีวิตมัธยม เป็นช่วงที่พี่เค้าเป็นประธานนร. และเราเป็นสภา
เป็นปีแรกที่ทางโรงเรียนให้รางวัลนร.ดีเด่นสองคน นั้นคือเราและพี่เค้า
เป็นปีที่ดีใจมาก ได้คุยกันมากขึ้น สนิทขึ้นมาอีกขั้นนึง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะพี่เค้าก็เป็นขวัญใจสาวๆเกือบทั้งรร.
ส่วนเราก็อยู่ในพารท์ของคนแอบชอบและแอบทำอะไรให้ลับหลังอยู่ร่ำไป
มีเขียนข้อความในกระดาษพับดาวเป็นร้อยดวงแต่ไม่กล้าให้ และของเล็กๆน้อยๆ น่ารักๆอีกเยอะเก็บใส่ตู้ ไม่กล้าให้ซักที
จนมาถึงช่วงเรียนมหาลัย ต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนต่างประเทศ (คนละประเทศด้วยกับพี่เค้า)
พี่เค้าแอดไลน์มาหา (เห็นพี่แกบอกได้มาจากเพื่อนอีกทีนึง)
ได้คุยแค่ไม่กี่ประโยค ถามสารทุกข์สุขดิบตามประสา ดีใจมากกกกกกกกกที่พี่เค้าทักมา แต่ไม่กล้าถามมาก กลัวพี่เค้ารำคาญ
จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่ไม่บ่อย แต่ก็ไม่เคยขาดหายไปเลย จนผ่านมาสองปีที่คุยกัน (ปีที่แปด)
พี่เค้าถามมาตรงๆเลยว่าคิดยังไงกับเค้า เราก็บอกตรงๆไปเช่นกันว่าชอบ ชอบมากด้วย ชอบมานานแล้ว
จนผ่านมาอีกปี พี่เค้าของเราแต่งงานแล้วบอกให้ย้ายที่เรียนไปอยู่ที่ประเทศที่เค้าเรียน
วันนั้นดีใจมากกกกกกก ถึงมากที่สุด เลยเล่าให้แม่ฟัง
และแม่ก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่างเพราะทางบ้านรู้จักครอบครัวพี่เค้าดี และรู้ว่าพี่เค้าเป็นคนดีมากกกกกกกก
แต่ ๆ ๆ ๆ มาสะดุดตรงที่ เค้าขอแต่งงานปีนั้นเลย และให้เราย้ายที่เรียนไปอยู่กับเค้า
ซึ่งสำหรับคนที่เรียนต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการโอนหน่วยกิต สมัครเรียน ย้ายไปมา
ซึ่งทางบ้านก็แก้ปัญหาด้วยการตัดสินใจให้รออีกสองปี จนกว่าเราจะเรียนจบ แล้วค่อยแต่ง
แต่ฝั่งพี่เค้าเหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วย จนในที่สุด พี่เค้าก็บอกเราว่า
'หากเราเป็เนื้อคู่กันจริง ซักวันนึง เราก็ต้องมาเจอกันอยู่ดี ช่วงนี้ก็ให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่
อย่างไม่ต้องมีอะไรมาผูกมัด หากใครคนนึงเจอคนที่ดีกว่า ก็ควรยินดีไปด้วย'
จากนั้นมาก็เริ่มห่างๆ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้ใจตัวเอง คุยสามเดือนครั้งได้มั่งถามข่าวคราว
ส่วนเราก็อยู่เป็นโสดดดดดดดดดดดดแบบนี้มาเกือบสิบปีไม่เคยมองคนอื่นเลย
จนถึงวันนี้ มีรุ่นน้องที่อยู่ที่เดียวกับพี่เค้าซึ่งเป็นญาติห่างๆเรา มาบอกข่าวว่า "พี่เค้าหมั้นแล้วน่ะ กำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้"
ไม่มีการบอกกล่าวลาให้เราทำใจเลยซักคำ เหมือนหัวใจเราได้แตกสลายไปแล้ว
มันผิดที่เราเองรึเปล่า ที่ยอมปล่อยเค้าไปในวันนั้น แต่ทำไมความรู้สึก รสชาติของความรัก มันถึงได้เจ็บเพียงนี้