สวิตเซอร์แลนด์ : ขอวีซ่าสวิตเซอร์แลนด์อย่างไรไม่ให้ถูกปฏิเสธ 2016

                 สวัสดีค่ะ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเราเพิ่งมีโอกาสได้ไปขอยื่นวีซ่าเชงเก้นจากสถานทูตที่ได้ชื่อว่ายุ่งยากที่สุดในปฐพี ซึ่งไหนๆก็หาข้อมูลทำของตัวเองจนเสร็จแล้วเลยอยากมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่าได้ไปพบเจอกับอะไรมาบ้าง ตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมเอกสารยันได้เล่มพาสปอร์ตกลับมาค่ะ

                เรากับครอบครัวมีแพลนเดินทางไปเที่ยวสวิตฯเองต้นเดือนเมษายนนี้ค่ะ โดยซื้อตั๋วเครื่องบินและจองที่พักเรียบร้อยหมดแล้ว เหลืออย่างเดียวที่หนักใจคือวีซ่านี่เอง เราเคยขอวีซ่าเชงเก้นมาแล้ว 2 ครั้งค่ะ ครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้วขอกับสถานทูตออสเตรีย สมัยนั้น ให้บริษัททัวร์ไปจัดการหมด เราไม่ต้องไปขอเอง ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ไปขอเองกับสถานทูตฝรั่งเศส พอมีประวัติขอเชงเก้นผ่าน 2 ครั้งแบบนี้ เราก็คิดว่าครั้งนี้เอกสารคงไม่น่ามีปัญหาอะไรให้หนักใจหรอก แต่พอมาเจอกับตัวเองจริงๆเข้าถึงได้เริ่มรู้สึกว่า โอ้โห ยุ่งยากสมคำร่ำลือจริงๆ   


Stage 1 : เตรียมเอกสาร


                การขอวีซ่าเชงเก้นสวิตฯ สามารถขอได้ 2 ช่องทางด้วยกันค่ะ คือ ขอโดยตรงกับทางสถานทูตสวิตฯและขอผ่าน TLS (ขอบคุณสมาชิกคนอื่นที่มาท้วงนะคะว่ายังขอกับสถานทูตได้ เราอาจจะเช็คไม่ดีเอง ขอโทษด้วยค่ะ) โดยเราขอผ่าน TLS ค่ะ

                การขอวีซ่าผ่านทาง TLS ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ คือนัดคิวได้ง่าย ไม่ต้องรอนาน มีระบบกรอกข้อมูลรวมถึงจองคิวผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ได้และเดินทางสะดวกเพราะติดกับรถไฟฟ้าสถานีช่องนนทรี ซึ่งนอกเหนือจากค่าขอวีซ่าประมาณ 2,400 บาทที่ต้องจ่ายปกติแล้วจะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับทาง TLS เพิ่มประมาณ 700-800 บาทค่ะ

                โดยการยื่นเอกสารผ่าน TLS ขั้นตอนที่ต้องทำคือเข้าเว็บ https://www.tlscontact.com/th2ch/login.php  เพื่อลงทะเบียนกับทาง TLS ค่ะ พอเสร็จจะมีเมลล์มาให้ยืนยันบัญชี ก็กดยืนยันไปเป็นอันลงทะเบียนเรียบร้อยค่ะ

                จากนั้นให้ Log in เข้าเว็บแล้ว กรอกฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษและเยอรมัน แน่นอนว่างงกันแน่นอนค่ะ เราเลยแปลแบบคร่าวๆมาให้ จะได้กรอกสะดวกกันมากขึ้น เพราะบางอันมันงงมากจริงๆค่ะ

1.นามสกุล
2.นามสกุลตอนเกิด , นามสกุลก่อนหน้านามสกุลปัจจุบัน
3.ชื่อ
4.วันเกิด (เช่น 01-01-1994)
5.สถานที่เกิด
6.ประเทศที่เกิด
7.สัญชาติปัจจุบัน , สัญชาติตอนเกิด
8.เพศ
9.สถานภาพ
10.กรณียังเป็นผู้เยาว์ใส่นามสกุล ชื่อ ที่อยู่และสัญชาติของผู้ปกครอง
11.เลขประจำตัวประชาชน
12.ประเภทของพาสปอร์ตที่ถือ
13.เลขที่พาสปอร์ต
14.วันออกพาสปอร์ต
15.วันหมดอายุพาสปอร์ต
16.ออกให้โดย
17.ที่อยู่ อีเมลล์ และเบอร์โทรศัพท์
18.อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศเดียวกับสัญชาติปัจจุบันหรือไม่
19.อาชีพปัจจุบัน
20.ชื่อ เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของบริษัทที่ทำงาน (กรณีนักเรียนนักศึกษาใส่ของโรงเรียนและมหาลัยค่ะ)
21.จุดประสงค์ของการเดินทาง
22.ประเทศที่เราจะไป
23.ประเทศแรกในกลุ่มเชงเก้นที่เราเดินทางไปถึง (คือเราเข้าตม.ของเชงเก้นที่ประเทศไหนที่แรกอะค่ะ)
24.จำนวนครั้งที่ต้องการเข้ากลุ่มประเทศเชงเก้น
25.จำนวนวันที่จะอยู่ในประเทศเชงเก้น (นับตั้งแต่เราเข้าตม.ในประเทศเชงเก้นยันเราออกเลยค่ะ)
26.เคยได้รับวีซ่าเชงเก้นใน 3 ปีที่ผ่านมาหรือเปล่า (หากเคยทำระบุเวลาที่ได้วีซ่าด้วยนะคะ)
27.เคยถูกเก็บลายนิ้วมือโดยระบบของเชงเก้นมาก่อนหรือเปล่า (หากเคยระบุวันที่เก็บลายนิ้วมือด้วยนะคะ)
28.ใบอนุญาตเข้าประเทศสุดท้ายที่ไม่ใช่เชงเก้น กรณีเดินทางผ่านประเทศเชงเก้นไปยังประเทศที่ไม่ใช่เชงเก้น (ถ้าไปแค่เชงเก้น ไม่ต้องกรอกค่ะ)
29.วันที่เข้าประเทศเชงเก้น
30.วันที่ออกจากประเทศเชงเก้น
31.ชื่อ-นามสกุลของผู้เชิญ (ถ้าไม่มีใครเชิญ ให้ใส่ชื่อโรงแรมที่ไปพักค่ะ) , อีเมลล์ของผู้เชิญ (กรณีไม่มีใครเชิญ ใส่ที่อยู่โรงแรม) , เบอร์โทรศัพท์โรงแรม
32.ชื่อและที่อยู่บริษัทของผู้เชิญ (ถ้าไม่มีใครเชิญ ไม่ต้องใส่อะไรค่ะ)
33.ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ให้เลือกระหว่างตัวเองหรือมีคนอื่นเป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ (ถ้ามีสปอนเซอร์ให้ระบุด้วยนะคะว่าเป็นใคร เช่น พ่อแม่) จากนั้นให้ติ๊กว่ามีค่าอะไรบ้าง
34.ข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกครอบครัวที่เป็นพลเมืองของ EU EEA CH (ถ้าไม่มี ไม่ต้องใส่ค่ะ)
35.สถานะของสมาชิกในครอบครัวกับคนที่เป็นพลเมือง EU EEA CH (ถ้าไม่มี ไม่ต้องใส่ค่ะ)
36.สถานที่และวันที่ (เช่น Bangkok 23/02/2016)
37.เซ็นชื่อ
แล้วก็ใส่สถานที่ วันที่และเซ็นชื่อช่องข้างล่างสุดด้วยนะคะ

                   เป็นไงคะ แค่กรอกฟอร์มขอวีซ่าก็เอามึนกันเลยใช่ไหมคะ 555 เราเองนั่งงมกับคุณแม่ว่าต้องกรอกตรงไหนอะไรยังไงบ้างนานมาก บางอันไม่แน่ใจก็หาทางออกด้วยการเสิร์ชเว็บ เสิร์ชกระทู้พันทิปหรือถ้าหาไม่เจอก็โทรไปถามที่ TLS โดยตรงก็จะได้คำตอบเหมือนกันค่ะ

                   กรอกเสร็จจะมีให้กดส่ง แล้วจะมีใบ Check List ว่าแต่ละคนที่ขอวีซ่าต้องเตรียมเอกสารอะไรแนบไปยื่นด้วยบ้าง เราก็ปริ๊นซ์ใบนั้นออกมา แล้วให้สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนไปหาเอกสารเหล่านั้นค่ะ อย่างเราก็ไปขอใบรับรองการเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย พ่อแม่ไปทำเรื่อง Statement ธนาคาร ใบรับรองการทำงาน ใบจดทะเบียนบริษัท(ต้องแปลไปด้วยนะคะ)

                  ปริ๊นใบ Check List แล้ว เลื่อนหน้าเว็บลงมาจะมีให้จองคิวออนไลน์ได้ค่ะ เราก็เลือกวันเวลาตามที่เราสะดวก เผื่อเวลาเตรียมเอกสารด้วยนะคะเพราะค่อนข้างเยอะพอสมควร อย่างเราจองล่วงหน้าครึ่งเดือนกว่าๆเลยค่ะ พอจองคิวเรียบร้อยแล้วจะมีเมลล์มายืนยันนัดอีกครั้งหนึ่ง ให้ปริ๊นเมลล์ออกมาด้วยนะคะเพราะมันจะมีบาร์โค้ดการนัดของเราอยู่ เอาไว้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตอนถึงคิวเราค่ะ

                 ส่วนรูปถ่ายที่ใช้เป็นรูปขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว ที่บ้านไปถ่ายรูปพร้อมกันที่ร้านประจำแถวๆท่าพระจันทร์ค่ะ สังเกตง่ายๆว่าใบหน้าของเราจะกินพื้นที่รูปไปกว่า 3 ส่วน 4 ถ้าถ่ายออกมาแล้วหน้าใหญ่ เห็นปกเสื้อนิดหน่อยคือถูกต้องชัวร์ค่ะ 55555 (ดูตัวอย่างรูปที่ถูกต้องได้ที่ https://www.tlscontact.com/th2ch/help.php?id=picture_tips&l=th) การขอวีซ่าใช้ 2 รูปนะคะ รูปนึงติดลงในแบบฟอร์มการขอและอีกรูปแนบไปในเล่มพาสปอร์ตเลยค่ะ

                 เอกสารที่บังคับต้องเตรียมไปอีกอย่างคือ เอกสารประกันการเดินทางค่ะ สถานทูตจะรับรองอยู่เพียงไม่กี่บริษัทตามนี้ https://www.tlscontact.com/th2ch/upload/travel_health_insurance_th_2ch.en.pdf   ทุนประกันไม่น้อยกว่า 1.5 ล้าน คุณแม่ดูอยู่หลายบริษัทค่ะ อ่านรีวิวเป็นวันๆอีกเช่นเคย จนสุดท้ายเราตัดสินใจซื้อกับบริษัท AIG ค่ะ กรอกแบบฟอร์มในเว็บแล้วตัดบัตรเครดิต สามารถปริ๊นกรมธรรม์ออกมาได้เลย เราทำประกันประเภท C ตกคนละ 1,059 บาทค่ะ

                 ต่อมาคือเอกสารตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่ยืนยันแล้ว เราปริ๊นแบบ E-Ticket ไปค่ะ จะมีระบุไฟลท์ไปกลับรวมถึงทรานซิทชัดเจน ส่วนโรงแรม เราจองใน booking.com ยังไม่ได้จ่ายเงิน แต่ต้องใส่ชื่อผู้ร่วมเดินทางทุกคนตรงรายชื่อคนเข้าพักด้วยนะคะ ใครจองแล้วลืมใส่ สามารถเข้าไปแก้ไขได้ในเว็บ booking.com เลยค่ะ

                ในส่วนของแผนการเดินทาง ไม่ต้องซีเรียสมากนะคะ ให้ทำเป็นตารางว่าแต่ละวันไปเที่ยวเมืองไหนบ้างคร่าวๆก็พอ ของเรานั่งทำแบบจริงจังมาก มีรายละเอียดว่าไปเที่ยวสถานที่ไหนของแต่ละเมืองบ้างด้วย เลยปาเข้าไป 4 หน้าแน่ะ แม่เห็นยังตกใจ ของคนอื่นเขาทำกันครึ่งหน้าเอง 555555

                 และสุดท้ายเอกสารทางการเงิน เนื่องจากเรายังไม่มีรายได้ จึงให้พ่อแม่เป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ โดยพ่อกับแม่ให้ธนาคารออกใบรับรองให้ ส่วนเอกสารของพ่อแม่ ทางบ้านเราทำเป็นสำเนาบุ๊คแบงค์และให้ธนาคารปั๊มรับรองให้ค่ะ ซึ่งส่วนนี้เราไม่แนะนำให้ทำตาม 5555 เป็นเพราะอะไร เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆแล้วจะรู้ค่ะ


ตัวอักษรไม่พอ อ่านต่อที่คอมเม้น 1 นะคะ

---