วิกฤตหนังไทย?
กีดกันโรงฉาย / คนไทยไม่อุดหนุนหนังไทย
.......................................
เห็นข่าวมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วเรื่องตลาดหนังไทยซบเซา
มาจนถึงปีนี้ที่ผู้สร้างโอดครวญกันระงม จนเป็นข่าวเรื่องการกีดกันโรงฉาย
ผมขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนดูหนัง ทีละประเด็นนะครับ
----------------------------------------------------
1.กีดกันโรงฉาย ไม่ซื้อโฆษณา ไม่ได้โรงฉาย
----------------------------------------------------
กลายเป็นข่าวอึกทึกคึกโครม เมื่อมีทีมผู้สร้างหนังออกมาบอกว่า
ถ้าไม่ซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์จะโดนลดโรงฉาย
ซึ่งค่าโฆษณานั้นแพงลิบลิ่ว ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ผลิตสูงขึ้นไปอีก
บางกระแสก็บอกว่าโรงหนังมีส่วนได้เสียกับโฆษณาในหนังสือพิมพ์หัวสี
แต่สำหรับผมนะ จะมีหรือไม่มี ในมุมธุรกิจโรงหนังน่ะได้เห็นๆครับ
เพราะคนไปดูหนังก็ไปดูที่โรง ถ้าหนังไม่มีคนรู้จัก ใครมันจะไปดูครับ
โฆษณาเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้คนรู้จักมากขึ้น
ไม่ว่าจะบนหน้าหนังสือพิมพ์ บนโลกโซเชี่ยลหรือ TV ก็ตาม
อาจจะดูเหมือนโรงหนังใจร้ายนะ ที่ทำแบบนี้ เป็นการทำธุรกิจที่โหดมาก
แต่ถ้ามองกลับกัน ในมุมของโรงหนัง
หนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นถึงจะฉายซ้ำๆ กันแทบทุกโรง
แต่มันมีคนต้องการดูมากกว่าหนังทุนต่ำ โนเนมมากๆครับ
จำนวนโรง จำนวนรอบ มันมีจำกัด
ถ้าโรงหนังเพิ่มรอบให้กับหนังไม่ทำเงิน แล้วมีคนเข้าไปดู 4-5คน
สู้ฉายหนังซ้ำๆกัน แล้วมีคนดู 20-30 คน ในแต่ละโรง ยังทำกำไรได้มากกว่า
ในมุมคนชอบดูหนังแบบผม
ผมก็ไม่ค่อยชอบนะ ที่หนังในโรงมีแต่เรื่องซ้ำๆกัน
เพราะพอดูหนังฟอร์มยักษ์ประจำสัปดาห์ไปแล้ว
มันหารอบดูหนังฟอร์มเล็กยากมากๆ
บางเรื่องหนังดีมาก แต่หารอบดูไม่ได้
ซึ่งผมก็เข้าใจในมุมธุรกิจของโรงหนังครับ
ถ้าบริหารแล้ว ยอดกำไรไม่โต
ผู้ถือหุ้นก็ด่าผู้บริหารโรงหนังแน่นอน
อย่างเครือเมเจอร์ก็เป็นบริษัทมหาชนนะ
ผู้ถือหุ้นรายย่อยก็เป็นประชาชนทั่วไปนี่แหละ
บางคนอาจจะไม่ชอบกับการทำธุรกิจแบบนี้
แต่ทุกวันนี้โมเดลลักษณะคล้ายๆแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมด
ร้านสะดวกซื้อ หรือ ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ บางเจ้าก็ผลักภาระโฆษณา/โปรโมชั่นให้ผู้ผลิต
การนำสินค้าไปวางใน Shelf ก็มีค่าวาง ทำเลดีๆหยิบสินค้าง่ายๆต้องเสียเงินเช่าที่วางเลย
อยากให้แก้มั้ย ก็อยากนะ แต่ธุรกิจมันไม่ใช่การกุศล
ทุกธุรกิจก็อยากอยู่รอดทั้งนั้น
----------------------------------------------------
2.คนไทยไม่อุดหนุนหนังไทย
แล้วใครจะอุดหนุน.......................?
----------------------------------------------------
ผมก็สงสัยนะว่าใครช่างคิดว่า "คนไทยควรอุดหนุนหนังไทย"
หนังบางเรื่อง ดูจบแล้วผมก็สงสัยจนอยากถามกลับเหมือนกันว่า "แล้วใครจะอยากอุดหนุน หนังที่ทำลวกๆแบบนี้"
(หนังดีๆก็มีนะ แต่หัวข้อนี้ขอพูดถึงหนังแย่ๆก่อนเลย)
ตามความคิดเห็นของผมนะ ผมชอบดูหนัง ถ้าหนังดี ผมไม่เกี่ยงหรอกครับ ว่าหนังของคนชาติไหน แต่ถ้าหนังมันไม่น่าดูเนี่ย มันก็เงินของผม สิทธิ์ของผมเหมือนกัน ที่จะไม่เสียเงิน ไม่เสียเวลาให้
หนังไทยบางเรื่องทำออกมาคุณภาพย่ำแย่มาก
ตั้งแต่ตัวอย่างหนัง ที่ตัดต่อออกมาลวกๆ
คือก็ขออภัยนะครับ ถ้าตั้งใจทำแล้ว แต่ความตั้งใจของทีมงานบางเรื่อง มันสู้คุณภาพของหนังในท้องตลาดไม่ได้จริงๆ
(บางเรื่องยังสู้ Channel ของมือสมัครเล่นบน Youtube ไม่ได้ด้วยซ้ำ)
ถ้าทำหนังออกมาแล้วอยากให้คนไปดู ไปอุดหนุน
ก็ต้องทำหนังที่คนอยากไปดูสิครับ
อยากจะอาร์ต อยากจะอินดี้ ทำหนังตามอำเภอใจ ก็ไม่มีใครห้ามหรอก เพราะมันก็เป็นเงินของผู้ผลิต
แต่ตอนหนังขายไม่ออก อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดของคนดู ที่ไม่อุดหนุนหนังของคุณ
คุณทำสินค้าไม่ดีมาขาย ใครจะอยากซื้อ
หรือ ถึงทำสินค้าดีมาขาย แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งที่คนต้องการ ใครเขาจะซื้อ
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆนะ
- ถ้าทุกวันนี้มีคนทำกล้องดิจิตอลความละเอียด 128x128 pixel มาขาย จะมีคนซื้อมั้ยครับ
ก็คงไม่มี เพราะคุณภาพมันต่ำกว่าคุณภาพกล้องดิจิตอลในตลาด
- ถ้ามีคนทำกล้องฟิล์มคุณภาพสูงออกมาขาย จะมีคนซื้อมั้ยครับ
อาจจะมีนะ แต่คนส่วนใหญ่ไปซื้อกล้องดิจิตอลกันหมดแล้ว กลุ่มลูกค้าของคุณอาจจะเล็กเกินไป
- กล้อง 2 ตัวนี้ ถ้าให้ห้างใหญ่ๆไปวางขาย เค้าก็อาจจะไม่รับวาง
เพราะมันเสียโอกาสที่เค้าจะวางสินค้าชิ้นอื่นที่มันขายง่าย และขายได้ มากกว่าไปครับ
โรงหนังก็เหมือนกัน เค้าก็คงไม่เอาหนังที่เหมือนกับกล้อง2ตัวข้างต้นมาขาย
คนดูก็เลือกนะครับ ว่าหนังเรื่องไหนน่าดู หรือไม่น่าดู
ที่ผ่านมาในค่ายหนังไทยมีเพียง GTH ที่ตอบโจทย์ข้อนี้ของคนดูได้บ่อยสุด (ค่ายอื่นก็มีหนังดีหลายเรื่องนะ แต่ไม่ดังเท่า)
เพราะหนังของ GTH แต่ละเรื่องมีกิมมิคตอนโปรโมต มีความน่าสนใจ
คนเลยอยากดู บางคนก็กลัวโดนสปอยล์ก่อนได้ดู
ในขณะที่หนังบางเรื่อง แค่ดูตัวอย่างก็เหมือนกับดูหนังไปแล้วเกือบทั้งเรื่อง
แล้วใครจะเสียเงินเข้าไปดูอีกล่ะครับ
----------------------------------------------------
3.ทางออกหนังไทยมีอะไรบ้าง
----------------------------------------------------
ข้อนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆเลยนะ
เผื่อผู้ผลิตหนัง/ค่ายหนังจะได้อ่าน
ผมคิดว่าหนังไทยยังมีทางออกจากวงจรอุบาทว์นี้อยู่
(หนังห่วย -> คนเลิกดู -> หนังดีก็เจ๊งตามเพราะคนดูเข็ดขยาด)
3.1 นำเสนอสิ่งที่หนังต่างประเทศเลียนแบบไม่ได้
หนังต่างประเทศมักไม่ค่อยเล่าวัฒนธรรมไทยหรอกครับ หรือถึงเล่าก็ไม่เนียนเท่าคนไทยเล่า
คำว่าวัฒนธรรมไทย ผมไม่ได้หมายถึงโขน รำไทย ดนตรีไทยนะครับ
แต่ผมหมายถึงภาพรวมของสิ่งที่มีอยู่ในไทย
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยชอบทำ สิ่งที่เป็นปัญหาสังคมอยู่ลึกๆ
สิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของคนไทย
ยังไงฝรั่งก็เลียนแบบไม่ได้ครับ และคงไม่พยายามจะเลียนแบบด้วย (เพราะตลาดบ้านเราเล็กกว่าเค้า)
หนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์ถล่มบ้านเมือง
เราไปทำก็คงสู้เค้าไม่ได้เพราะทุนสร้างมันผิดกัน
แต่สิ่งที่เราสู้ได้คือบทหนัง บทที่เจาะลึกลงไปในใจของคนไทย
คนต่างชาติยากที่จะสู้ได้ เพราะเค้าไม่ได้คลุกคลีอยู่กับเรา
สิ่งที่น่าเสียดายคือ หลายๆครั้งเห็นหนังไทยพยายามจะทำตัวเป็นหนังญี่ปุ่นบ้าง เกาหลีบ้าง
แล้วก็เป็นญี่ปุ่นปลอมๆ เกาหลีปลอมๆ ทั้งๆที่เราก็มีของดี ที่เราขายคนไทยได้อยู่แล้วแท้ๆ
3.2 หนังไม่จำเป็นต้องดูในโรง
ยุคนี้แล้วครับ content ทั้งหลายแหล่ มันไม่ได้อยู่เฉพาะในโรงหรอกครับ
ช่องทางออนไลน์ก็มีออกเยอะแยะ Youtube, Line TV ก็สร้างเงินได้เช่นกัน
หนังเลือกทำให้เหมาะได้ว่าอยากจะขายอะไร ขายใคร
ถ้าฉายในโรง ก็ต้องมั่นใจในระดับนึงว่า ในราคาตั๋วใบละ 200 เท่ากับหนังฮอลลีวู้ด เรามีดีไปสู้กับเขา
เพราะหนังโรงมันราคาเท่ากันทุกเรื่อง คนดูเสียเงินร่วม 200 ก็อยากจะดูหนังที่น่าดูที่สุด ณ เวลานั้นครับ
คนดูไม่ได้อยากดูเพราะมันเป็นหนังไทย หรือหนังฮอลลีวู้ด
อย่าง GTH ยุบค่ายไป ส่วนของ GDH559 ที่เกิดมาใหม่ ก็ประกาศตัวชัดเจนว่าจะเน้นทำ content
ซึ่งทำให้เห็นว่าคนทำหนังมันมีทางไปได้หลายทางครับ มันไม่ได้มีเฉพาะในโรงภาพยนตร์อย่างเดียว
ผลงานของทีมงานชุดนี้ สมัยเป็น GTH เท่าที่เคยอ่านข่าวมา บางเรื่องกำไรตั้งแต่ยังไม่ฉายด้วยซ้ำ เพราะเค้ามีโฆษณา เค้ามี Tie in สินค้าทำให้เค้าอยู่ได้
และขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ในฐานะคนดู ผมดูออกว่าอันไหน Tie in
แต่ถ้ามันไม่น่าเกลียด ผมไม่บ่นอะไรหรอกนะ (หลายเรื่องใส่มาเนียนมาก แต่จำติดตาสุดๆ)
วิกฤตนึงที่เคยเกิดในช่วงหนังไทยรุ่งเรืองคือ มีหนังบางเรื่องโฆษณาน่าเกลียดเกินไป
เช่นให้คนมาเต้นเพลงไก่ย่างหน้าร้านอาหารที่เป็นสปอนเซอร์อยู่หลายนาที
อันนั้นก็เกินไป
ถึงคุณจะเอาใจสปอนเซอร์ แต่ก็ช่วยนึกถึงใจคนที่เสียเงินไปดูหนังของคุณด้วย เพราะคนดูก็เป็นลูกค้าเหมือนกันนะ
ถ้าคุณตีหัวเข้าบ้านเค้าบ่อยๆ ทำหนังแนวๆนี้ออกมาเรื่อยๆ
คนดูก็จำได้ว่าค่ายนี้แหละ ที่ทำหนังแบบนี้ออกมา
ครั้งถัดไปเค้าก็ไม่อุดหนุนหนังของคุณแล้ว มันก็เท่านั้นครับ
ในฐานะคนที่ดูหนังต่อปีเยอะมาก บอกเลยว่ามีค่ายหนังไทยบางค่ายที่พอพูดชื่อค่ายมาแล้ว ผมไม่เสียเงินเข้าไปดูในโรงให้เสียเวลาเลย (จริงๆถึงขั้นว่า ไม่ไปลุ้นตั๋วฟรีที่ไหนด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากเสียเวลา)
ซึ่งหลังๆผมก็ไม่ค่อยเห็นผลงานของค่ายที่ทำหนังไม่โดนใจผมออกมาแล้วน่ะนะ
3.3 อยากฉายในโรง อาจจะปรับโมเดลการขาย
ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าทำได้มั้ยนะ แต่ผมเชื่อว่าถ้ารอบหนังมันแย่มาก ดูแล้วไม่น่าจะได้เงิน
ผมคิดว่าผู้ผลิต/จัดจำหน่าย ก็น่าจะลองเจรจา เหมาโรงฉายเป็นรอบๆไปเลย ยอมเสี่ยงมากขึ้นหน่อย แต่ได้รอบที่คนตีตั๋วมาดูได้ แม้จะทำยาก แต่ก็ดีกว่าได้รอบที่คนไม่ไปดูแน่ๆ
เช่น รอบเที่ยงวันธรรมดา กับรอบหลัง 5ทุ่ม ...คือถึงผมเป็นคนชอบดูหนัง
แต่ผมก็ไม่ได้อยากดูขนาดว่าจะโดดงานไปดู หรือ ต้องรอถึง 5 ทุ่มเพื่อดูหนังนอกบ้านสักเรื่องนะ
#วิกฤตหนังไทย #หนังไทย #โรงหนัง #ค่ายหนัง #movie
ขอฝากบล็อกไว้สักเล็กน้อย
ปกติผมเขียนรีวิวหนังอยู่ที่นี่นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/mereviewth
วิกฤตหนังไทย? กีดกันโรงฉาย / คนไทยไม่อุดหนุนหนังไทย
วิกฤตหนังไทย?
กีดกันโรงฉาย / คนไทยไม่อุดหนุนหนังไทย
.......................................
เห็นข่าวมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วเรื่องตลาดหนังไทยซบเซา
มาจนถึงปีนี้ที่ผู้สร้างโอดครวญกันระงม จนเป็นข่าวเรื่องการกีดกันโรงฉาย
ผมขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนดูหนัง ทีละประเด็นนะครับ
----------------------------------------------------
1.กีดกันโรงฉาย ไม่ซื้อโฆษณา ไม่ได้โรงฉาย
----------------------------------------------------
กลายเป็นข่าวอึกทึกคึกโครม เมื่อมีทีมผู้สร้างหนังออกมาบอกว่า
ถ้าไม่ซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์จะโดนลดโรงฉาย
ซึ่งค่าโฆษณานั้นแพงลิบลิ่ว ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ผลิตสูงขึ้นไปอีก
บางกระแสก็บอกว่าโรงหนังมีส่วนได้เสียกับโฆษณาในหนังสือพิมพ์หัวสี
แต่สำหรับผมนะ จะมีหรือไม่มี ในมุมธุรกิจโรงหนังน่ะได้เห็นๆครับ
เพราะคนไปดูหนังก็ไปดูที่โรง ถ้าหนังไม่มีคนรู้จัก ใครมันจะไปดูครับ
โฆษณาเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้คนรู้จักมากขึ้น
ไม่ว่าจะบนหน้าหนังสือพิมพ์ บนโลกโซเชี่ยลหรือ TV ก็ตาม
อาจจะดูเหมือนโรงหนังใจร้ายนะ ที่ทำแบบนี้ เป็นการทำธุรกิจที่โหดมาก
แต่ถ้ามองกลับกัน ในมุมของโรงหนัง
หนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นถึงจะฉายซ้ำๆ กันแทบทุกโรง
แต่มันมีคนต้องการดูมากกว่าหนังทุนต่ำ โนเนมมากๆครับ
จำนวนโรง จำนวนรอบ มันมีจำกัด
ถ้าโรงหนังเพิ่มรอบให้กับหนังไม่ทำเงิน แล้วมีคนเข้าไปดู 4-5คน
สู้ฉายหนังซ้ำๆกัน แล้วมีคนดู 20-30 คน ในแต่ละโรง ยังทำกำไรได้มากกว่า
ในมุมคนชอบดูหนังแบบผม
ผมก็ไม่ค่อยชอบนะ ที่หนังในโรงมีแต่เรื่องซ้ำๆกัน
เพราะพอดูหนังฟอร์มยักษ์ประจำสัปดาห์ไปแล้ว
มันหารอบดูหนังฟอร์มเล็กยากมากๆ
บางเรื่องหนังดีมาก แต่หารอบดูไม่ได้
ซึ่งผมก็เข้าใจในมุมธุรกิจของโรงหนังครับ
ถ้าบริหารแล้ว ยอดกำไรไม่โต
ผู้ถือหุ้นก็ด่าผู้บริหารโรงหนังแน่นอน
อย่างเครือเมเจอร์ก็เป็นบริษัทมหาชนนะ
ผู้ถือหุ้นรายย่อยก็เป็นประชาชนทั่วไปนี่แหละ
บางคนอาจจะไม่ชอบกับการทำธุรกิจแบบนี้
แต่ทุกวันนี้โมเดลลักษณะคล้ายๆแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมด
ร้านสะดวกซื้อ หรือ ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ บางเจ้าก็ผลักภาระโฆษณา/โปรโมชั่นให้ผู้ผลิต
การนำสินค้าไปวางใน Shelf ก็มีค่าวาง ทำเลดีๆหยิบสินค้าง่ายๆต้องเสียเงินเช่าที่วางเลย
อยากให้แก้มั้ย ก็อยากนะ แต่ธุรกิจมันไม่ใช่การกุศล
ทุกธุรกิจก็อยากอยู่รอดทั้งนั้น
----------------------------------------------------
2.คนไทยไม่อุดหนุนหนังไทย
แล้วใครจะอุดหนุน.......................?
----------------------------------------------------
ผมก็สงสัยนะว่าใครช่างคิดว่า "คนไทยควรอุดหนุนหนังไทย"
หนังบางเรื่อง ดูจบแล้วผมก็สงสัยจนอยากถามกลับเหมือนกันว่า "แล้วใครจะอยากอุดหนุน หนังที่ทำลวกๆแบบนี้"
(หนังดีๆก็มีนะ แต่หัวข้อนี้ขอพูดถึงหนังแย่ๆก่อนเลย)
ตามความคิดเห็นของผมนะ ผมชอบดูหนัง ถ้าหนังดี ผมไม่เกี่ยงหรอกครับ ว่าหนังของคนชาติไหน แต่ถ้าหนังมันไม่น่าดูเนี่ย มันก็เงินของผม สิทธิ์ของผมเหมือนกัน ที่จะไม่เสียเงิน ไม่เสียเวลาให้
หนังไทยบางเรื่องทำออกมาคุณภาพย่ำแย่มาก
ตั้งแต่ตัวอย่างหนัง ที่ตัดต่อออกมาลวกๆ
คือก็ขออภัยนะครับ ถ้าตั้งใจทำแล้ว แต่ความตั้งใจของทีมงานบางเรื่อง มันสู้คุณภาพของหนังในท้องตลาดไม่ได้จริงๆ
(บางเรื่องยังสู้ Channel ของมือสมัครเล่นบน Youtube ไม่ได้ด้วยซ้ำ)
ถ้าทำหนังออกมาแล้วอยากให้คนไปดู ไปอุดหนุน
ก็ต้องทำหนังที่คนอยากไปดูสิครับ
อยากจะอาร์ต อยากจะอินดี้ ทำหนังตามอำเภอใจ ก็ไม่มีใครห้ามหรอก เพราะมันก็เป็นเงินของผู้ผลิต
แต่ตอนหนังขายไม่ออก อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดของคนดู ที่ไม่อุดหนุนหนังของคุณ
คุณทำสินค้าไม่ดีมาขาย ใครจะอยากซื้อ
หรือ ถึงทำสินค้าดีมาขาย แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งที่คนต้องการ ใครเขาจะซื้อ
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆนะ
- ถ้าทุกวันนี้มีคนทำกล้องดิจิตอลความละเอียด 128x128 pixel มาขาย จะมีคนซื้อมั้ยครับ
ก็คงไม่มี เพราะคุณภาพมันต่ำกว่าคุณภาพกล้องดิจิตอลในตลาด
- ถ้ามีคนทำกล้องฟิล์มคุณภาพสูงออกมาขาย จะมีคนซื้อมั้ยครับ
อาจจะมีนะ แต่คนส่วนใหญ่ไปซื้อกล้องดิจิตอลกันหมดแล้ว กลุ่มลูกค้าของคุณอาจจะเล็กเกินไป
- กล้อง 2 ตัวนี้ ถ้าให้ห้างใหญ่ๆไปวางขาย เค้าก็อาจจะไม่รับวาง
เพราะมันเสียโอกาสที่เค้าจะวางสินค้าชิ้นอื่นที่มันขายง่าย และขายได้ มากกว่าไปครับ
โรงหนังก็เหมือนกัน เค้าก็คงไม่เอาหนังที่เหมือนกับกล้อง2ตัวข้างต้นมาขาย
คนดูก็เลือกนะครับ ว่าหนังเรื่องไหนน่าดู หรือไม่น่าดู
ที่ผ่านมาในค่ายหนังไทยมีเพียง GTH ที่ตอบโจทย์ข้อนี้ของคนดูได้บ่อยสุด (ค่ายอื่นก็มีหนังดีหลายเรื่องนะ แต่ไม่ดังเท่า)
เพราะหนังของ GTH แต่ละเรื่องมีกิมมิคตอนโปรโมต มีความน่าสนใจ
คนเลยอยากดู บางคนก็กลัวโดนสปอยล์ก่อนได้ดู
ในขณะที่หนังบางเรื่อง แค่ดูตัวอย่างก็เหมือนกับดูหนังไปแล้วเกือบทั้งเรื่อง
แล้วใครจะเสียเงินเข้าไปดูอีกล่ะครับ
----------------------------------------------------
3.ทางออกหนังไทยมีอะไรบ้าง
----------------------------------------------------
ข้อนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆเลยนะ
เผื่อผู้ผลิตหนัง/ค่ายหนังจะได้อ่าน
ผมคิดว่าหนังไทยยังมีทางออกจากวงจรอุบาทว์นี้อยู่
(หนังห่วย -> คนเลิกดู -> หนังดีก็เจ๊งตามเพราะคนดูเข็ดขยาด)
3.1 นำเสนอสิ่งที่หนังต่างประเทศเลียนแบบไม่ได้
หนังต่างประเทศมักไม่ค่อยเล่าวัฒนธรรมไทยหรอกครับ หรือถึงเล่าก็ไม่เนียนเท่าคนไทยเล่า
คำว่าวัฒนธรรมไทย ผมไม่ได้หมายถึงโขน รำไทย ดนตรีไทยนะครับ
แต่ผมหมายถึงภาพรวมของสิ่งที่มีอยู่ในไทย
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยชอบทำ สิ่งที่เป็นปัญหาสังคมอยู่ลึกๆ
สิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของคนไทย
ยังไงฝรั่งก็เลียนแบบไม่ได้ครับ และคงไม่พยายามจะเลียนแบบด้วย (เพราะตลาดบ้านเราเล็กกว่าเค้า)
หนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์ถล่มบ้านเมือง
เราไปทำก็คงสู้เค้าไม่ได้เพราะทุนสร้างมันผิดกัน
แต่สิ่งที่เราสู้ได้คือบทหนัง บทที่เจาะลึกลงไปในใจของคนไทย
คนต่างชาติยากที่จะสู้ได้ เพราะเค้าไม่ได้คลุกคลีอยู่กับเรา
สิ่งที่น่าเสียดายคือ หลายๆครั้งเห็นหนังไทยพยายามจะทำตัวเป็นหนังญี่ปุ่นบ้าง เกาหลีบ้าง
แล้วก็เป็นญี่ปุ่นปลอมๆ เกาหลีปลอมๆ ทั้งๆที่เราก็มีของดี ที่เราขายคนไทยได้อยู่แล้วแท้ๆ
3.2 หนังไม่จำเป็นต้องดูในโรง
ยุคนี้แล้วครับ content ทั้งหลายแหล่ มันไม่ได้อยู่เฉพาะในโรงหรอกครับ
ช่องทางออนไลน์ก็มีออกเยอะแยะ Youtube, Line TV ก็สร้างเงินได้เช่นกัน
หนังเลือกทำให้เหมาะได้ว่าอยากจะขายอะไร ขายใคร
ถ้าฉายในโรง ก็ต้องมั่นใจในระดับนึงว่า ในราคาตั๋วใบละ 200 เท่ากับหนังฮอลลีวู้ด เรามีดีไปสู้กับเขา
เพราะหนังโรงมันราคาเท่ากันทุกเรื่อง คนดูเสียเงินร่วม 200 ก็อยากจะดูหนังที่น่าดูที่สุด ณ เวลานั้นครับ
คนดูไม่ได้อยากดูเพราะมันเป็นหนังไทย หรือหนังฮอลลีวู้ด
อย่าง GTH ยุบค่ายไป ส่วนของ GDH559 ที่เกิดมาใหม่ ก็ประกาศตัวชัดเจนว่าจะเน้นทำ content
ซึ่งทำให้เห็นว่าคนทำหนังมันมีทางไปได้หลายทางครับ มันไม่ได้มีเฉพาะในโรงภาพยนตร์อย่างเดียว
ผลงานของทีมงานชุดนี้ สมัยเป็น GTH เท่าที่เคยอ่านข่าวมา บางเรื่องกำไรตั้งแต่ยังไม่ฉายด้วยซ้ำ เพราะเค้ามีโฆษณา เค้ามี Tie in สินค้าทำให้เค้าอยู่ได้
และขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ในฐานะคนดู ผมดูออกว่าอันไหน Tie in
แต่ถ้ามันไม่น่าเกลียด ผมไม่บ่นอะไรหรอกนะ (หลายเรื่องใส่มาเนียนมาก แต่จำติดตาสุดๆ)
วิกฤตนึงที่เคยเกิดในช่วงหนังไทยรุ่งเรืองคือ มีหนังบางเรื่องโฆษณาน่าเกลียดเกินไป
เช่นให้คนมาเต้นเพลงไก่ย่างหน้าร้านอาหารที่เป็นสปอนเซอร์อยู่หลายนาที
อันนั้นก็เกินไป
ถึงคุณจะเอาใจสปอนเซอร์ แต่ก็ช่วยนึกถึงใจคนที่เสียเงินไปดูหนังของคุณด้วย เพราะคนดูก็เป็นลูกค้าเหมือนกันนะ
ถ้าคุณตีหัวเข้าบ้านเค้าบ่อยๆ ทำหนังแนวๆนี้ออกมาเรื่อยๆ
คนดูก็จำได้ว่าค่ายนี้แหละ ที่ทำหนังแบบนี้ออกมา
ครั้งถัดไปเค้าก็ไม่อุดหนุนหนังของคุณแล้ว มันก็เท่านั้นครับ
ในฐานะคนที่ดูหนังต่อปีเยอะมาก บอกเลยว่ามีค่ายหนังไทยบางค่ายที่พอพูดชื่อค่ายมาแล้ว ผมไม่เสียเงินเข้าไปดูในโรงให้เสียเวลาเลย (จริงๆถึงขั้นว่า ไม่ไปลุ้นตั๋วฟรีที่ไหนด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากเสียเวลา)
ซึ่งหลังๆผมก็ไม่ค่อยเห็นผลงานของค่ายที่ทำหนังไม่โดนใจผมออกมาแล้วน่ะนะ
3.3 อยากฉายในโรง อาจจะปรับโมเดลการขาย
ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าทำได้มั้ยนะ แต่ผมเชื่อว่าถ้ารอบหนังมันแย่มาก ดูแล้วไม่น่าจะได้เงิน
ผมคิดว่าผู้ผลิต/จัดจำหน่าย ก็น่าจะลองเจรจา เหมาโรงฉายเป็นรอบๆไปเลย ยอมเสี่ยงมากขึ้นหน่อย แต่ได้รอบที่คนตีตั๋วมาดูได้ แม้จะทำยาก แต่ก็ดีกว่าได้รอบที่คนไม่ไปดูแน่ๆ
เช่น รอบเที่ยงวันธรรมดา กับรอบหลัง 5ทุ่ม ...คือถึงผมเป็นคนชอบดูหนัง
แต่ผมก็ไม่ได้อยากดูขนาดว่าจะโดดงานไปดู หรือ ต้องรอถึง 5 ทุ่มเพื่อดูหนังนอกบ้านสักเรื่องนะ
#วิกฤตหนังไทย #หนังไทย #โรงหนัง #ค่ายหนัง #movie
ขอฝากบล็อกไว้สักเล็กน้อย
ปกติผมเขียนรีวิวหนังอยู่ที่นี่นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้