เช่น นายก เสพ ผลงาน a b c เขาจึงมาสร้างผลงาน d เองซึ่งก็มีกลิ่นอายอิทธิพลของงานที่เขาเสพบวกกับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ที่เข้าสร้างไป รวมกลายเป็นผลงาน d ต่อมามีนาย ข เสพหนัง e f g และเสพก็หนังเรื่อง d ของนาย ก พอนาย ข สร้างผลงานใหม่ก็ออกมาเป็น ผลงาน h ซึ่งเช่นกันได้รับอิทธิพลจากงานเก่าที่เขาเสพและความคิดใหม่ของนาย ข
ซึ่งชีวิตจริงจะซ้อบซ้อนกว่านี้ มีคนเป็นจำนวนมากมายผลิตผลงานออกมา คนอื่นเสพไป และผลิตงานใหม่ออกมา ก็มีคนมาเสพ และเอาไปสร้างผลงานใหม่ต่อไป วนเป็นแบบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อาจจะซับซ้อนกว่านี้มาก
ผมคิดถูกหรือเปล่าผู้สร้างผลงานใหม่ๆล้วนได้รับแรงบัลดาลใจจากงานที่เขาเคยเสพเสมอ
สื่อที่เห็นมีมากมาย เป็นแสน เป็นล้าน อย่าง จริงๆแล้วก็มีพื้นฐานเดียวกันหมด ถูกต้องหรือไม่
สื่อที่เราเห็นว่ามหัศจรรย์ ตะลึง ยกนิ้วให้ จริงๆก็มาจากการดัดแปลงของเก่าบวกของใหม่
ทีนี้สมมติคนนึงเสพสื่ออย่างสุ่ม ทุกคนเสพสื่ออย่างสุ่ม ผลงานก็ออกมาอย่างสุ่ม แล้วก็วนลูปแบบที่เคยกล่าว
ผลงาน ดีบ้าง แย่บ้าง เราเห็นว่าดีก็คือคัดมาแล้ว แบบนี้ถูกต้องไหม
นักเขียนก็เหมือนนักดนตรีหรือผู้กำกับใช่ไหม ผลงานเป็นแบบไหนขึ้นอยู่กับงานเพลง,หนัง,นวนิยายที่เสพ ?
ซึ่งชีวิตจริงจะซ้อบซ้อนกว่านี้ มีคนเป็นจำนวนมากมายผลิตผลงานออกมา คนอื่นเสพไป และผลิตงานใหม่ออกมา ก็มีคนมาเสพ และเอาไปสร้างผลงานใหม่ต่อไป วนเป็นแบบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อาจจะซับซ้อนกว่านี้มาก
ผมคิดถูกหรือเปล่าผู้สร้างผลงานใหม่ๆล้วนได้รับแรงบัลดาลใจจากงานที่เขาเคยเสพเสมอ
สื่อที่เห็นมีมากมาย เป็นแสน เป็นล้าน อย่าง จริงๆแล้วก็มีพื้นฐานเดียวกันหมด ถูกต้องหรือไม่
สื่อที่เราเห็นว่ามหัศจรรย์ ตะลึง ยกนิ้วให้ จริงๆก็มาจากการดัดแปลงของเก่าบวกของใหม่
ทีนี้สมมติคนนึงเสพสื่ออย่างสุ่ม ทุกคนเสพสื่ออย่างสุ่ม ผลงานก็ออกมาอย่างสุ่ม แล้วก็วนลูปแบบที่เคยกล่าว
ผลงาน ดีบ้าง แย่บ้าง เราเห็นว่าดีก็คือคัดมาแล้ว แบบนี้ถูกต้องไหม