"คุณนั่งรถไฟไทยครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่???"
สำหรับผม ผมไม่ได้นั่งรถไฟมานานเกือบ 10 ปีแล้ว จำได้ว่าสมัย ม.ต้น ผมนั่งรถไฟบ่อยมากจนนับไม่ได้ นั่งมาหมดแล้วทุกแบบทุกชั้นทุกราคา ทั้งนั่งใกล้มากๆ ยันไกลที่สุดในไทยที่เคยไป ผมชอบคลั่งไคล้รถไฟมาตั้งแต่เด็ก ของเล่นผมสมัยเด็กมักจะเป็นรถไฟแล้วต่อรางให้มันวิ่งรอบบ้าน ชอบหัวรถจักรเท่ๆหลายแบบทั้งไทยและต่างประเทศ สรุปแล้วผมคิดว่าการนั่งรถไฟเป็นเสน่ห์ของการเดินทางในรูปแบบหนึ่ง (ถึงแม้รถไฟไทย จะดีบ้างไม่ดีบ้าง เสียเวลาบ้าง ตามสภาพที่เราทุกคนก็เห็นๆกันอยู่) ใครจะบอกรถไฟไม่กล้านั่ง น่ากลัวบ้าง สกปรกบ้าง ถึงปลายทางช้าบ้าง แต่สำหรับผมมันมีความหมายมากเลยล่ะ เพราะทุกการเดินทางเราสามารถเก็บเกี่ยวความสนุกและความทรงจำได้เสมอ
เนื่องในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีของผมอย่างมาก ที่ได้มานั่งรถไฟในรอบ 10 ปี เพื่อย้อนวัยตัวเองและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรถไฟ จุดเริ่มต้นการเดินทางในวันนี้คือ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของผมเอง จุดหมายปลายทาง วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี (ได้ยินชื่อจังหวัด แต่ละคนคงจะกลัวที่จะไปใช่มั้ยล่ะ ระเบิดยิงกันมั่งล่ะ กลัวตายมั่งล่ะ แต่ผมบอกเลยนะว่า สิ่งที่ทุกคนได้ยินมาจากในข่าวกับความเป็นจริง มันต่างกันลิบลับเลย แต่แค่พูดคงไม่เชื่อกันหรอก ต้องมาสัมผัสเอง แล้วถึงจะรู้) โอเค ไม่สาธยายยาวเหยียดล่ะ เราไปพร้อมกันดีกว่า
คำเตือน!!! รูปทั้งหมด เป็นรูปถ่ายสดที่ถ่ายจากมือถือเก่าๆ กากๆ ของผมเองที่ใช้มาเกือบ 4 ปีแล้ว แล้วย่อขนาดรูป รูปถ่ายถ่ายแบบขำๆตามประสาผม จะชัดจะเบลอสีจะซีดจะเข้มยังไง ขอโทษล่วงหน้าครับ
เริ่มทริป! อันดับแรกก็แน่นอนสิครับ ผมบอกว่าจะเดินทางกับรถไฟ ก็ต้องมาที่นี่ "สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่" สถานีรถไฟที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภาคใต้
จากนั้นก็เดินพุ่งตรงไปเอาตั๋วรถไฟที่ช่องขายตั๋ว บอกพนักงานว่าจะไป สถานีวัดช้างให้ ครับผม ก็ได้ตั๋วมาตามนี้
เที่ยวรถไฟที่ผมไปคือ ขบวน 451 นครศรีธรรมราช-สุไหงโกลก (เวลาออกและเวลาถึง ก็เหมือนเดิมอ่ะครับ เสียเวลาอีกแล้วครับท่าน เหอะๆ)
อันนี้ของแถมโบนัสนะครับ เจอป้ายเลยถ่ายมาให้ดูอีกครั้ง สำหรับคนที่จะเดินทางรถไฟจากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ เพื่อต่อรถไฟฟ้าของมาเลย์จากชายแดนไทยไปเมืองต่างๆในมาเลเซียครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แนบกระทู้เพิ่มเติมการเดินทาง จากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ ของทีมงานและเพื่อนๆผมเองครับ หลายคนน่าจะได้อ่านมากันก่อนแล้ว http://pantip.com/topic/34610944
จากนั้นผมก็เดินเล่นคอยรถไฟเรื่อยๆอย่างชิวๆ เลยถ่ายรูปมาสองรูป รถไฟมาถึงก็ได้ขึ้น
เวลา 10.48 น. รถไฟมาแล้ว (มาสายไงจะอะไรล่ะ) ก็รีบขึ้นไปรอรถออก ขึ้นไปปุ๊บ สภาพโบกี้ ก็ตามอายุนะครับ เก่าแก่ผุพังบ้างตามปกติ ผมก็ชิวๆสบายๆครับ ไม่ถือสาอะไรมากมาย นั่งได้อยู่แล้ว ตื่นเต้นจังได้นั่งในรอบ 10 ปีเนี้ย โอเค ออกเดินทาง แล้วเจอกันนะหาดใหญ่ ตอนเย็นๆ อิอิ
จากนั้นรถไฟก็วิ่งมาเรื่อยๆ ความรู้สึกผมคือ วิ่งเร็วกว่าที่เคยนั่งสมัยก่อนนะ (เป็นเพราะเขาปรับปรุงรางหรือป่าว หรือเพราะรถไฟมาสาย เลยรีบทำเวลา อันนี้ก็ไม่รู้ มโนไว้ก่อน) วันนี้ผมได้นั่งตรงข้ามกับพระรูปหนึ่ง ท่านพึ่งบวชได้ไม่กี่พรรษา ผมกับท่านก็ได้สนทนากันหลายเรื่อง จนถึงสถานีเกาะสะบ้า (แถวๆ อำเภอเทพาหรือจะนะนี่แหละจำไม่แม่น) ท่านก็ลงจากรถไฟก่อนผม ก่อนท่านจะลงรถไฟ ท่านบอกถ่ายรูปเซลฟี่กับท่านได้นะ ผมก็ขอถ่ายท่านคนเดียวแบบเรียบร้อยแล้วกัน
จนประมาณเที่ยงตรงเป๊ะ อากาศร้อนมากกกกกกก รถก็วิ่งมาถึงสถานีปัตตานี คนเยอะใช้ได้เลยครับ (อันที่จริงสมัยก่อนสถานีนี้ชื่อ โคกโพธิ์ เพราะตั้งอยู่ในอำเภอโคกโพธิ์ แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีปัตตานีภายหลัง) ใครจะต่อรถไปตัวอำเภอเมืองปัตตานี ลงรถที่สถานีนี้ได้ครับ
ก็อย่างที่ผมบอก สถานีนี้จะเปลี่ยนชื่อให้งงทำไมไม่รู้ ชื่อสถานีเลยต้องมีวงเล็บบอกอย่างที่เห็นตามป้าย คงเพราะจะสื่อบอกว่า รถไฟอยู่ในเขตจังหวัดปัตตานีแล้วนะ รถไฟก็ออกเดินทางต่อ เพราะยังไม่ถึงปลายทางของเรา
รถไฟแล่นมาอีกหนึ่งสถานี ก็จะถึงสถานี นาประดู่ สถานีจะบอกเราเลยว่า สถานีถัดไปข้างหน้าคือสถานีวัดช้างให้ เตรียมตัวลงกันได้แล้ว
ผมฟังเพลงโปรดของผมในมือถือไม่ทันจบเพลง ก็ถึงจุดหมายปลางทางของเรา "สถานีรถไฟวัดช้างให้" ถึงสถานีเวลา 12.23 น. สถานีนี้มีชานชลาเดียวนะครับ จอดปุ๊บออกปั๊บเลย ลงไม่ทันระวังให้ดีล่ะ ได้นั่งต่อไปถึงยะลาแน่นอน อิอิ
จากนั้นออกมาจากสถานีเดินย้อนกลับไปเรื่อยๆ อากาศร้อนมากกกกกก ก็จะเห็นวัดอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย แต่ โอ้ ไม่นะ เจดีย์ของวัด กำลังบูรณะใหม่ โหย เสียดาย ถ่ายรูปเจดีย์ไม่ได้องค์เต็มสวยๆ
เราก็เดินเข้าไปในวัดเลยนะครับ ก็มีคนมาทำบุญตามปกติ (แต่วันนี้วันศุกร์ ซึ่งปกติที่สามจังหวัดชายแดนใต้นี้ จากที่ผมเคยอยู่ยะลามาเกือบสิบปีสมัยเด็กประถมถึงมอต้นแล้วย้ายกลับบ้านที่หาดใหญ่ แล้วเคยมาแว้นขับรถเล่นแถววัดนี้ วันศุกร์จะมีร้านต่างๆของมุสลิมปิดทำการค่อนข้างมาก และอีกอย่างแถวนี้คนไทยพุทธอยู่ซะส่วนมากเลยดูเหงาๆเงียบๆ ไม่คึกคักเท่าไหร่ หรือว่ามันเงียบแบบนี้นานแล้วหรือป่าว จำไม่ได้เหมือนกัน) รถจอดหน้าวัดมาไกลนะ ป้ายทะเบียน กทม เลย อิอิ (ขออภัยเจ้าของรถด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจใบ้หวยนะ)
เข้ามาถึงปุ๊บตรงดิ่งไปทำบุญดอกไม้ธูปเทียนตามแต่ศรัทธาเลยครับ
ขอต่อด้านล่างนะครับผม
[CR] Mini Review Alone One Day Trip หาดใหญ่-วัดช้างให้ By รถไฟฟรี
สำหรับผม ผมไม่ได้นั่งรถไฟมานานเกือบ 10 ปีแล้ว จำได้ว่าสมัย ม.ต้น ผมนั่งรถไฟบ่อยมากจนนับไม่ได้ นั่งมาหมดแล้วทุกแบบทุกชั้นทุกราคา ทั้งนั่งใกล้มากๆ ยันไกลที่สุดในไทยที่เคยไป ผมชอบคลั่งไคล้รถไฟมาตั้งแต่เด็ก ของเล่นผมสมัยเด็กมักจะเป็นรถไฟแล้วต่อรางให้มันวิ่งรอบบ้าน ชอบหัวรถจักรเท่ๆหลายแบบทั้งไทยและต่างประเทศ สรุปแล้วผมคิดว่าการนั่งรถไฟเป็นเสน่ห์ของการเดินทางในรูปแบบหนึ่ง (ถึงแม้รถไฟไทย จะดีบ้างไม่ดีบ้าง เสียเวลาบ้าง ตามสภาพที่เราทุกคนก็เห็นๆกันอยู่) ใครจะบอกรถไฟไม่กล้านั่ง น่ากลัวบ้าง สกปรกบ้าง ถึงปลายทางช้าบ้าง แต่สำหรับผมมันมีความหมายมากเลยล่ะ เพราะทุกการเดินทางเราสามารถเก็บเกี่ยวความสนุกและความทรงจำได้เสมอ
เนื่องในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีของผมอย่างมาก ที่ได้มานั่งรถไฟในรอบ 10 ปี เพื่อย้อนวัยตัวเองและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรถไฟ จุดเริ่มต้นการเดินทางในวันนี้คือ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของผมเอง จุดหมายปลายทาง วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี (ได้ยินชื่อจังหวัด แต่ละคนคงจะกลัวที่จะไปใช่มั้ยล่ะ ระเบิดยิงกันมั่งล่ะ กลัวตายมั่งล่ะ แต่ผมบอกเลยนะว่า สิ่งที่ทุกคนได้ยินมาจากในข่าวกับความเป็นจริง มันต่างกันลิบลับเลย แต่แค่พูดคงไม่เชื่อกันหรอก ต้องมาสัมผัสเอง แล้วถึงจะรู้) โอเค ไม่สาธยายยาวเหยียดล่ะ เราไปพร้อมกันดีกว่า
คำเตือน!!! รูปทั้งหมด เป็นรูปถ่ายสดที่ถ่ายจากมือถือเก่าๆ กากๆ ของผมเองที่ใช้มาเกือบ 4 ปีแล้ว แล้วย่อขนาดรูป รูปถ่ายถ่ายแบบขำๆตามประสาผม จะชัดจะเบลอสีจะซีดจะเข้มยังไง ขอโทษล่วงหน้าครับ
เริ่มทริป! อันดับแรกก็แน่นอนสิครับ ผมบอกว่าจะเดินทางกับรถไฟ ก็ต้องมาที่นี่ "สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่" สถานีรถไฟที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภาคใต้
จากนั้นก็เดินพุ่งตรงไปเอาตั๋วรถไฟที่ช่องขายตั๋ว บอกพนักงานว่าจะไป สถานีวัดช้างให้ ครับผม ก็ได้ตั๋วมาตามนี้
เที่ยวรถไฟที่ผมไปคือ ขบวน 451 นครศรีธรรมราช-สุไหงโกลก (เวลาออกและเวลาถึง ก็เหมือนเดิมอ่ะครับ เสียเวลาอีกแล้วครับท่าน เหอะๆ)
อันนี้ของแถมโบนัสนะครับ เจอป้ายเลยถ่ายมาให้ดูอีกครั้ง สำหรับคนที่จะเดินทางรถไฟจากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ เพื่อต่อรถไฟฟ้าของมาเลย์จากชายแดนไทยไปเมืองต่างๆในมาเลเซียครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นผมก็เดินเล่นคอยรถไฟเรื่อยๆอย่างชิวๆ เลยถ่ายรูปมาสองรูป รถไฟมาถึงก็ได้ขึ้น
เวลา 10.48 น. รถไฟมาแล้ว (มาสายไงจะอะไรล่ะ) ก็รีบขึ้นไปรอรถออก ขึ้นไปปุ๊บ สภาพโบกี้ ก็ตามอายุนะครับ เก่าแก่ผุพังบ้างตามปกติ ผมก็ชิวๆสบายๆครับ ไม่ถือสาอะไรมากมาย นั่งได้อยู่แล้ว ตื่นเต้นจังได้นั่งในรอบ 10 ปีเนี้ย โอเค ออกเดินทาง แล้วเจอกันนะหาดใหญ่ ตอนเย็นๆ อิอิ
จากนั้นรถไฟก็วิ่งมาเรื่อยๆ ความรู้สึกผมคือ วิ่งเร็วกว่าที่เคยนั่งสมัยก่อนนะ (เป็นเพราะเขาปรับปรุงรางหรือป่าว หรือเพราะรถไฟมาสาย เลยรีบทำเวลา อันนี้ก็ไม่รู้ มโนไว้ก่อน) วันนี้ผมได้นั่งตรงข้ามกับพระรูปหนึ่ง ท่านพึ่งบวชได้ไม่กี่พรรษา ผมกับท่านก็ได้สนทนากันหลายเรื่อง จนถึงสถานีเกาะสะบ้า (แถวๆ อำเภอเทพาหรือจะนะนี่แหละจำไม่แม่น) ท่านก็ลงจากรถไฟก่อนผม ก่อนท่านจะลงรถไฟ ท่านบอกถ่ายรูปเซลฟี่กับท่านได้นะ ผมก็ขอถ่ายท่านคนเดียวแบบเรียบร้อยแล้วกัน
จนประมาณเที่ยงตรงเป๊ะ อากาศร้อนมากกกกกกก รถก็วิ่งมาถึงสถานีปัตตานี คนเยอะใช้ได้เลยครับ (อันที่จริงสมัยก่อนสถานีนี้ชื่อ โคกโพธิ์ เพราะตั้งอยู่ในอำเภอโคกโพธิ์ แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีปัตตานีภายหลัง) ใครจะต่อรถไปตัวอำเภอเมืองปัตตานี ลงรถที่สถานีนี้ได้ครับ
ก็อย่างที่ผมบอก สถานีนี้จะเปลี่ยนชื่อให้งงทำไมไม่รู้ ชื่อสถานีเลยต้องมีวงเล็บบอกอย่างที่เห็นตามป้าย คงเพราะจะสื่อบอกว่า รถไฟอยู่ในเขตจังหวัดปัตตานีแล้วนะ รถไฟก็ออกเดินทางต่อ เพราะยังไม่ถึงปลายทางของเรา
รถไฟแล่นมาอีกหนึ่งสถานี ก็จะถึงสถานี นาประดู่ สถานีจะบอกเราเลยว่า สถานีถัดไปข้างหน้าคือสถานีวัดช้างให้ เตรียมตัวลงกันได้แล้ว
ผมฟังเพลงโปรดของผมในมือถือไม่ทันจบเพลง ก็ถึงจุดหมายปลางทางของเรา "สถานีรถไฟวัดช้างให้" ถึงสถานีเวลา 12.23 น. สถานีนี้มีชานชลาเดียวนะครับ จอดปุ๊บออกปั๊บเลย ลงไม่ทันระวังให้ดีล่ะ ได้นั่งต่อไปถึงยะลาแน่นอน อิอิ
จากนั้นออกมาจากสถานีเดินย้อนกลับไปเรื่อยๆ อากาศร้อนมากกกกกก ก็จะเห็นวัดอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย แต่ โอ้ ไม่นะ เจดีย์ของวัด กำลังบูรณะใหม่ โหย เสียดาย ถ่ายรูปเจดีย์ไม่ได้องค์เต็มสวยๆ
เราก็เดินเข้าไปในวัดเลยนะครับ ก็มีคนมาทำบุญตามปกติ (แต่วันนี้วันศุกร์ ซึ่งปกติที่สามจังหวัดชายแดนใต้นี้ จากที่ผมเคยอยู่ยะลามาเกือบสิบปีสมัยเด็กประถมถึงมอต้นแล้วย้ายกลับบ้านที่หาดใหญ่ แล้วเคยมาแว้นขับรถเล่นแถววัดนี้ วันศุกร์จะมีร้านต่างๆของมุสลิมปิดทำการค่อนข้างมาก และอีกอย่างแถวนี้คนไทยพุทธอยู่ซะส่วนมากเลยดูเหงาๆเงียบๆ ไม่คึกคักเท่าไหร่ หรือว่ามันเงียบแบบนี้นานแล้วหรือป่าว จำไม่ได้เหมือนกัน) รถจอดหน้าวัดมาไกลนะ ป้ายทะเบียน กทม เลย อิอิ (ขออภัยเจ้าของรถด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจใบ้หวยนะ)
เข้ามาถึงปุ๊บตรงดิ่งไปทำบุญดอกไม้ธูปเทียนตามแต่ศรัทธาเลยครับ
ขอต่อด้านล่างนะครับผม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น