โลกของภาพยนตร์. มีหลายยุคหลายสมัยที่สามารถเลือกมาทำหนังได้ .... แต่ก็ดันมีไม่กี่ยุคสมัย ที่ชาวฮอลิวูด ถูกอกถูกใจแล้วทำหนังที่มีพื้นหลังเป็นยุคนั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก เวียนไหว้ตายเกิดเอาจนเอียน
โดยเฉพาะ หนังสงครามและดราม่า ที่มีเยอะมากกกกกที่Timelineในหนังดันเป็นช่วงเวลาเดียวกัน/ใกล้เคียงกัน แม้อาจจะเกิดอยู่คนละที่
ผมก็เลยตั้งกระทู้นี้เพื่อที่จะรวบรวมหนังในTimelineเดียวกันเหล่านั้นไว้ เผื่อท่านใดคิดทฤษฎีอะไรประหลาดๆเกี่ยวกับหนังเหล่านี้...ซึ่งส่วนมากเป็นหนังสงคราม
--สงครามโลกครั้งที่2-- ถือเป็นสงครามที่มีหนังอยู่เยอะที่สุดเรื่องหนึ่งเลย เพราะแง่มุมในสงครามครั้งนี้ มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะ ทีมฮิตเลอร์. ทีมญี่ปุ่น. ทีมอเมริกัน. และ ทีมยุโรป. ซึ่งหนังในTimeline ของสงครามโลกครั้งที่2นั้น ประกอบด้วย....
-Fury 2014. หนังสงครามดาราทีมดีที่มี แบรด พิตต์. ไชอา ลาบัฟ. โลแกน เลอร์แมน. และกำกับโดย เดวิด เอเยอร์

เกี่ยวกับทีมรถถังทีมหนึ่ง ที่เพิ่งรับสมาชิกใหม่เข้ามา ก่อนที่จะออกรบในทุ่งสังหารสมัยสงครามโลกครั้งที่2(ซึ่งผมก็จำไรไม่ค่อยได้ เพราะไม่ได้ดูเรื่องนี้มานานมากแล้ว..555)
แต่ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า เอ้.....ไอ้ทุ่งนี่มันคุ้นๆน๊าาา และหนังเรื่องที่2ก็มาครับ
-saving private ryan 1998 หนังสงครามของพ่อมดฮอลิวูด สตีเว่น สปีลเบิร์ก. ได้ร่วมงานกับยอดฝีมือทางการแสดงอย่าง ทอม แฮงก์. แมตท์ เดมอน. และ วิน ดีเซล(ฮีมาเงียบๆ)
เป็นเรื่องของกัปตันมิลเลอร์และธีมที่ใกล้จะปลดประจำการ ได้รับภารกิจสุดท้ายในการตามหาพลทหารไรอัน คนสุดท้ายของครอบครัวที่ยังไม่ตาย เพื่อจะส่งเขากลับบ้าน...พอถึงฉากที่พวกเขากำลังผจญรถถังในทุ่งสังหาร (ทุ่งเดียวกับFury) ก็มาเจอพลทหารไรอันราวกับส้มหล่น แต่นางก็ไม่ยอมกลับซักที...จนภารกิจนี้ เป็นภารกิจสุดท้ายของกัปตันมิลเลอร์ ในชีวิต
คือเรื่องโคตรจะน้ำเน่า แต่เอาตรงๆคือร้องไห้ตามได้เลยอะ ปริ่มมากเรื่องนี้ ถ้าไม่นับช่วงต้นๆที่น่าเบื่อมาก-->ก่อนที่ฤทธิ์เดชหนังสตีเว่นจะออก-->ปลุกความช่างเผือกในตัวคุณ
ในทุ่งสังหารนี้ เป็นแง่มุมของ ทีมอเมริกา ในสงครามโลกครั้งที่2...ซึ่งเกิดขึ้นในทวีปยุโรป แต่ทีมยุโรปเจ้าถิ่นก็มีมุมของตัวเองเช่นกัน
-the pianist 2002 เป็นทีมยุโรปในTime line เดียวกันนี้ ที่ต่อๆกันมา(เพราะเรื่องราวของทีมมันมาตอนสงครามใกล้จะจบ) เป็นเรื่องราวของครอบครัวนักดนตรีชาวยิวที่ถูกนาร์ซีจับไปเข้าค่ายกักกัน ทรมารทรกรรมในการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในโลก(ขี้เกียจพูดถึงทีมโปรดัคชั่นส์) และพระเอกฮีก็ใช้skillนักเปียโนของ

ตัวเองในการเอาตัวรอด...จนสงครามใกล้จะจบเต็มที ฮีก็มาอยู่ในซากเมือง ซึ่งผมตั้งสมมติฐานว่าน่าจะเป็นเมืองเดียวกับที่กัปตันมิลเลอร์ตาย(แถเนาะ) เพื่อจะหาไปกิน แล้วนางไปเห็นเปียโนเว่ย...ก็เลยเล่นดู ทหารนาซีก็เลยตามมาเจอ (สมน้ำหน้า)...อันนี้เล่าฮานะ แต่ในหนังโคตรตื่นเต้นลุ้นระทึกเลย...และก็มีเรื่องมิตรภาพทางดนตรีที่จบประทับใจมากเรื่องหนึ่ง
ทีนี้ไอ้ค่ายกักกันชาวยิวในยุโรปมันไม่ได้มีที่เดียว....ในค่ายใกล้ๆกัน กุยโดกับลูกก็ถูกจับตัวไว้

-Life is beautiful 1997 งานสร้างชื่อที่สุดของป๋า roberto benigni ที่เฮียแกกำกับและแสดงนำเอง ก่อนที่จะได้ออสก้าร์เองจากเรื่องนี้....และคงเป็นเรื่องสุดท้าย

เรื่องราวของหนุ่มยิวรักสาวอิตาลีมีลูกน้อยด้วยกัน1คน...กุยโดเป็นผู้ชายบ้าๆคนหนึ่ง...ลูกบ้าของเขานั้นสร้างความเดือดร้อนให้หลายคน แต่ก็สร้างความสุขให้คนรอบกาย...โดยเฉพาะเมียและลูก

จริงๆมันไม่ใช่หนังสงครามหรอก โคตรจะหนังรักครอบครัวอบอุ่นเลย
ถ้าไม่ติดตรงที่กุยโดเป็นยิว...แล้วโดนจับไปอยู่ค่ายกักกันกับลูก. พลัดจากเมีย(ที่ก็ขอไปค่ายด้วย). ซึ่งกุยโดต้องทำตัวเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่เพื่อไม่ให้ลูกกลัว ... ซึ่งก็หรรษาไปตลอดเรื่อง แต่ตอนจบ...คืออึนมาก จบแฮปปี้Ending แต่หดหู่สุดตีน...ชอคไปเลย
และในช่วงเวลาเดียวๆกันนี้ สงครามโลกครั้งที่2ก็กำลังประทุอยู่ในฝั่งเอเชีย

-SAYONARA 1957 ที่เป็นเรื่องราวของหนุ่มทัพอเมริกาหลงรักสาวญี่ปุ่น งานสร้าง4รางวัลออสก้าร์ของผู้กำกับ โจชัว โลแกน นำแสดงโดย marlon brando. Ricardo montalban. อันนี้ยังไม่ดู แต่ถ้าดูจบแล้วจะมาเล่าให้ฟัง
ต่อมาทัพเรือญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ไทยในสมัยจอมพลป. และก็มาปักหลักกันที่ไทย เพื่อสร้างทางรถไฟและต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นมุม ทีมไทย ของสงครามโลกครั้งที่2 จาก the railway man 2013 ที่มีคู่พระนาง โคลิน เฟิร์ท. กับนิโคล คิดแมน. นำแสดง

เป็นเรื่องของ สามีทหารผ่านศึกที่ไปเจอภรรยาตอนอยู่ในวัยไม่ใกล้ฝั่ง...ภรรยาแต่งงานไปและก็เริ่มพบกับปัญหาทางใจของสามี ที่เป็นผลอันเนื่องมาจากสงคราม ...เพราะนางเป็นทหารคนหนึ่งที่โดนจับจากสิงคโปร์เพื่อไปสร้างทางรถไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางหนึ่งในภูมิภาค ตัดผ่านป่าดิบที่ทำให้การสร้างแสนจะยากลำบาก และมีเชลยศึกตายนับแสน แต่ฮีดันถูกทรมานหนักกว่าปกติกว่าคนอื่น ... จนเกิดเป็นอาการทางจิตขึ้นมา ทางเดียวที่นางจะหายคือ กลับไปแก้แค้นทหารญี่ปุ่นคนนั้นที่ทำร้ายนาง....ซึ่งก็ยังอยู่ที่เมืองกาญจน์(เพื่อ???)
หนังสนุกและหดหู่พอสมควร แต่สิ่งที่ดีที่สุดในหนังคือฉากของประเทศไทยนั้นเอง
เราพาทัวร์สงครามโลกครั้งที่2มาหลายโซนแล้ว แต่เหลือ1ที่ที่เรายังไม่ได้ไปดูเลย อยู่ในทีมยุโรป...ซึ่งหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสงครามแต่อย่างใด แต่มีพื้นหลังเกี่ยวกับสงคราม(เอามาไถ่โทษซาโยนาระ)

-The sound of music. 1965 งานมาสเตอร์พีชขึ้นธรรมเนียบหนังคลาสสิค เจ้าของการ์ดโลกสวย เจ้าแห่งความฟรุ้งฟริ้งตลอดกาลของ โรเบิร์ ไวส์. ที่มี จูลี่ แอนดูรวส์ กับ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ นำแสดงหลัก
เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากmusicalดังจากสตูดิโอฟอกซ์ เรื่องแรกๆที่ออกมาถ่ายนอกสตู เป็นเรื่องราวของแม่ชีจอมซนที่ถูกส่งไปเป็นครูในบ้านสอนลูกๆของพ่อม่ายนายทหารที่มีลูก5คน
คงไม่ต้องพูดเรื่องย่อมากหรอก...เพราะคนส่วนใหญ่ในห้องต้องเคยดูอยู่แล้ว... อยากจะบอกว่าหนังเป็นที่รักของคนดูมาก เพราะมันเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ปลอบประโลมโลกจากสงครามอันโหดร้าย. และโลกสวยได้ใจสุดๆ เพลงเพราะมากจนบางทีเราก็หลงร้องตาม คิดได้อีกทีเราก็กลับไปเป็นเด็กอนุบาลไล่เสียงโดเรมีตามมาเรียซะแล้ว...
จริงๆมีหนังอีกหลายเรื่องที่พอจะแถเข้าไปในTimelineได้นะ แต่บางเรื่องผมก็ยังไม่มี ยังไม่ดู ใครจะเพิ่มเติมส่วนไหนก็ได้นะครับ.....
เอาล่ะ จบสงครามโลกครั้งที่2และ อีกซักแป๊บผมจะมาเขียนต่อถึงหนังสงครามในยุคต่อๆมา รอดูด้วยนะครับ
หนังสงครามในTimeline เดียวกัน มีเรื่องไหนบ้าง
โดยเฉพาะ หนังสงครามและดราม่า ที่มีเยอะมากกกกกที่Timelineในหนังดันเป็นช่วงเวลาเดียวกัน/ใกล้เคียงกัน แม้อาจจะเกิดอยู่คนละที่
ผมก็เลยตั้งกระทู้นี้เพื่อที่จะรวบรวมหนังในTimelineเดียวกันเหล่านั้นไว้ เผื่อท่านใดคิดทฤษฎีอะไรประหลาดๆเกี่ยวกับหนังเหล่านี้...ซึ่งส่วนมากเป็นหนังสงคราม
--สงครามโลกครั้งที่2-- ถือเป็นสงครามที่มีหนังอยู่เยอะที่สุดเรื่องหนึ่งเลย เพราะแง่มุมในสงครามครั้งนี้ มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะ ทีมฮิตเลอร์. ทีมญี่ปุ่น. ทีมอเมริกัน. และ ทีมยุโรป. ซึ่งหนังในTimeline ของสงครามโลกครั้งที่2นั้น ประกอบด้วย....
-Fury 2014. หนังสงครามดาราทีมดีที่มี แบรด พิตต์. ไชอา ลาบัฟ. โลแกน เลอร์แมน. และกำกับโดย เดวิด เอเยอร์
เกี่ยวกับทีมรถถังทีมหนึ่ง ที่เพิ่งรับสมาชิกใหม่เข้ามา ก่อนที่จะออกรบในทุ่งสังหารสมัยสงครามโลกครั้งที่2(ซึ่งผมก็จำไรไม่ค่อยได้ เพราะไม่ได้ดูเรื่องนี้มานานมากแล้ว..555)
แต่ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า เอ้.....ไอ้ทุ่งนี่มันคุ้นๆน๊าาา และหนังเรื่องที่2ก็มาครับ
-saving private ryan 1998 หนังสงครามของพ่อมดฮอลิวูด สตีเว่น สปีลเบิร์ก. ได้ร่วมงานกับยอดฝีมือทางการแสดงอย่าง ทอม แฮงก์. แมตท์ เดมอน. และ วิน ดีเซล(ฮีมาเงียบๆ)
เป็นเรื่องของกัปตันมิลเลอร์และธีมที่ใกล้จะปลดประจำการ ได้รับภารกิจสุดท้ายในการตามหาพลทหารไรอัน คนสุดท้ายของครอบครัวที่ยังไม่ตาย เพื่อจะส่งเขากลับบ้าน...พอถึงฉากที่พวกเขากำลังผจญรถถังในทุ่งสังหาร (ทุ่งเดียวกับFury) ก็มาเจอพลทหารไรอันราวกับส้มหล่น แต่นางก็ไม่ยอมกลับซักที...จนภารกิจนี้ เป็นภารกิจสุดท้ายของกัปตันมิลเลอร์ ในชีวิต
คือเรื่องโคตรจะน้ำเน่า แต่เอาตรงๆคือร้องไห้ตามได้เลยอะ ปริ่มมากเรื่องนี้ ถ้าไม่นับช่วงต้นๆที่น่าเบื่อมาก-->ก่อนที่ฤทธิ์เดชหนังสตีเว่นจะออก-->ปลุกความช่างเผือกในตัวคุณ
ในทุ่งสังหารนี้ เป็นแง่มุมของ ทีมอเมริกา ในสงครามโลกครั้งที่2...ซึ่งเกิดขึ้นในทวีปยุโรป แต่ทีมยุโรปเจ้าถิ่นก็มีมุมของตัวเองเช่นกัน
-the pianist 2002 เป็นทีมยุโรปในTime line เดียวกันนี้ ที่ต่อๆกันมา(เพราะเรื่องราวของทีมมันมาตอนสงครามใกล้จะจบ) เป็นเรื่องราวของครอบครัวนักดนตรีชาวยิวที่ถูกนาร์ซีจับไปเข้าค่ายกักกัน ทรมารทรกรรมในการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในโลก(ขี้เกียจพูดถึงทีมโปรดัคชั่นส์) และพระเอกฮีก็ใช้skillนักเปียโนของ
ทีนี้ไอ้ค่ายกักกันชาวยิวในยุโรปมันไม่ได้มีที่เดียว....ในค่ายใกล้ๆกัน กุยโดกับลูกก็ถูกจับตัวไว้
-Life is beautiful 1997 งานสร้างชื่อที่สุดของป๋า roberto benigni ที่เฮียแกกำกับและแสดงนำเอง ก่อนที่จะได้ออสก้าร์เองจากเรื่องนี้....และคงเป็นเรื่องสุดท้าย
เรื่องราวของหนุ่มยิวรักสาวอิตาลีมีลูกน้อยด้วยกัน1คน...กุยโดเป็นผู้ชายบ้าๆคนหนึ่ง...ลูกบ้าของเขานั้นสร้างความเดือดร้อนให้หลายคน แต่ก็สร้างความสุขให้คนรอบกาย...โดยเฉพาะเมียและลูก
จริงๆมันไม่ใช่หนังสงครามหรอก โคตรจะหนังรักครอบครัวอบอุ่นเลย
ถ้าไม่ติดตรงที่กุยโดเป็นยิว...แล้วโดนจับไปอยู่ค่ายกักกันกับลูก. พลัดจากเมีย(ที่ก็ขอไปค่ายด้วย). ซึ่งกุยโดต้องทำตัวเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่เพื่อไม่ให้ลูกกลัว ... ซึ่งก็หรรษาไปตลอดเรื่อง แต่ตอนจบ...คืออึนมาก จบแฮปปี้Ending แต่หดหู่สุดตีน...ชอคไปเลย
และในช่วงเวลาเดียวๆกันนี้ สงครามโลกครั้งที่2ก็กำลังประทุอยู่ในฝั่งเอเชีย
-SAYONARA 1957 ที่เป็นเรื่องราวของหนุ่มทัพอเมริกาหลงรักสาวญี่ปุ่น งานสร้าง4รางวัลออสก้าร์ของผู้กำกับ โจชัว โลแกน นำแสดงโดย marlon brando. Ricardo montalban. อันนี้ยังไม่ดู แต่ถ้าดูจบแล้วจะมาเล่าให้ฟัง
ต่อมาทัพเรือญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ไทยในสมัยจอมพลป. และก็มาปักหลักกันที่ไทย เพื่อสร้างทางรถไฟและต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นมุม ทีมไทย ของสงครามโลกครั้งที่2 จาก the railway man 2013 ที่มีคู่พระนาง โคลิน เฟิร์ท. กับนิโคล คิดแมน. นำแสดง
เป็นเรื่องของ สามีทหารผ่านศึกที่ไปเจอภรรยาตอนอยู่ในวัยไม่ใกล้ฝั่ง...ภรรยาแต่งงานไปและก็เริ่มพบกับปัญหาทางใจของสามี ที่เป็นผลอันเนื่องมาจากสงคราม ...เพราะนางเป็นทหารคนหนึ่งที่โดนจับจากสิงคโปร์เพื่อไปสร้างทางรถไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางหนึ่งในภูมิภาค ตัดผ่านป่าดิบที่ทำให้การสร้างแสนจะยากลำบาก และมีเชลยศึกตายนับแสน แต่ฮีดันถูกทรมานหนักกว่าปกติกว่าคนอื่น ... จนเกิดเป็นอาการทางจิตขึ้นมา ทางเดียวที่นางจะหายคือ กลับไปแก้แค้นทหารญี่ปุ่นคนนั้นที่ทำร้ายนาง....ซึ่งก็ยังอยู่ที่เมืองกาญจน์(เพื่อ???)
หนังสนุกและหดหู่พอสมควร แต่สิ่งที่ดีที่สุดในหนังคือฉากของประเทศไทยนั้นเอง
เราพาทัวร์สงครามโลกครั้งที่2มาหลายโซนแล้ว แต่เหลือ1ที่ที่เรายังไม่ได้ไปดูเลย อยู่ในทีมยุโรป...ซึ่งหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสงครามแต่อย่างใด แต่มีพื้นหลังเกี่ยวกับสงคราม(เอามาไถ่โทษซาโยนาระ)
-The sound of music. 1965 งานมาสเตอร์พีชขึ้นธรรมเนียบหนังคลาสสิค เจ้าของการ์ดโลกสวย เจ้าแห่งความฟรุ้งฟริ้งตลอดกาลของ โรเบิร์ ไวส์. ที่มี จูลี่ แอนดูรวส์ กับ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ นำแสดงหลัก
เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากmusicalดังจากสตูดิโอฟอกซ์ เรื่องแรกๆที่ออกมาถ่ายนอกสตู เป็นเรื่องราวของแม่ชีจอมซนที่ถูกส่งไปเป็นครูในบ้านสอนลูกๆของพ่อม่ายนายทหารที่มีลูก5คน
คงไม่ต้องพูดเรื่องย่อมากหรอก...เพราะคนส่วนใหญ่ในห้องต้องเคยดูอยู่แล้ว... อยากจะบอกว่าหนังเป็นที่รักของคนดูมาก เพราะมันเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ปลอบประโลมโลกจากสงครามอันโหดร้าย. และโลกสวยได้ใจสุดๆ เพลงเพราะมากจนบางทีเราก็หลงร้องตาม คิดได้อีกทีเราก็กลับไปเป็นเด็กอนุบาลไล่เสียงโดเรมีตามมาเรียซะแล้ว...
จริงๆมีหนังอีกหลายเรื่องที่พอจะแถเข้าไปในTimelineได้นะ แต่บางเรื่องผมก็ยังไม่มี ยังไม่ดู ใครจะเพิ่มเติมส่วนไหนก็ได้นะครับ.....
เอาล่ะ จบสงครามโลกครั้งที่2และ อีกซักแป๊บผมจะมาเขียนต่อถึงหนังสงครามในยุคต่อๆมา รอดูด้วยนะครับ