ตามที่เคยเล่าให้ฟัง ผมเป็นมือใหม่ ๔ เดือน และตั้งเป้าหมายไว้สองอย่างคือ จะปั่นสำรวจเส้นทางใหม่ ๆ ละแวกบ้าน และจะหาทางปั่นเส้นทางท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อให้กีฬาอันเป็นงานอดิเรกนี้ไม่น่าเบื่อ การปั่นจักรยานเป็นเรื่องของการฝึกซ้อม เพื่อให้ร่างกายได้เผชิญกับงานหนักซึ่งวิถีชีวิตปกติไม่เปิดโอกาสให้เราได้ใช้แรงกายระดับนั้น ผมอยู่เชียงใหม่ เป้าหมายแรกสุดคือการปั่นขึ้นดอยสุเทพ (ทำได้แล้วจากบันทึกนี้
http://pantip.com/topic/34738370 ) และม่อนแจ่มเป็นเป้าหมายถัดมา
ดอยสุเทพระยะทางปั่นไต่เนินต่อเนื่องราว ๑๑ ก.ม. แต่ม่อนแจ่มในเส้นทางด้านหลังจะเป็นการปั่นข้ามดอยหลาย ๆ ลูกระยะทางราว ๒๕ ก.ม. และความชันในบางช่วงก็ชันกว่า มีหลายช่วงที่เป็นเนินยาวที่ต้องใช้ความอึด ผมจึงต้องฝึกซ้อมจนกว่าร่างกายจะทนทานต่อความยากลำบากเหล่านี้ได้ (มีบันทึกเส้นทางซ้อมปั่นโพสต์ไว้ที่นี่
http://pantip.com/topic/34869782 )
การปั่นขึ้นม่อนแจ่มครั้งแรกนี้ เกิดขึ้นเมื่อวาน ๗ มี.ค. ๕๙, อันที่จริงมันควรเป็นการซ้อมปั่นอีกครั้งหนึ่งของผม ซึ่งเส้นทางซ้อมจะมีน้ำตกตาดหมอกเป็นจุดเริ่มต้น และผมเกิดอยากลองดูว่าคราวนี้ถ้าจะปั่นขึ้นไปเรื่อย ๆ จะไปได้ไกลแค่ไหน ผลคือตัดสินใจถูกและผิดไปพร้อม ๆ กัน
แม่ริมในช่วงต้นมีนาคมปีนี้ อากาศเริ่มร้อนแล้ว ผมเริ่มปั่นออกจากบ้านเจ็ดโมงเช้าถ้าปั่นซ้อมตามเป้าหมายดั้งเดิมจะจบใน ๓ ชั่วโมง ที่ว่าตัดสินใจผิดคือผมเผชิญกับแดดบนเส้นทางใกล้ถึงยอดดอยซึ่งมันควรหลีกเลี่ยงได้ถ้าออกจากบ้านเช้ากว่านี้ แต่ก็แหละการตัดสินใจคราวนี้ก็ทำให้ผมพิชิตม่อนแจ่มได้ซะที
เจ็ดโมงเช้าอากาศกำลังสบาย ท้องฟ้าสว่างแจ้งแล้วผมปั่นช้า ๆ ไปตามเส้นทางเลียบริมดอย ๘ ก.ม.ก็ถึงเนินต้นโชคซึ่งเป็นโค้งไปทางซ้ายนั่นคือเส้นทางจะเริมผ่าเข้าไปยังเทือกเขาตรงจุดนี้ หากคุณดูแผนที่กูเกิลในโหมด Terrain จะเห็นว่าเนินนี้ตัดผ่านคอนทัวร์ไลน์ ๔ เส้นในระยะทางรวมประมาณ ๘๐๐ เมตร แปลว่าคุณจะต้องไต่เนินเฉลี่ยความสูงประมาณ ๑๐ เมตรทุก ๆ ระยะทาง ๑๐๐ เมตร โชคดีที่ระยะทางรวมเพียง ๘๐๐ เมตร - ก่อนจะสิ้นแรงผมก็ผ่านมันไปได้ทุกครั้ง และนี่คือเนินแรกก่อนจะถลาลมลงไปยังบ้านป่าคา ตัดข้ามสะพานซึ่งมีลำธารน้ำใสไหลผ่านโขดหิน เคยหยุดหมดแรงที่ตรงนี้ จะบอกว่าถ้าเหงื่อโซมกาย แล้วได้วักน้ำในลำธารเย็นเจี๊ยบมาลูบหน้า (น้ำล้างหน้าแรกที่ไหลเข้าปากเค็มปี๋ด้วยเหงือ) ลูบคอ พละกำลังก็ดูราวจะกลับคืนมา สดชื่นมาก
การปั่นจักรยานเส้นทางขึ้น ๆ ลง ๆ ผ่านเทือกเขาเป็นเสน่ห์ที่คุณอาจหลงไหลได้ไม่ยาก ขณะที่เหน็ดเหนื่อยหัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก คุณฝ่าฟันมัน ต่อสู้กับขีดจำกัดของตัวเอง โดยมีแรงดึงดูดของโลกคอยจะเหนื่ยวรั้งอยู่นั้น คุณไม่ได้เหนื่อยเปล่า พ้นเนินสูงมาคุณจะได้รับผลตอบแทนคือการร่อนถลาไปตามความยาวของทางที่ลาดลง คุณจะได้พักขา สายลมที่วิ่งผ่านร่าง แซกซอนไปทั่ว ตามใบหน้า และตีนผมเปียกเหงือจะถูกลมปัดเป่าจนแห้ง จะมีอะไรดีไปกว่านี้ คุณตรากตรำแล้วได้ผลตอบแทนทันที เหมือนทำดีแล้วได้ดี ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า
เลยจากบ้านปางป่าคาไป เส้นทางก็จะไต่ขึ้นและไหลลงแบบนี้(แต่โหดน้อยกว่าเนินต้นโชคมาก)ไม่นานก็ถึงกุนทรารีสอร์ท ตรงนี้จะเป็นเนินชัน ๑๐๐ เมตร และมีป้ายว่าโปรดระวังนกยูง คุณจะเห็นมันในขากลับ เลยจากนี้ไปอีกสองสามโค้ง ก็จะถึงปากทางเข้าน้ำตกตาดหมอก นี่คือจุดหยุดพักแรกของทริปนี้

==== ข้อความจากเฟซบุ๊ค, 8.10 am ====
มีความโดดเดี่ยวในมนุษย์ทุกคนอยู่เสมอ คุณจัดการกับมันราวกับไม่มีอยู่ก็ได้ ออกไปทำนั่นนี่เพื่อจะได้ไม่คิดถึงมัน หรือยอมรับมันโดยดีและดำรงชีวิตต่อไป
[สำหรับมือใหม่] บันทึกการปั่นจักรยานขึ้นม่อนแจ่ม, มี.ค.๒๕๕๙
ดอยสุเทพระยะทางปั่นไต่เนินต่อเนื่องราว ๑๑ ก.ม. แต่ม่อนแจ่มในเส้นทางด้านหลังจะเป็นการปั่นข้ามดอยหลาย ๆ ลูกระยะทางราว ๒๕ ก.ม. และความชันในบางช่วงก็ชันกว่า มีหลายช่วงที่เป็นเนินยาวที่ต้องใช้ความอึด ผมจึงต้องฝึกซ้อมจนกว่าร่างกายจะทนทานต่อความยากลำบากเหล่านี้ได้ (มีบันทึกเส้นทางซ้อมปั่นโพสต์ไว้ที่นี่ http://pantip.com/topic/34869782 )
การปั่นขึ้นม่อนแจ่มครั้งแรกนี้ เกิดขึ้นเมื่อวาน ๗ มี.ค. ๕๙, อันที่จริงมันควรเป็นการซ้อมปั่นอีกครั้งหนึ่งของผม ซึ่งเส้นทางซ้อมจะมีน้ำตกตาดหมอกเป็นจุดเริ่มต้น และผมเกิดอยากลองดูว่าคราวนี้ถ้าจะปั่นขึ้นไปเรื่อย ๆ จะไปได้ไกลแค่ไหน ผลคือตัดสินใจถูกและผิดไปพร้อม ๆ กัน
แม่ริมในช่วงต้นมีนาคมปีนี้ อากาศเริ่มร้อนแล้ว ผมเริ่มปั่นออกจากบ้านเจ็ดโมงเช้าถ้าปั่นซ้อมตามเป้าหมายดั้งเดิมจะจบใน ๓ ชั่วโมง ที่ว่าตัดสินใจผิดคือผมเผชิญกับแดดบนเส้นทางใกล้ถึงยอดดอยซึ่งมันควรหลีกเลี่ยงได้ถ้าออกจากบ้านเช้ากว่านี้ แต่ก็แหละการตัดสินใจคราวนี้ก็ทำให้ผมพิชิตม่อนแจ่มได้ซะที
เจ็ดโมงเช้าอากาศกำลังสบาย ท้องฟ้าสว่างแจ้งแล้วผมปั่นช้า ๆ ไปตามเส้นทางเลียบริมดอย ๘ ก.ม.ก็ถึงเนินต้นโชคซึ่งเป็นโค้งไปทางซ้ายนั่นคือเส้นทางจะเริมผ่าเข้าไปยังเทือกเขาตรงจุดนี้ หากคุณดูแผนที่กูเกิลในโหมด Terrain จะเห็นว่าเนินนี้ตัดผ่านคอนทัวร์ไลน์ ๔ เส้นในระยะทางรวมประมาณ ๘๐๐ เมตร แปลว่าคุณจะต้องไต่เนินเฉลี่ยความสูงประมาณ ๑๐ เมตรทุก ๆ ระยะทาง ๑๐๐ เมตร โชคดีที่ระยะทางรวมเพียง ๘๐๐ เมตร - ก่อนจะสิ้นแรงผมก็ผ่านมันไปได้ทุกครั้ง และนี่คือเนินแรกก่อนจะถลาลมลงไปยังบ้านป่าคา ตัดข้ามสะพานซึ่งมีลำธารน้ำใสไหลผ่านโขดหิน เคยหยุดหมดแรงที่ตรงนี้ จะบอกว่าถ้าเหงื่อโซมกาย แล้วได้วักน้ำในลำธารเย็นเจี๊ยบมาลูบหน้า (น้ำล้างหน้าแรกที่ไหลเข้าปากเค็มปี๋ด้วยเหงือ) ลูบคอ พละกำลังก็ดูราวจะกลับคืนมา สดชื่นมาก
การปั่นจักรยานเส้นทางขึ้น ๆ ลง ๆ ผ่านเทือกเขาเป็นเสน่ห์ที่คุณอาจหลงไหลได้ไม่ยาก ขณะที่เหน็ดเหนื่อยหัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก คุณฝ่าฟันมัน ต่อสู้กับขีดจำกัดของตัวเอง โดยมีแรงดึงดูดของโลกคอยจะเหนื่ยวรั้งอยู่นั้น คุณไม่ได้เหนื่อยเปล่า พ้นเนินสูงมาคุณจะได้รับผลตอบแทนคือการร่อนถลาไปตามความยาวของทางที่ลาดลง คุณจะได้พักขา สายลมที่วิ่งผ่านร่าง แซกซอนไปทั่ว ตามใบหน้า และตีนผมเปียกเหงือจะถูกลมปัดเป่าจนแห้ง จะมีอะไรดีไปกว่านี้ คุณตรากตรำแล้วได้ผลตอบแทนทันที เหมือนทำดีแล้วได้ดี ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า
เลยจากบ้านปางป่าคาไป เส้นทางก็จะไต่ขึ้นและไหลลงแบบนี้(แต่โหดน้อยกว่าเนินต้นโชคมาก)ไม่นานก็ถึงกุนทรารีสอร์ท ตรงนี้จะเป็นเนินชัน ๑๐๐ เมตร และมีป้ายว่าโปรดระวังนกยูง คุณจะเห็นมันในขากลับ เลยจากนี้ไปอีกสองสามโค้ง ก็จะถึงปากทางเข้าน้ำตกตาดหมอก นี่คือจุดหยุดพักแรกของทริปนี้
==== ข้อความจากเฟซบุ๊ค, 8.10 am ====
มีความโดดเดี่ยวในมนุษย์ทุกคนอยู่เสมอ คุณจัดการกับมันราวกับไม่มีอยู่ก็ได้ ออกไปทำนั่นนี่เพื่อจะได้ไม่คิดถึงมัน หรือยอมรับมันโดยดีและดำรงชีวิตต่อไป