รายงาน: ได้เวลา'ทรูมูฟ เอช' ระเบิดศึก 4จีคลื่น 900
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559
ในที่สุด บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC ในกลุ่มทรู ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ เสนอราคาสุดท้ายที่ 7.62 หมื่นล้านบาท ก็ได้ 6 แบงก์พาณิชย์ อันได้แก่ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย), ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเกียรตินาคิน ได้ออกหนังสือค้ำประกันวงเงินจำนวน 7.3 หมื่นล้านบาท
โดยมี ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เป็นผู้สนับสนุนวงเงินค้ำประกันสูงสุดถึง 50% เป็นจำนวนเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำวงเงินดังกล่าวไปยื่นพร้อมกับการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์พร้อมกับการจ่ายเงินงวดแรกเป็นเงิน 8.04 พันล้านบาท ที่ TUC ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาให้กับสำนักงาน กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)
พ.ค.ปูพรม 1.6 หมื่นสถานี
ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์ทั้ง 6 แห่งแล้ว หลังจากนี้ภายใน 1-2 สัปดาห์ TUC จะนำหนังสือค้ำประกันวงเงิน 7.3 หมื่นล้านบาทพร้อมกับวงเงินชำระงวดแรกไปชำระให้กับ กสทช. อย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่า กสทช. ได้กำหนดให้ผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ นำเงินมาชำระงวดแรกในวัน 21 มีนาคม
สำหรับแผนการลงทุนติดตั้งเครือข่ายเพื่อให้บริการคลื่นความถี่ 1800-2100 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ เตรียมเงินลงทุนไว้ทั้งสิ้น 5.7 หมื่นล้านบาทเพื่อติดตั้งเครือข่ายภายในระยะเวลา 3 ปี โดยแบ่งการลงทุนในปีนี้จำนวน 3.6 หมื่นล้านบาทเพื่อติดตั้งเครือข่ายบนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 1.6 หมื่นสถานีและสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 2 หมื่นสถานี และภายใน 3 ปีจะมีเครือข่ายให้บริการ 3 หมื่นสถานี
ส่วนคลื่นความถี่ 1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ที่ให้บริการทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี และ 4 จีจะเพิ่มอีก 3 พันสถานีให้เป็น 25,000 สถานี ขณะที่คลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ที่เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี มีเครือข่าย 1.6 หมื่นสถานีภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ภายในปลายปีนี้เครือข่ายของทรูมูฟ เอช มีพื้นที่บริการครอบคลุมประชากรถึง 90%
"คุณสมบัติของคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ มีการรับ-ส่งสัญญาณที่กว้างไกลกว่าเดิมและครอบคลุมพื้นที่บริการได้มากที่สุดทำให้ประหยัดการลงทุนถึง 4.7 หมื่นล้านบาท และเป็นผู้ให้บริการรายแรกรายเดียวที่ให้บริการ 4 จี แอดวานซ์ เพราะมีคลื่นความถี่ที่ให้บริการมากที่สุดถึง 40 เมกะเฮิรตซ์ขึ้นไปสามารถรับ-ส่งสัญญาณด้วยความเร็วสูง"
ตั้งเป้าเน็ตเวิร์ก-บริการเป็นอันดับ 1
อย่างไรก็ตามการได้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ความถี่นอกเหนือจากคลื่นที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน คือ 850-1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ทำให้กลุ่มทรูมีจำนวนเครือข่ายที่ให้บริการมากที่สุดในขณะนี้ อีกทั้งการได้พันธมิตรอย่างไชน่าโมบาย และการได้อนุมัติจาก 6 แบงก์พาณิชย์ เท่ากับว่าเสริมแกร่งสถานะทางการเงิน รวมไปถึงคลื่นความถี่ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ
"เป้าหมายของกลุ่มทรูในทุกๆ ธุรกิจย่อมตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำอันดับ 1 แต่ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญที่สุด แต่ตั้งเป้าให้เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายอันดับ 1 พร้อมบริการหลังการขายให้เป็นอันดับที่ 1 ให้ได้ ส่วนแผนการเงินภายใน 3 ปี จะสร้างส่วนแบ่งตลาดในเชิงมูลค่าให้ได้ถึง 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 21%" นั่นคือคำพูดของ "ศุภชัย เจียรวนนท์"
ปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2558 ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการ 19.1 ล้านราย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของฐานลูกค้าที่ 20.8% มีการเติบโตในแง่รายได้เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับที่เท่ากัน หรือเติบโตมากขึ้นได้ในปีนี้
โชว์กำไร 4.4 พันล.
สำหรับผลประกอบการในปี 2558 นั้น บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น มีกำไร 4.4 พันล้านบาท โดยกลุ่มทรูโมบายมีส่วนแบ่งตลาดรายได้เพิ่มขึ้น 20.8% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 ส่วนทรูออนไลน์ ตั้งเป้าขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ให้มีความครอบคลุมกว่า 10 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ เพิ่มเติมจาก 6 ล้านครัวเรือน ณ สิ้นปี 2558 นอกจากนี้ ผลตอบรับที่ดีมากต่อ
แพ็กเกจไฟเบอร์บรอดแบนด์ ของกลุ่ม ซึ่งได้เปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ผลักดันให้ยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 306,682 ราย ในปี 2558 และขยายฐานลูกค้าบรอดแบนด์เป็น 2.4 ล้านราย
กสทช.ออกกฎ 5 ข้อผู้ชนะประมูลไม่ชำระเงิน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กลุ่มทรู ได้ยื่นหนังสือสอบถามไปยัง กสทช.ถึงความชัดเจนหากอีกค่ายที่ประมูลไปไม่มาชำระค่าใบอนุญาต ปรากฏว่า กสทช. ได้หนังสือตอบกลับมาชัดเจนในแนวทาง 5 ข้อคือ 1.หากจะมีการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ใหม่เกิดขึ้น ราคา เริ่มต้นการประมูลจะต้องถูกกำหนดไว้ในราคาที่ผู้ชนะการประมูลชนะไปในครั้งที่แล้ว 2.การประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ครั้งใหม่นี้ไม่ตัดสิทธิ์ผู้ชนะการประมูลครั้งที่แล้วที่ได้นำเงินประมูลมาชำระในการที่จะเข้าประมูลใหม่ เพื่อให้เกิดการแข่งขันโดยมีผู้เข้าร่วมประมูลแข่งขันมากราย
3.หากมีการประมูลแล้วไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล กสทช.จะไม่มีการนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาประมูลในครั้งที่ 2 ในทันที โดยจะเก็บคลื่นความถี่ดังกล่าวไว้ก่อนไม่น้อยกว่า 1 ปี และหากมีการเปิดประมูลใหม่หลังจากนั้น ราคาเริ่มต้นการประมูลจะต้องไม่น้อยกว่าราคาที่ผู้ชนะการประมูลชนะไปในครั้งที่แล้ว 4. ผู้ชนะการประมูลที่ไม่นำเงินมาชำระตามกำหนดเวลา นอกจาก กสทช.จะริบหลักประกันการประมูลแล้ว ยังจะต้องเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายหรือประกาศที่กำหนดไว้เพิ่มเติมอีก และจะตรวจสอบคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบกิจการที่รับใบอนุญาตเดิมจาก กสทช.ทั้งกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม และ 5. เนื่องจากเรื่องนี้ยังเป็นสิทธิ์ของผู้ชนะการประมูลที่จะนำเงินมาชำระได้จนถึงวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้นขอให้ กทค.ทุกท่านรวมทั้งสำนักงาน กสทช.หลีกเลี่ยงการให้ข่าวที่เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นในระหว่างนี้
ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเกมการแข่งขันช่วงชิงความเป็นผู้นำไร้สายเข้มข้นจริงๆ หาก "แจส โมบาย" ไม่ถอยออกจากสนามเชื่อว่า ดีกรี การแข่งขันจะร้อนแรงยิ่งกว่านี้
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 24)
รายงาน: ได้เวลา 'ทรูมูฟ เอช' ระเบิดศึก 4จีคลื่น 900
รายงาน: ได้เวลา'ทรูมูฟ เอช' ระเบิดศึก 4จีคลื่น 900
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559
ในที่สุด บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC ในกลุ่มทรู ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ เสนอราคาสุดท้ายที่ 7.62 หมื่นล้านบาท ก็ได้ 6 แบงก์พาณิชย์ อันได้แก่ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย), ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเกียรตินาคิน ได้ออกหนังสือค้ำประกันวงเงินจำนวน 7.3 หมื่นล้านบาท
โดยมี ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เป็นผู้สนับสนุนวงเงินค้ำประกันสูงสุดถึง 50% เป็นจำนวนเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำวงเงินดังกล่าวไปยื่นพร้อมกับการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์พร้อมกับการจ่ายเงินงวดแรกเป็นเงิน 8.04 พันล้านบาท ที่ TUC ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาให้กับสำนักงาน กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)
พ.ค.ปูพรม 1.6 หมื่นสถานี
ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์ทั้ง 6 แห่งแล้ว หลังจากนี้ภายใน 1-2 สัปดาห์ TUC จะนำหนังสือค้ำประกันวงเงิน 7.3 หมื่นล้านบาทพร้อมกับวงเงินชำระงวดแรกไปชำระให้กับ กสทช. อย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่า กสทช. ได้กำหนดให้ผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ นำเงินมาชำระงวดแรกในวัน 21 มีนาคม
สำหรับแผนการลงทุนติดตั้งเครือข่ายเพื่อให้บริการคลื่นความถี่ 1800-2100 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ เตรียมเงินลงทุนไว้ทั้งสิ้น 5.7 หมื่นล้านบาทเพื่อติดตั้งเครือข่ายภายในระยะเวลา 3 ปี โดยแบ่งการลงทุนในปีนี้จำนวน 3.6 หมื่นล้านบาทเพื่อติดตั้งเครือข่ายบนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 1.6 หมื่นสถานีและสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 2 หมื่นสถานี และภายใน 3 ปีจะมีเครือข่ายให้บริการ 3 หมื่นสถานี
ส่วนคลื่นความถี่ 1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ที่ให้บริการทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี และ 4 จีจะเพิ่มอีก 3 พันสถานีให้เป็น 25,000 สถานี ขณะที่คลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ที่เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี มีเครือข่าย 1.6 หมื่นสถานีภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ภายในปลายปีนี้เครือข่ายของทรูมูฟ เอช มีพื้นที่บริการครอบคลุมประชากรถึง 90%
"คุณสมบัติของคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ มีการรับ-ส่งสัญญาณที่กว้างไกลกว่าเดิมและครอบคลุมพื้นที่บริการได้มากที่สุดทำให้ประหยัดการลงทุนถึง 4.7 หมื่นล้านบาท และเป็นผู้ให้บริการรายแรกรายเดียวที่ให้บริการ 4 จี แอดวานซ์ เพราะมีคลื่นความถี่ที่ให้บริการมากที่สุดถึง 40 เมกะเฮิรตซ์ขึ้นไปสามารถรับ-ส่งสัญญาณด้วยความเร็วสูง"
ตั้งเป้าเน็ตเวิร์ก-บริการเป็นอันดับ 1
อย่างไรก็ตามการได้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ความถี่นอกเหนือจากคลื่นที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน คือ 850-1800 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ทำให้กลุ่มทรูมีจำนวนเครือข่ายที่ให้บริการมากที่สุดในขณะนี้ อีกทั้งการได้พันธมิตรอย่างไชน่าโมบาย และการได้อนุมัติจาก 6 แบงก์พาณิชย์ เท่ากับว่าเสริมแกร่งสถานะทางการเงิน รวมไปถึงคลื่นความถี่ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ
"เป้าหมายของกลุ่มทรูในทุกๆ ธุรกิจย่อมตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำอันดับ 1 แต่ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญที่สุด แต่ตั้งเป้าให้เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายอันดับ 1 พร้อมบริการหลังการขายให้เป็นอันดับที่ 1 ให้ได้ ส่วนแผนการเงินภายใน 3 ปี จะสร้างส่วนแบ่งตลาดในเชิงมูลค่าให้ได้ถึง 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 21%" นั่นคือคำพูดของ "ศุภชัย เจียรวนนท์"
ปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2558 ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการ 19.1 ล้านราย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของฐานลูกค้าที่ 20.8% มีการเติบโตในแง่รายได้เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับที่เท่ากัน หรือเติบโตมากขึ้นได้ในปีนี้
โชว์กำไร 4.4 พันล.
สำหรับผลประกอบการในปี 2558 นั้น บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น มีกำไร 4.4 พันล้านบาท โดยกลุ่มทรูโมบายมีส่วนแบ่งตลาดรายได้เพิ่มขึ้น 20.8% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 ส่วนทรูออนไลน์ ตั้งเป้าขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ให้มีความครอบคลุมกว่า 10 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ เพิ่มเติมจาก 6 ล้านครัวเรือน ณ สิ้นปี 2558 นอกจากนี้ ผลตอบรับที่ดีมากต่อ
แพ็กเกจไฟเบอร์บรอดแบนด์ ของกลุ่ม ซึ่งได้เปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ผลักดันให้ยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 306,682 ราย ในปี 2558 และขยายฐานลูกค้าบรอดแบนด์เป็น 2.4 ล้านราย
กสทช.ออกกฎ 5 ข้อผู้ชนะประมูลไม่ชำระเงิน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กลุ่มทรู ได้ยื่นหนังสือสอบถามไปยัง กสทช.ถึงความชัดเจนหากอีกค่ายที่ประมูลไปไม่มาชำระค่าใบอนุญาต ปรากฏว่า กสทช. ได้หนังสือตอบกลับมาชัดเจนในแนวทาง 5 ข้อคือ 1.หากจะมีการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ใหม่เกิดขึ้น ราคา เริ่มต้นการประมูลจะต้องถูกกำหนดไว้ในราคาที่ผู้ชนะการประมูลชนะไปในครั้งที่แล้ว 2.การประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ครั้งใหม่นี้ไม่ตัดสิทธิ์ผู้ชนะการประมูลครั้งที่แล้วที่ได้นำเงินประมูลมาชำระในการที่จะเข้าประมูลใหม่ เพื่อให้เกิดการแข่งขันโดยมีผู้เข้าร่วมประมูลแข่งขันมากราย
3.หากมีการประมูลแล้วไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล กสทช.จะไม่มีการนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาประมูลในครั้งที่ 2 ในทันที โดยจะเก็บคลื่นความถี่ดังกล่าวไว้ก่อนไม่น้อยกว่า 1 ปี และหากมีการเปิดประมูลใหม่หลังจากนั้น ราคาเริ่มต้นการประมูลจะต้องไม่น้อยกว่าราคาที่ผู้ชนะการประมูลชนะไปในครั้งที่แล้ว 4. ผู้ชนะการประมูลที่ไม่นำเงินมาชำระตามกำหนดเวลา นอกจาก กสทช.จะริบหลักประกันการประมูลแล้ว ยังจะต้องเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายหรือประกาศที่กำหนดไว้เพิ่มเติมอีก และจะตรวจสอบคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบกิจการที่รับใบอนุญาตเดิมจาก กสทช.ทั้งกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม และ 5. เนื่องจากเรื่องนี้ยังเป็นสิทธิ์ของผู้ชนะการประมูลที่จะนำเงินมาชำระได้จนถึงวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้นขอให้ กทค.ทุกท่านรวมทั้งสำนักงาน กสทช.หลีกเลี่ยงการให้ข่าวที่เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นในระหว่างนี้
ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเกมการแข่งขันช่วงชิงความเป็นผู้นำไร้สายเข้มข้นจริงๆ หาก "แจส โมบาย" ไม่ถอยออกจากสนามเชื่อว่า ดีกรี การแข่งขันจะร้อนแรงยิ่งกว่านี้
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 24)