คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
มาอ่านแล้วก็ได้แต่สะเทือนใจ
ที่สะเทือนใจเพราะใครๆหลายคน รวมถึงตัวเราเองพยายามจะเชื่อว่า
อายุมากจะทำให้เราไม่มีความอ่อนไหว
ทำให้เราเข้มแข็ง และมองเห็นว่า อารมณ์โรแมนติกก็คืออารมณ์
คนสูงวัยจะต้องแยกแยะออก ระหว่างโลกความจริงและความฝัน
แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย
ผู้หญิงหลายคน ยังอ่อนไหว ยังช่างฝัน
ยังต้องการความรักและการเอาใจใส่
ก่อนอื่นขอแนะนำ ซึ่งคงเป็นสิ่งที่คุณทราบอยู่แล้ว อ่านจากที่คุณเขียน
คือ ความทรงจำมันสวยงามกว่าความจริงเสมอ
เขาเป็นรักแรก เป็นชายคนแรก เป็นที่สุดแห่งอารมณ์ในการเริ่มเป็นสาวของคุณ
สิ่งพวกนี้มันสวยงาม มันอ่อนหวานมันซาบซึ้งในความทรงจำ
แต่ที่จริงแล้ว คุณก็ไม่ใช่คนเดิม เขาก็ไม่ใช่คนเดิม เราทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว
นั่นคือสัจธรรม ไม่มีอะไรคงทนถาวร ทุกอย่างมีขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดา
อารมณ์รักที่คุณมีครั้งนี้ จริงๆแล้วเป็นความรักฝังใจแต่อดีต
หรือเป็นสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเองเพื่อประโลมใจไม่ให้เหี่ยวแห้ง ตามวัยร่วงโรย
- คุณยังรักเขา คนเดิม
- หรือคุณรักเขาในความทรงจำ
- หรือรักเขาคนนี้แบบตอนนี้
- หรือจริงๆไม่ได้รักแต่ต้องการมีความรัก
ค่อยๆคิดตรอง เพื่อหาบทสรุป ในการที่จะเรียนรู้จักใจตัวเอง เพื่อที่จะได้เข้าใจตัวเอง
และเป็นเข็มทิศพาตัวเองเดินตรงไปในทางที่จริงๆแล้วมันดีที่สุดสำหรับคุณ
ที่สะเทือนใจเพราะใครๆหลายคน รวมถึงตัวเราเองพยายามจะเชื่อว่า
อายุมากจะทำให้เราไม่มีความอ่อนไหว
ทำให้เราเข้มแข็ง และมองเห็นว่า อารมณ์โรแมนติกก็คืออารมณ์
คนสูงวัยจะต้องแยกแยะออก ระหว่างโลกความจริงและความฝัน
แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย
ผู้หญิงหลายคน ยังอ่อนไหว ยังช่างฝัน
ยังต้องการความรักและการเอาใจใส่
ก่อนอื่นขอแนะนำ ซึ่งคงเป็นสิ่งที่คุณทราบอยู่แล้ว อ่านจากที่คุณเขียน
คือ ความทรงจำมันสวยงามกว่าความจริงเสมอ
เขาเป็นรักแรก เป็นชายคนแรก เป็นที่สุดแห่งอารมณ์ในการเริ่มเป็นสาวของคุณ
สิ่งพวกนี้มันสวยงาม มันอ่อนหวานมันซาบซึ้งในความทรงจำ
แต่ที่จริงแล้ว คุณก็ไม่ใช่คนเดิม เขาก็ไม่ใช่คนเดิม เราทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว
นั่นคือสัจธรรม ไม่มีอะไรคงทนถาวร ทุกอย่างมีขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดา
อารมณ์รักที่คุณมีครั้งนี้ จริงๆแล้วเป็นความรักฝังใจแต่อดีต
หรือเป็นสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเองเพื่อประโลมใจไม่ให้เหี่ยวแห้ง ตามวัยร่วงโรย
- คุณยังรักเขา คนเดิม
- หรือคุณรักเขาในความทรงจำ
- หรือรักเขาคนนี้แบบตอนนี้
- หรือจริงๆไม่ได้รักแต่ต้องการมีความรัก
ค่อยๆคิดตรอง เพื่อหาบทสรุป ในการที่จะเรียนรู้จักใจตัวเอง เพื่อที่จะได้เข้าใจตัวเอง
และเป็นเข็มทิศพาตัวเองเดินตรงไปในทางที่จริงๆแล้วมันดีที่สุดสำหรับคุณ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เราเจอกันอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง พี่เค้าจะมาหา ทานข้าวแล้วคุยกันเรื่องที่เปิดห้องอยู่ด้วยกัน เราตกลงกันว่า เราจะแบ่งโลกของเรา
เป็น 3 ส่วน พี่เค้าเป็นลูกชายคนเดียวอยู่กับแม่และน้องสาว ส่วนเราต้องดูแลลูก ต่างฝ่ายต่างดูแลทำหน้าที่ของตัวเอง มีห้องไว้สำหรับเค้าทำงาน
และเราสองคนได้อยู่ด้วยกันบ้าง ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ คิดไปไกลว่าคงจะสงบสุขแล้วเรียบง่าย
แต่ความสุขนั้นแสนจะสั้นนะคะ ไม่รู้ทำไม อยู่ ๆ เราก็เหนื่อย เหนื่อยที่ต้องคอยเอาใจเค้า รู้สึกว่าเค้าไม่ได้เป็นหนุ่มน้อยอายุ 18 อีกแล้ว
เค้าเคร่งเครียด อารมณ์ไม่คงที่ เราเองน้อยใจอยู่บ่อย ๆ มันเปราะบางไปหมด แล้วต้องยอมรับมันให้ได้ว่า ไม่ว่าเราจะทำดี เอาใจเค้ามาก
แค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือเค้าไม่ได้รักเรา เค้าไม่เคยลืมเธอ บางทีทานข้าว เค้ายังเรียกชื่อเราเป็นเธอด้วยซ้ำ
เราเลยบอกเค้าตามตรงว่า คงต้องหยุดก่อนทุกเรื่อง แรก ๆ เค้าก็ฝืน รั้งเราไว้ เราก็ลองต่อไปอีก แล้ววนกลับมาเหมือนเดิม
ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เราเองก็เจียมตัว เป็นแม่ม่ายลูกสอง ถ้าจะฝ่าไปคงยาก อนาคตคงยิ่งเจ็บปวดมากกว่านี้แน่นอน ปล่อยเค้าไปแล้ว
แอบห่วงกันไกล ๆ ดีกว่า
เราชอบตอนคุยกันก่อนที่จะเจอกัน พอเจอกันมันมีเรื่องความคาดหวังมาเกี่ยวข้อง ผู้หญิงนี่คิดอะไรซับซ้อนกว่าเยอะ ซึ่งเค้าไม่เข้าใจ
เค้าเองก็ยอมรับว่าดูแลเราได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลังจากนี้เราจะปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วค่ะ เรากับเค้าถ้าใช่คู่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่สุดแล้วแต่โชคชะตา
พอได้ระบายแล้วสบายใจขึ้นมาก ขอบคุณที่อ่านแล้วอยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ
เป็น 3 ส่วน พี่เค้าเป็นลูกชายคนเดียวอยู่กับแม่และน้องสาว ส่วนเราต้องดูแลลูก ต่างฝ่ายต่างดูแลทำหน้าที่ของตัวเอง มีห้องไว้สำหรับเค้าทำงาน
และเราสองคนได้อยู่ด้วยกันบ้าง ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ คิดไปไกลว่าคงจะสงบสุขแล้วเรียบง่าย
แต่ความสุขนั้นแสนจะสั้นนะคะ ไม่รู้ทำไม อยู่ ๆ เราก็เหนื่อย เหนื่อยที่ต้องคอยเอาใจเค้า รู้สึกว่าเค้าไม่ได้เป็นหนุ่มน้อยอายุ 18 อีกแล้ว
เค้าเคร่งเครียด อารมณ์ไม่คงที่ เราเองน้อยใจอยู่บ่อย ๆ มันเปราะบางไปหมด แล้วต้องยอมรับมันให้ได้ว่า ไม่ว่าเราจะทำดี เอาใจเค้ามาก
แค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือเค้าไม่ได้รักเรา เค้าไม่เคยลืมเธอ บางทีทานข้าว เค้ายังเรียกชื่อเราเป็นเธอด้วยซ้ำ
เราเลยบอกเค้าตามตรงว่า คงต้องหยุดก่อนทุกเรื่อง แรก ๆ เค้าก็ฝืน รั้งเราไว้ เราก็ลองต่อไปอีก แล้ววนกลับมาเหมือนเดิม
ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เราเองก็เจียมตัว เป็นแม่ม่ายลูกสอง ถ้าจะฝ่าไปคงยาก อนาคตคงยิ่งเจ็บปวดมากกว่านี้แน่นอน ปล่อยเค้าไปแล้ว
แอบห่วงกันไกล ๆ ดีกว่า
เราชอบตอนคุยกันก่อนที่จะเจอกัน พอเจอกันมันมีเรื่องความคาดหวังมาเกี่ยวข้อง ผู้หญิงนี่คิดอะไรซับซ้อนกว่าเยอะ ซึ่งเค้าไม่เข้าใจ
เค้าเองก็ยอมรับว่าดูแลเราได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลังจากนี้เราจะปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วค่ะ เรากับเค้าถ้าใช่คู่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่สุดแล้วแต่โชคชะตา
พอได้ระบายแล้วสบายใจขึ้นมาก ขอบคุณที่อ่านแล้วอยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ
ความคิดเห็นที่ 32
ขอบคุณทุก คห. ค่ะ เราอ่านแล้วเป็นประโยชน์ในแง่มุมต่าง ๆ มากเลยนะคะ
เราเข้าใจทุกอย่างดี ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ตอนนี้พี่เค้าก็ทำงาน เราอยู่ส่วนของเรา
ไม่ได้โกรธหรือทะเลาะกันเลย เพียงแต่เว้นห่างความสัมพันธ์ ไม่ไลน์ ไม่โทรหา
ใช้ชีวิตเหมือนที่เป็นมา แต่ถามว่าเราคิดถึงเค้าไหม เราคิดถึงเค้า แล้วเชื่อด้วยว่า
เค้าเองก็คิดถึงเรา เพียงแต่ความคิดถึงของเค้าอาจไม่ใช่แบบที่เราต้องการเท่านั้นเอง
สิ่งที่หวังไว้ของเรา คืออยากให้เค้ามีความสุข เวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา เค้าสูญเสีย
อะไรหลายอย่าง ๆ เพราะความรัก เหมือนกงกรรมกงเกวียน เค้าเลือกรักคนที่ไม่รักเค้า
ส่วนเรารักเค้าต่ออีกที น่าขำและตลกมาก ตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนที่คุยกัน เราแอบคิดในใจ
ว่านี่คือกรรมของเค้าสินะ เค้าไม่มีใครจริง ๆ สิ่งเดียวที่มีในตัวเค้าคือความมั่นใจ แผลเค้าใหญ่มาก
กลบเกลื่อนความเจ็บปวดด้วยการข่มคนที่อ่อนแอกว่า เรารู้ตัวและมีสติดีทุกอย่าง ถึงได้เลือกที่จะจบแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
เราเข้าใจทุกอย่างดี ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ตอนนี้พี่เค้าก็ทำงาน เราอยู่ส่วนของเรา
ไม่ได้โกรธหรือทะเลาะกันเลย เพียงแต่เว้นห่างความสัมพันธ์ ไม่ไลน์ ไม่โทรหา
ใช้ชีวิตเหมือนที่เป็นมา แต่ถามว่าเราคิดถึงเค้าไหม เราคิดถึงเค้า แล้วเชื่อด้วยว่า
เค้าเองก็คิดถึงเรา เพียงแต่ความคิดถึงของเค้าอาจไม่ใช่แบบที่เราต้องการเท่านั้นเอง
สิ่งที่หวังไว้ของเรา คืออยากให้เค้ามีความสุข เวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา เค้าสูญเสีย
อะไรหลายอย่าง ๆ เพราะความรัก เหมือนกงกรรมกงเกวียน เค้าเลือกรักคนที่ไม่รักเค้า
ส่วนเรารักเค้าต่ออีกที น่าขำและตลกมาก ตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนที่คุยกัน เราแอบคิดในใจ
ว่านี่คือกรรมของเค้าสินะ เค้าไม่มีใครจริง ๆ สิ่งเดียวที่มีในตัวเค้าคือความมั่นใจ แผลเค้าใหญ่มาก
กลบเกลื่อนความเจ็บปวดด้วยการข่มคนที่อ่อนแอกว่า เรารู้ตัวและมีสติดีทุกอย่าง ถึงได้เลือกที่จะจบแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
ความคิดเห็นที่ 27
หลาย ๆ คน หลาย ๆ คู่ ชะตาคงกำหนดมาให้แค่ "ได้เจอกันและรักกัน แต่ไม่ต้องให้ร่วมชีวิตกัน" ซึ่งบางทีเป็นแบบนี้ก็ดีเพราะทำให้ความรักนั้นยังมั่นคงและแรงได้เสมอ บางทีถ้าการได้มีโอกาสร่วมชีวิตกันนั้นก็อาจจะมีเรื่องราวมากมายที่มาเป็นตัวแปรและทำให้เกิดปัญหาและอาจจะจบลงด้วยการ "เกลียดกัน" ก็เป็นได้
ฉะนั้น ส่วนตัวขอเลือกมองในข้อดีของความรักแบบนี้ด้วยเหตุผลตรงนี้แหละค่ะ แค่ได้รักกันนี่ก็เป็นความทรงจำและความสุขแบบในฝันที่ทำให้เวลานึกถึงแล้วยังยิ้มได้ ถ้าเป็นความรักจริง ๆ นั้น ไม่ว่าคนสองคนจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน จะจากกันไปกี่รอบต่อกี่รอบ ยังไงความรักก็ยังอยู่ ไม่มีอะไรจะมาทำลายสายใยรักของพวกเค้าได้หรอก คนที่ไม่ใช่เจ้าของความรู้สึกก็จะตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ บ้างก็อาจจะคิดว่าอายุมากแล้วทำไมมาเป็นบ้าเป็นหลังกับความรัก ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องความรักนั้นไม่มีคำว่าอายุเลย ความรักเป็นเรื่องของธรรมชาติ กฏต่าง ๆ ที่คนตั้งขึ้นมาว่าอันนี้ไม่ควร อันนี้ไม่เหมาะสม กฏเหล่านี้ก็คือคนสร้างกฏขึ้นมาเอง ในขณะที่ความรักเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องของความรู้สึก จึงไม่มีกฏอะไรเข้ามาควบคุม ขอแค่ตัวเราที่เป็นเจ้าของความรู้สึกนี้มีสติและรู้ตัวว่าขอบเขตของความรักนี้เป็นได้แค่ไหนก็พอ แต่ความรู้สึกยังไงก็คือความรู้สึกและเป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ
ปล. เป็นมุมมองส่วนตัวล้วน ๆ ค่ะ เพราะหลังจากประสบกับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง เลยไม่ขอตัดสินใครน่ะค่ะ
ฉะนั้น ส่วนตัวขอเลือกมองในข้อดีของความรักแบบนี้ด้วยเหตุผลตรงนี้แหละค่ะ แค่ได้รักกันนี่ก็เป็นความทรงจำและความสุขแบบในฝันที่ทำให้เวลานึกถึงแล้วยังยิ้มได้ ถ้าเป็นความรักจริง ๆ นั้น ไม่ว่าคนสองคนจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน จะจากกันไปกี่รอบต่อกี่รอบ ยังไงความรักก็ยังอยู่ ไม่มีอะไรจะมาทำลายสายใยรักของพวกเค้าได้หรอก คนที่ไม่ใช่เจ้าของความรู้สึกก็จะตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ บ้างก็อาจจะคิดว่าอายุมากแล้วทำไมมาเป็นบ้าเป็นหลังกับความรัก ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องความรักนั้นไม่มีคำว่าอายุเลย ความรักเป็นเรื่องของธรรมชาติ กฏต่าง ๆ ที่คนตั้งขึ้นมาว่าอันนี้ไม่ควร อันนี้ไม่เหมาะสม กฏเหล่านี้ก็คือคนสร้างกฏขึ้นมาเอง ในขณะที่ความรักเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องของความรู้สึก จึงไม่มีกฏอะไรเข้ามาควบคุม ขอแค่ตัวเราที่เป็นเจ้าของความรู้สึกนี้มีสติและรู้ตัวว่าขอบเขตของความรักนี้เป็นได้แค่ไหนก็พอ แต่ความรู้สึกยังไงก็คือความรู้สึกและเป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ
ปล. เป็นมุมมองส่วนตัวล้วน ๆ ค่ะ เพราะหลังจากประสบกับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง เลยไม่ขอตัดสินใครน่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โชคชะตา พรมลิขิต หรือเวรกรรม ที่ทำให้เราได้มาพบเจอกันอีกใน 27 ปี
ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 27 ปีที่แล้ว ยุคที่อัศนี วสันต์ กับเพลงสไตล์จิ๊กโก๋อกหัก พี่หนุ่ย ไมโคร
และติ๊นา ในชุดนินจากำลังดังถึงขีดสุด นั่นแหละค่ะเราเองที่เป็นสาวน้อยอายุแค่ 16 ปี ในตอนนั้น
เราอยู่กับแม่ 2 คน แม่เป็น Single mom เลี้ยงลูกมาตามลำพังหลังจากเลิกกับพ่อ แม่เช่าแฟลตแถวสามแยกดินแดงอยู่ โดยปากซอยเป็นแฟลต ข้างในเป็นกรมทหาร แม่เป็นคนขยัน และประหยัดมาก ส่งเสียให้เราเรียนคนเดียว แต่เมื่อมาพร้อมกับความขยันนั่นคือแม่ไม่มีเวลา ทำงานแต่เช้าแล้วกลับบ้านค่ำ เราต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ไม่ถึงกับลำบากแต่ก็ไม่สบายอะไร
เราเลยต้องทำงานหาค่าขนมเอง ตอนนั้นเราขายเสื้อผ้าในหนังสือวัยน่ารัก เป็นหนังสือแฟชั่นในยุคนั้น ถ้าแต่งแบบนั้นถือว่าทันสมัยที่สุดแล้วค่ะ เหตุผลที่หาเงินมีเหตุผลใหญ่คือ เราชอบอ่านหนังสือมาก และแม่มองว่าเป็นของฟุ่มเฟือย ไม่มีทางที่แม่จะให้เงินเราไปซื้อหนังสือเด็ดขาด เราเลยต้องทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะได้เงินมา รวมถึงไปรับขนมปังจากคลองเตยมาตั้งขายหน้าบ้านกับเพื่อนสนิทด้วย
แล้วความรักก็เข้ามา ตอนเราอายุแค่ 16 เป็นเด็กแก่แดดแก่ลมจริง ๆ ส่วนพี่เค้า ต่อจากนี้ขอเรียกว่าพี่หนึ่งเเล้วกันนะคะ เดินผ่านร้านขนมปังเล็ก ๆ ของเราทุกวันหลังเค้าเลิกเรียน
พี่หนึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่น่ารักมากสำหรับเรา พี่เค้าผิวคล้ำ ผมหยักศก แต่ส่วนที่ดีที่สุดของเค้าคือ เค้ามีดวงตาที่ระยิบระยับเหมือนกับดาว เวลายิ้มทีเหมือนโลกจะยิ้มตามไปด้วย
ส่วนเราเป็นสาวหมวย ตาตี่ รูปร่างเก้งก้าง ผอมและสูงกว่าเด็กวัยเดียวกัน ถ้าเป็นยุคนี่คงเป็นางแบบไปแล้ว แต่ตอนนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นปมด้อยที่สุดของเรา และยิ่งตอกย้ำปมด้อยเข้าไปอีกคือ เพื่อนเราสวยและน่ารักมาก เพื่อนตัวเล็ก เสียงหวาน ใครเห็นก็เอ็นดู พี่หนึ่งเองก็เช่นกัน
เมื่อเจอแม่ค้าหน้าตาน่ารัก ในวันหนึ่งหลังจากเค้าเดินผ่านมานาน เค้าก็แวะซื้อขนมปังจนได้ เราเป็นคนกล้า อยากได้เงิน เราก็ชี้ชวนเค้าซื้อนั่นซื้อนี่ หลังจากนั้นเค้าผ่าน เค้าแวะซื้อทุกวัน เค้าทำตัวเป็นพี่ ไม่แสดงออกว่าจีบใคร จนมารู้ว่าเพื่อนเรามีแฟนแล้วกับหนุ่มในชั้นเรียนเดียวกัน
ในค่ำวันหนึ่งหลังจากเค้าเลิกเรียนเค้าก็ชวนเราดูหนัง.....