Version 1 : ภาคอนุบาลปัญญานิ่ม
เริ่มต้นก่อนเลยคือผมเป็นผู้ชายอ่ะนะครับ ลูกชายคนเดียว หลานชายคนเดียวในบ้าน มีพี่สาวอีก 1 คน
เริ่มต้นชีวิตมาด้วย ตังค์ๆๆๆๆ มีของเล่นให้อยู่มากมาย ชีวิตแลดูสดใสจริงจังครับ (แต่ตอนนั้นยังโง่นะครับ)
ผมเริ่มด้วยตั้งแต่ยังเด็กมา ก็เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ออกซนไปหน่อย อนุบาลเป็นเด็กที่อื่านหนังสือไม่ออก
ซึ่งมันมีอยู่เพียงไม่กี่คนในห้องเรียน แต่ว่าหนึ่งในนั้นเป็นเรานี่หว่า! กลายเป็นว่าไปเจอหนังสือการ์ตูนเล่มนึง
อยากอ่านมากกกกกกก... ไอชิบหา.. อ่านไม่ออก เลยต้องมาตั้งใจเรียนอ่านหนังสือเรียนเล่มนึง ดรุญศึกษา (ไม่รู้เขียนงี้เปล่านะ)
กลายเป็นว่าอ่านออกได้ เก่งไปเลย!! แต่แล้วก็ถูกติด้วยว่า เป็นเด็กดื้อเลยทีเดียวเชียว เถียงครูครับ จนครูไปฟ้องแม่
(อันนี้แม่เล่าให้ฟังนะ) ครูไปฟ้องว่า นี่ดูเจ้าน้อง ... มันสิคะคุณแม่ เถียงหนู หนูแค่อยากให้เขียนหนังสือเร็วๆ เพราะ
น้องเป็นคนเขียนสวยอยู่แล้ว แต่เขียนช้า เขาพูดกับหนูว่า "ถ้าอยากให้เร็วก็ไม่สวย ถ้าอยากให้สวยก็ไม่เร็วสิ" (ฮั่นแน่ ปากเก่งจริง)
จนมาดูทุกวันนี้ลายมือนี่ตี.. เขี่ยไปเลยทีเดียวเชียว แต่ต่อมารู้สึกได้ว่าชีวิตพลิกผันมากมาย จากเป็นเด็กที่คิดว่ามีทุกอย่าง
เปล่าเลยครับ!! เอาแล้วววว จะดราม่าละนะครับ
ผมมารู้สึกตัวอีกที จากอยู่โรงเรียนอนุบาลดีมากย่านกลางเมือง ค่าเทอมปีเป็นแสนบาท สมัยนู้นนนนนะครับนะ
มาอีกทีอยู่ ป.1 ค่าเทอมปีนึงหลัก 1000 มาอยู่โรงเรียน กทม เฉยๆ ไปเลย แล้วทำไงดีละทีนี้ เข้าเรียนก็ช้ากว่าเขา
ไปถึงปั๊ป! ค้นพบเลยครับ เก่งครับ เรียนเก่งเลย มาปุ๊ปปั๊ปเป็นที่ 1 ของห้อง เรียนดีกิจกรรมเด่น เข้าแข่งขันช่วงประถม
เป็นว่าเล่น คณิตบ้าง ไทยบ้าง วิทย์บ้าง ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย อันทีจริงอย่างนึงก็ได้พระบารมีจากพี่สาว
ที่หัวสมองเด็ดดวงไม่กลวงด้วยล่ะนั่น ทำให้ผมได้เป็นรองประธานนักเรียน ประธานสี เป็นคนทำชมรมขึ้นมาใหม่
เป็นคนแรกที่ทำให้สหกรณ์ของโรงเรียนมีเครื่องมือต่างๆ เรียนดี มารยาทเด่น แต่ช่วงนั้นค้นพบว่าบ้านผมตกต่ำลงหรือ?
ทำไมถึงเป็นงั้นไป? ช่วงนั้นเป็นเด็กประถมที่รู้ทุกอย่างของที่บ้านครับ บ้านเป็นร้านอาหารจีน (ดูรวยใช่ไหมล่ะ?? หึหึ)
หน้าตาก็ใครๆ บอกลูกคุณหนูเชียว แต่อันที่จริงตอนประถมบ้านผมต้องปิดร้านไปครับ กลายเป็นไปขายฟู้ดคอร์ดอยู่
ที่ตึกๆ หนึ่ง เสาร์ อาทิตย์ต้องไปขายที่ตลาด เพราะตึกปิดไม่มีคนทำงาน ผมที่ต้องช่วยงานทุกวันจากเด็กไม่รู้สีสา
เคยไปกวนน้ำเล่นในอ้างล้างจาน ก็ล้างจานกันเป็นว่าเล่น ตื่นแต่ตี 3 ไปซื้อหมูกับที่บ้านไปขายตลาดตี 5 ยืนตะโกน
เรียกลูกค้าว่าร้านขายอยู่ด้านในตลาดดด แล้วก็นะ กลายเป็นเด็กสู้ชีวิตไปเฉยๆ เลย ย้อนกลับมาอีกที ป.6 เปิดร้าน
ใหม่อีกรอบครับ ด้วยการกู้หนี้ยืมสินมาด้วย แล้วก็ได้ค่าใช้จ่ายต่างๆ มาจากนู่นนี่บ้าง ทำให้เปิดร้านใหม่ได้ครับ
ก็ยอมรับว่าต้องช่วยทุกวันครับ ตอนนั้นเคยคิดนะครับว่า เด็กๆ เพื่อนๆ ก็กลับบ้านไปเล่นเกม ได้ไปเที่ยว ได้ว่างๆ
แล้วทำไมถึงมีผมที่ต้องทำงาน อยากกลับบ้าน อยากเล่นเกม ไม่อยากมาเลย เก็บกดจัง!! อยากได้เกมบอยครับ
เก็บตังค์ร่วม 2 ปี สุดท้ายตกรุ่นครับ เหม่! พอไปถึงร้านขายเกมบอย พี่อย่างใจดี แถมตลับเกมให้ฟรีๆ ด้วยจาก
ของเดิมเพิ่มอีก 2 ตลับ (อยากขายล่ะสิ เห็นตกรุ่น เด็กนี่โง่จังยังอยากได้อยู่) ตอนนั้นแว๊บๆๆ มาเลยครับ ไม่เอา!
โอ้โห นี่ตูเก็บตังค์มา 2 ปี ซื้อทีเดียวแม่คุณหมดเลยยยยย .. เรื่องไรวะ (เริ่มหยาบละ) เลยไม่ซื้อครับ เสียดายตังค์
ก็เลยเก็บตังคืมาเรื่อยๆๆๆ เคยมีตังค์เก็บเป็นแสนแหนะ! รวยเลยล่ะสิ 555 ไม่เคยใช้เลยครับ ขี้งกอีก เวลาอยากได้
อะไรของต้องดี ต้องถูก ต้องคุ้มค่ากับราคา ต้องคิด ขบ กัดเล็บ กินหนัง กว่าจะคิดได้ว่าซื้อดีไหมหนาาา สุดท้าย!
ไม่ซื้อครับ .. = ='
พอร้านเปิดตัวได้ใหม่อีกครั้ง เป็นอารมณ์ที่ดีใจมากๆ ครับ บ้านมีธุรกิจแล้ว (ตูกลับมาแล้วว้อยยยยย..) อูหู้ย ขายดี
สิครับรอไร เป็นเทน้ำเทท่า เทกะจงกระจาด กระจัดกระจายไปเลย ดีใจครับ มาคิดได้ว่า มีร้าน มีไรที่ต้องกลับมา
มันดีอย่างนี้นี่เอง เป็นช่วงที่มีคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องยืมของคนอื่นเล่นเป็นครั้งแรก มีบ้านหลังใหม่มา ชีวิตมีตังค์
(ให้เรียกผมว่า ป๋า ซะนะครับ) อันนี้เป็นช่วงเวลาถึง ป.6 ที่ผมช่วยงานเป็นทุกอย่างในร้านอาหารจีนร้านนึงได้หมด
ตั้งแต่ในครัวเตรียมของ ผู้ช่วยกุ๊ก เด็กล้างจาน เด็กล้างพื้น ล้างหน้าเตา ทำของทอด จัดจงจาน ยันมาเคาน์เตอร์
เสริฟอาหาร ต้อนรับลูกค้า เรียกว่า General ไปเลย สั่งงานพนักงาน สอนงานได้ (ดูเก่งกาจทีเดียวเชียว)
แต่ก็ยังเด็กครับ
ขอจบเวอร์ชั่นนี้ไว้ก่อนนะครับ ดูเชิงงงง กันไปก่อน
ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องเล่าก็อยากให้แลกเปลี่ยนกันหน่อยนะครับ ยินดีถ้าอยาก inbox มาได้นะครับ ^^
มาเล่าชีวิตกันเถอะครับ 555 อยากดราม่า สักนิด!!
เริ่มต้นก่อนเลยคือผมเป็นผู้ชายอ่ะนะครับ ลูกชายคนเดียว หลานชายคนเดียวในบ้าน มีพี่สาวอีก 1 คน
เริ่มต้นชีวิตมาด้วย ตังค์ๆๆๆๆ มีของเล่นให้อยู่มากมาย ชีวิตแลดูสดใสจริงจังครับ (แต่ตอนนั้นยังโง่นะครับ)
ผมเริ่มด้วยตั้งแต่ยังเด็กมา ก็เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ออกซนไปหน่อย อนุบาลเป็นเด็กที่อื่านหนังสือไม่ออก
ซึ่งมันมีอยู่เพียงไม่กี่คนในห้องเรียน แต่ว่าหนึ่งในนั้นเป็นเรานี่หว่า! กลายเป็นว่าไปเจอหนังสือการ์ตูนเล่มนึง
อยากอ่านมากกกกกกก... ไอชิบหา.. อ่านไม่ออก เลยต้องมาตั้งใจเรียนอ่านหนังสือเรียนเล่มนึง ดรุญศึกษา (ไม่รู้เขียนงี้เปล่านะ)
กลายเป็นว่าอ่านออกได้ เก่งไปเลย!! แต่แล้วก็ถูกติด้วยว่า เป็นเด็กดื้อเลยทีเดียวเชียว เถียงครูครับ จนครูไปฟ้องแม่
(อันนี้แม่เล่าให้ฟังนะ) ครูไปฟ้องว่า นี่ดูเจ้าน้อง ... มันสิคะคุณแม่ เถียงหนู หนูแค่อยากให้เขียนหนังสือเร็วๆ เพราะ
น้องเป็นคนเขียนสวยอยู่แล้ว แต่เขียนช้า เขาพูดกับหนูว่า "ถ้าอยากให้เร็วก็ไม่สวย ถ้าอยากให้สวยก็ไม่เร็วสิ" (ฮั่นแน่ ปากเก่งจริง)
จนมาดูทุกวันนี้ลายมือนี่ตี.. เขี่ยไปเลยทีเดียวเชียว แต่ต่อมารู้สึกได้ว่าชีวิตพลิกผันมากมาย จากเป็นเด็กที่คิดว่ามีทุกอย่าง
เปล่าเลยครับ!! เอาแล้วววว จะดราม่าละนะครับ
ผมมารู้สึกตัวอีกที จากอยู่โรงเรียนอนุบาลดีมากย่านกลางเมือง ค่าเทอมปีเป็นแสนบาท สมัยนู้นนนนนะครับนะ
มาอีกทีอยู่ ป.1 ค่าเทอมปีนึงหลัก 1000 มาอยู่โรงเรียน กทม เฉยๆ ไปเลย แล้วทำไงดีละทีนี้ เข้าเรียนก็ช้ากว่าเขา
ไปถึงปั๊ป! ค้นพบเลยครับ เก่งครับ เรียนเก่งเลย มาปุ๊ปปั๊ปเป็นที่ 1 ของห้อง เรียนดีกิจกรรมเด่น เข้าแข่งขันช่วงประถม
เป็นว่าเล่น คณิตบ้าง ไทยบ้าง วิทย์บ้าง ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย อันทีจริงอย่างนึงก็ได้พระบารมีจากพี่สาว
ที่หัวสมองเด็ดดวงไม่กลวงด้วยล่ะนั่น ทำให้ผมได้เป็นรองประธานนักเรียน ประธานสี เป็นคนทำชมรมขึ้นมาใหม่
เป็นคนแรกที่ทำให้สหกรณ์ของโรงเรียนมีเครื่องมือต่างๆ เรียนดี มารยาทเด่น แต่ช่วงนั้นค้นพบว่าบ้านผมตกต่ำลงหรือ?
ทำไมถึงเป็นงั้นไป? ช่วงนั้นเป็นเด็กประถมที่รู้ทุกอย่างของที่บ้านครับ บ้านเป็นร้านอาหารจีน (ดูรวยใช่ไหมล่ะ?? หึหึ)
หน้าตาก็ใครๆ บอกลูกคุณหนูเชียว แต่อันที่จริงตอนประถมบ้านผมต้องปิดร้านไปครับ กลายเป็นไปขายฟู้ดคอร์ดอยู่
ที่ตึกๆ หนึ่ง เสาร์ อาทิตย์ต้องไปขายที่ตลาด เพราะตึกปิดไม่มีคนทำงาน ผมที่ต้องช่วยงานทุกวันจากเด็กไม่รู้สีสา
เคยไปกวนน้ำเล่นในอ้างล้างจาน ก็ล้างจานกันเป็นว่าเล่น ตื่นแต่ตี 3 ไปซื้อหมูกับที่บ้านไปขายตลาดตี 5 ยืนตะโกน
เรียกลูกค้าว่าร้านขายอยู่ด้านในตลาดดด แล้วก็นะ กลายเป็นเด็กสู้ชีวิตไปเฉยๆ เลย ย้อนกลับมาอีกที ป.6 เปิดร้าน
ใหม่อีกรอบครับ ด้วยการกู้หนี้ยืมสินมาด้วย แล้วก็ได้ค่าใช้จ่ายต่างๆ มาจากนู่นนี่บ้าง ทำให้เปิดร้านใหม่ได้ครับ
ก็ยอมรับว่าต้องช่วยทุกวันครับ ตอนนั้นเคยคิดนะครับว่า เด็กๆ เพื่อนๆ ก็กลับบ้านไปเล่นเกม ได้ไปเที่ยว ได้ว่างๆ
แล้วทำไมถึงมีผมที่ต้องทำงาน อยากกลับบ้าน อยากเล่นเกม ไม่อยากมาเลย เก็บกดจัง!! อยากได้เกมบอยครับ
เก็บตังค์ร่วม 2 ปี สุดท้ายตกรุ่นครับ เหม่! พอไปถึงร้านขายเกมบอย พี่อย่างใจดี แถมตลับเกมให้ฟรีๆ ด้วยจาก
ของเดิมเพิ่มอีก 2 ตลับ (อยากขายล่ะสิ เห็นตกรุ่น เด็กนี่โง่จังยังอยากได้อยู่) ตอนนั้นแว๊บๆๆ มาเลยครับ ไม่เอา!
โอ้โห นี่ตูเก็บตังค์มา 2 ปี ซื้อทีเดียวแม่คุณหมดเลยยยยย .. เรื่องไรวะ (เริ่มหยาบละ) เลยไม่ซื้อครับ เสียดายตังค์
ก็เลยเก็บตังคืมาเรื่อยๆๆๆ เคยมีตังค์เก็บเป็นแสนแหนะ! รวยเลยล่ะสิ 555 ไม่เคยใช้เลยครับ ขี้งกอีก เวลาอยากได้
อะไรของต้องดี ต้องถูก ต้องคุ้มค่ากับราคา ต้องคิด ขบ กัดเล็บ กินหนัง กว่าจะคิดได้ว่าซื้อดีไหมหนาาา สุดท้าย!
ไม่ซื้อครับ .. = ='
พอร้านเปิดตัวได้ใหม่อีกครั้ง เป็นอารมณ์ที่ดีใจมากๆ ครับ บ้านมีธุรกิจแล้ว (ตูกลับมาแล้วว้อยยยยย..) อูหู้ย ขายดี
สิครับรอไร เป็นเทน้ำเทท่า เทกะจงกระจาด กระจัดกระจายไปเลย ดีใจครับ มาคิดได้ว่า มีร้าน มีไรที่ต้องกลับมา
มันดีอย่างนี้นี่เอง เป็นช่วงที่มีคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องยืมของคนอื่นเล่นเป็นครั้งแรก มีบ้านหลังใหม่มา ชีวิตมีตังค์
(ให้เรียกผมว่า ป๋า ซะนะครับ) อันนี้เป็นช่วงเวลาถึง ป.6 ที่ผมช่วยงานเป็นทุกอย่างในร้านอาหารจีนร้านนึงได้หมด
ตั้งแต่ในครัวเตรียมของ ผู้ช่วยกุ๊ก เด็กล้างจาน เด็กล้างพื้น ล้างหน้าเตา ทำของทอด จัดจงจาน ยันมาเคาน์เตอร์
เสริฟอาหาร ต้อนรับลูกค้า เรียกว่า General ไปเลย สั่งงานพนักงาน สอนงานได้ (ดูเก่งกาจทีเดียวเชียว)
แต่ก็ยังเด็กครับ
ขอจบเวอร์ชั่นนี้ไว้ก่อนนะครับ ดูเชิงงงง กันไปก่อน
ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องเล่าก็อยากให้แลกเปลี่ยนกันหน่อยนะครับ ยินดีถ้าอยาก inbox มาได้นะครับ ^^