หากคุณคิดว่าตนเองแย่ที่สุด ลองอ่านกระทู้นี้สิ ว่าแย่และผ่านมันมาได้อย่างไร?

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ตอนนี้เราทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเราจบ วศบ.เครื่องกล มาจาก ม.ขอนแก่น ก็ถือว่าเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งค่ะ
ขอเล่าคร่าวๆก่อนที่จะเข้ามาเรียนในระดับปริญญาตรีนะคะ
ก่อนที่จะเข้ามาศึกษาในระดับปริญญาตรี เราเรียนมัธยมจากโรงเรียนตำบลแห่งหนึ่ง ฐานะทางครอบครัวเราเรียกได้ว่ายากจนเลยล่ะ ขอเล่าตั้งแต่เราอยู่ ม.4 นะ ซึ่งเรามีพี่สาว(18 ปี) 1 คน น้องชาย(3ปี)1 คน แม่เลี้ยงน้องอยู่บ้านเพราะน้องยังเล็ก พ่อไปทำงานที่กรุงเทพ รับจ้างก่อสร้าง เราก็ยุบ้านกับแม่ ส่วนพี่สาวเรียนจบม.6 พอดีค่ะ สอบติดที่ ขอนแก่น พี่สาวก็อยากเรียนมากแต่ติดที่ไม่มีค่าเทอมเรียนต่อ พ่อก็หาเงินคนเดียว พ่อก็พยายามทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เรียนต่อ แต่ตอนนั้นยังหาไม่ได้ พอวันสุดท้ายของการลงทะเบียนเรียน พ่อพาไปยืมเงินกับยายเพราะตาเพิ่งเสียไปไม่นาน ก็จะมีเงินประกันชีวิตเหลืออยู่ แต่ตอนนั้นยายไม่ให้ พี่สาวก็ได้แต่นั่งร้องไห้ บอกพ่อว่าไม่เรียนแล้วก็ได้ แต่พ่อก็ยังไม่หมดความพยายาม เลยไปยืมเงินญาติข้างบ้าน น่าจะประมาน 5-6 พันบาทเพื่อไปลงทะเบียนเรียน ตอนนั้นพ่อก็ไปตามพี่สาวให้ไปลงทะเบียน ซึ่งบ้านเราห่างจากขอนแก่นประมาน 90 กิโลเมตร รถที่บ้านไม่มี มีแต่จักรยาน ต้องไปยืมมอไซด์เพื่อนบ้าน ขับพาพี่สาวไปลงทะเบียนที่ขอนแก่น จำได้ว่าวันนั้นกำลังจะสงกรานต์ เพราะทั้งสองกลับมาก็โดนสาดน้ำ สมุดอะไรก็เปียกกลับมา ตอนนั้นเราแบบว่าช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่หวังว่าพี่สาวจะได้เรียนต่อ และสุดท้ายพี่สาวก็ได้เรียนต่อ ดีใจมากค่ะ พอพี่สาวเรียนไปสักพัก ก้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ค่าเช่าหอ ค่ากิน และอื่นๆ พี่สาวก้หารายได้เสริมนะคะ รับจ้างพิมเอกสาร ตามร้านถ่ายเอกสารต่างๆ พ่อก้ทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม ส่งเงินมาให้แม่ แม่ก้แบ่งใช้ที่บ้านและส่งให้พี่สาว เราเองก็หาปูหาปลาขาย ได้วันละ 80 บ้าง วันละ 100 บ้าง แม่บอกกับเราเสมอว่า เราอดได้แต่พี่สาวอดไม่ได้ เพราะเรากินข้าวกับผักกับน้ำพริกได้ แต่ถ้าพี่สาวไม่มีเงิน ก้คือไม่ได้กินอะไรเลย แต่ละเดือนเราจะเอาข้าวสาร อาหาร และเงินไปให้พี่สาว เราต้องใส่ชุดนักเรียนไปเพราะจะได้ลดราคาค่ารถลงครึ่งหนึ่ง ถือว่าครอบครัวตอนนั้นลำบากมาก เราแทบไม่ได้ตังไปโรงเรียนเลย หรือบางวันที่พ่อเพิ่งโอนมาให้จะได้แค่วันละ 5-10 บาท เราเห็นเพื่อกินข้าวจานละ 20 เราก็หิว อยากกิน แต่ตังไม่มี เราจึงนั่งในห้องรอเรียนช่วงบ่าย แต่ครอบครัวเราไม่ท้อนะคะ แม่เราก้ร้องไห้บ่อยสงสารพี่สาว ไม่มีตังจ่ายค่าหอบ้าง ไม่มีตังกินข้าวบ้าง เราก้เหมือนกัน จำได้เลยตอนนั้นแม่มีตังอยู่ประมาน 12-13 บาท พ่อก้ยังไม่เบิกและโอนมาให้ น้องชายอ้อนแม่อยากกินขนม ส่วนเรามีรอบเดือนต้องใช้ผ้าอนามัย แม่ก็ต้องเห็นน้องร้องไห้เพื่อซื้อผ้าอนามัยให้เราใช้  เราแบบว่าจนมาก แต่ก้เคยคิดจะขอทานนะ เป็นแบบนี้เรื่อยมาจนเราจะจบม.6 และนั่นก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ครอบครัวเรามีจุดเปลี่ยน และร้องไห้ครั้งใหญ่อีกครั้ง
***เด้วมาต่อนะคะ ไม่รู้มีคนสนใจอ่านต่อมั้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่