กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ...หลังจากที่อ่านกระทู้การเดินททางของเพื่อนๆมามากพอสมควรเลยอยากจะลองรีวิวบ้างสักครั้งนึง
หลังจากแผนที่คิดจะเดินทางไปสักที่นึงเพื่อพักผ่อนสั้นๆ วันที่ 25 ก.พ. 59 ภาพของผมอาจไม่ได้สวยงามมากนะครับเราถ่ายด้วยกล้อง Gopro Hero+ และกล้องDSLR
                ผมได้เช็ควันหยุดเมื่อทุกอย่างโอเคผมจึงชวนเพื่อนสนิทด้วยกัน2คนเพื่อนตอบโอเคเราก็เริ่มการวางแผนกันเลย การเดินทางครั้งนี้เราได้เตรียมตัวเพียง1วันก่อนวันเดินทางเราได้จองตั๋วรถทัวไปกลับพร้อมส่วนที่พักนั้นเราติดต่อก็เต็มเกือบหมด เราก็เลยคิดกันว่าใช้วิธีวัดดวง walk in แล้ว กันต้องมีว่างสักทีนะเราก็เลยสรุปกันว่าจะเดินทางกันวันที่ 26 ก.พ. เราก็จัดการเก็บกระเป๋า
......ผมก็เกริ่นมาซะเราออกไปเดินทางกันเลยดีกว่า




เราเดินทางถึง สถานีขนส่งกรุงเทพฯ(หมอชิต)กันเวลาประมาณ3ทุ่มนิดๆหาอะไรกินก่อนขึ้นรถ



เราขึ้นรถกันเวลา 22.35 น. กว่ารถจะออกก็ประมาน5ทุ่มนิดๆ การเดินทางครั้งนี้เราได้รถบัส VIP มีที่ชาตแบตไว้ให้พร้อม สำหรับผมถ้าว่าโอเคมากกับการนั่งรถนานๆ



เรามาถึงสถานนี้ขนส่งจังหวัดเลย เวลา06.00 น.จากนั้นเราได้ต่อรถ 2แถวสีแดง ราคา35บาท รถออกทุก 15นาที


สภาพเพิ่งตื่นเร้ยย

หลังจากเดินทางจาก บขส เลยมาถึงเชียงคานประมาน 40 นาที เราได้ทำการ walk in ที่พักตามที่เราได้ตกลงกันไว้



หลังจากเดินหามาสักพักเราก็ได้พักที่นี่เพราะ มีลูกค้าของบ้านพักกำลังเช็คเอ้าออกพอดีเร้ยยย เราได้ห้องมุมที่โอเคมากๆติดริมฝั่งแม่น้ำโขงและติดกลับถนนคนเดิน ราคา1800 รวมที่นอนเสริมด้วย





หลังจากเข้าที่พักอาบน้ำกันเรียบร้อยเราก็ได้ออกไปหาไรเติมพลังกันก่อน เราเดินมาเจอร้านนี้พอเป็นร้านส้มตำ อาหารอร่อยมากๆ ราคาก็ค่อยของนิดนึงนะครับแต่ต้องยอมอาหารของเค้าอร่อยครับ



เติมพลังกันเรียบร้อยร้อยแล้วเราได้ทำการเช่าจักรยานราคา 50 บาท ปั่นได้ตั้งแต่6 โมงเช้าถึง3ทุ่มเลยครับ จากนั้นเราได้ปั่นกันมาถึงแก่งคดคู้ อยู่ในช่วงน้ำแห้งสามารถลงไปเดินเล่นได้ครับ


จากนั้นเราก็ปั้นมาที่จุดชมวิวตั้งอยู่บริเวณวัดท่าแขก เป็นอีกมุมนึงของแม่น้ำโขง


จากนั้นเราได้ปั่นไปเจอไร่สตอเบอรี่ของที่นี้เลยแวะเข้าไปดู ปรากฏว่าได้สตอเบอรี่มา1กล่อง ไร่นี้สามารถเข้าไปตัดเลือกเองได้เรย สตอเบอรี่ที่นี่มีรสชาติหวานและฉ่ำมากๆ





หลังจากเก็บสตอเบอรี่กันเสร็จเราได้ปั่นไปทางริมแม่น้ำโขงมีเส้นการสร้างเส้นทางปั่นจักรยานไว้ให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมวิวริมแม่น้ำโขง


เราได้ไปเดินเล่นที่ต่อกันที่ถนนคนเดินที่นี่มีของกินอร่อยมากๆเพื่อนๆลองมาชิมกันได้
เดินมาเจอร้านขาหมูอร่อยมาก แต่งร้านได้แบบนึกถึงสมัยตอนเป็นนักเรียนกันเลยที่เดียว



มาต่อกันที่ร้านกาแฟข้างๆร้านขาหมู บรรยากาศดีอยู่ริมถนนคนเดิน


เดินเล่นกันต่อที่ถนนคนเดิน









ผัดไทยร้านนี้เด็ดมาก 555

จากนั้นเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อน จบในวันที่1
วันที่2เราได้ตื่นมาในเวลา05.50น. เพื่อตักบาตรข้าวเหนียวซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนเชียงในตอนเช้าอากาศดีมากเย็นสบาย

เมื่อตักบาตรเรียบร้อยแล้วเราก็เก็บเตรียมตัวไปภูทอกเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า เรานั่งรถสกายแล็ปไปตรงทางขึ้นภูทอกคนละ100บาทไปกลับอากาศเย็นพอสมควร

เราได้มาถึงถึงขึ้นภูทอกต้องเสียค่ารถคนละ25บาทไปกลับ


และเราก็ขึ้นมาถึงบนภูทอกอากาศเย็นสบายมีหมอกมากพอสมควร






รถสำหรับลงภูทอกจะจอดอยู่ตรงกลางสามารถลงเมื่อไหร่ก็ได้ครับ

เราลงมาถึงข้างล่างภูทอกเรามาหาอะไรลองท้องกันก่อนดีกว่า



จากนั้นเราได้เดินทางไปถนนคนเดินในยามเช้าเพื่อนหาอาหารเช้าเราก้ได้มาหนึ่งร้าน
ชื่อร้านแม่งามอิ่มอร่อย

เราตั้งใจจะมากินข้าวเปียกกันในเช้านี้อร่อยมากๆ

จากนั้นเราก็เดินเล่นบนถนนคนเดินสักพักก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อนเตรียมตัวกลับกรุงเทพหลังจากเช็คเอ้าตอนบ่ายเราก็มาหาไรที่ ครัวศรีพรรณเชียงคาน อาหารอร่อยอยู่ติดริมแม่น้ำโขง

จากนั้นเราได้เดินเล่นบนถนนคนเดินเพื่อซื้อของฝากแล้วทางกลับรถเราออก19.00น.เรากลับรถทัวแอร์เมืองเลยอีกครั้ง


สรุปค่าใช้จ่ายเบื้องต้นไม่รวมค่ากิน
ค่ารถทัวร์ แอร์เมืองเลย VIP ไปกลับ 837 บาท
ค่ารถ2แถวจากเมืองเลย เข้าเชียงคาน 35 บาท
ค่าเช่าจักรยาน 50 บาท
ค่าสกายแล็ปไปภูทอก 100 บาท
ค่าขึ้นอุทยานภูทอก 25 บาท
ค่าที่พัก 1800 บาท (หาร3ตกคนร่ะ 600 บาท)
ทั้งหมด 1647 บาท (หมายเหตุค่าใช้จ่ายนี้คิดเป็นต่อคนไม่รวมค่ากิน)
ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านกันจนจบนะครับ มีข้อผิดพลาดประการเราขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ