จากกระทู้เก่านะคะที่เคยตั้งคำถามว่าเราจะสอบวีซ่าผ่านหรือไม่
http://pantip.com/topic/34689209
จนถึงตอนนี้ผ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ ดีใจม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก (กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด)
เลยอยากแชร์ประสบการณ์ไว้สำหรับผู้ที่สนใจต้องการจะสอบสัมภาษณ์นะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆที่กำลังต้องการข้อมูล
โปรไฟล์เรานะคะที่กรอกข้อมูลใน DS-160 ไปคือ
เป็นผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียว พาสปอร์ตขาวสะอาด(ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน) ไปเที่ยวประมาณ 7 วัน (กระทู้แรกบอก10 วัน แต่เปลี่ยนใจที่หลังเป็น 7 วันแทนค่ะ) ใช้เงินตัวเองไม่มีใครสปอนเซอร์ให้ ทำงานบริษัท 4 ปี เงินในบัญชีแสนต้นๆ ไม่รู้จักใครที่นั่น ไม่มีบุคคลอ้างอิงที่อเมริกาเลย ประมาณนี้ค่า
เรื่องการกรอก DS-160 กับการจ่ายเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า และการนัดสัมภาษณ์ขอข้ามนะคะ เพราะมีกระทู้เก่าๆเคยลงไว้แล้ว และละเอียดมากๆเลย ตอนที่เราสมัครก็อ่านและทำตามกระทู้เลยค่ะ ช่วยได้เยอะมากจริงๆ (ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ด้วยที่ช่วยให้เราผ่านมาด้วยดี) ตามลิ้งด้านล่างนี้เลยค่ะ
http://m.pantip.com/topic/32189283
พอถึงวันที่สัมภาษณ์ ของเรานัด 7.30 ให้ไปก่อนเวลาประมาณ 30 นาที กำลังดีค่ะ แนะนำให้ใช้ BTS ลงที่สาขาเพลินจิตแล้วต่อวิน หรือแท็กซี่หรือเดินไปก็ได้ค่ะ ไปถึงก็เห็นคนมาต่อแถวรอกันอยู่แล้วอยู่ด้านริมซ้ายสุดของสถานฑูตค่ะ ให้เตรียมใบ confirmation และ passport ขึ้นมาเลยค่ะจะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรรออยู่ เค้าจะถามเราว่านัดสัมภาษณ์รอบกี่โมง ก็ยื่นใบ confirmation และ passport ให้เค้าเพื่อตรวจสอบรายชื่อและบอกไปเลยค่ะว่านัดรอบกี่โมง เค้าจะเขียนหมายเลขในใบ confirmation และให้บัตรคิวสีน้ำเงินมา จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปิดเครื่องและถือแนบไว้คู่กับบัตรประชาชนหรือใบขับขี่เพื่อเตรียมฝากค่ะ เอาออกมารอไว้เลยนะคะ เจ้าหน้าที่เค้าจะตรวจดูตรงนั้นเลยถ้าไม่หยิบขึ้นมาเตรียมพร้อม จะยังไม่เปิดประตูให้เข้าไปค่ะ (เค้าจะรับฝากแค่โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องต่อ 1 คนเท่านั้นนะคะ นอกนั้นต้องเอาไปฝากที่อื่นมาก่อน ตอนเราผ่านก่อนมาถึงสถานฑูตตรงหน้า 7-11 มีโต๊ะรับฝากของอยู่นะคะ ค่าฝากน่าจะประมาณ 100 บาทแต่ในส่วนของเราไม่ได้ฝากค่ะ กลัวหายเลยเอาของไปให้น้อยที่สุด) ของที่ห้ามเอาเข้าตามรูปที่ยามถือและเราพอจะจำได้คือ หูฟัง แฟลชไดรฟ์ มีดพก ไฟแช็ค ไอแพต เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายรูป โน้ตบุ๊ก power bank จำได้ประมาณนี่อ่ะค่ะ จำได้ไม่หมด ขอโทษด้วย T_T
หลังจากที่ผ่านประตูเข้ามาแล้ว ก็จะต่อคิวเตรียมฝากโทรศัพท์กัน เจ้าหน้าที่เค้าจะรับโทรศัพท์เราไปเก็บไว้ตามช่องและยื่นสายคล้องพร้อมหมายเลขช่องของเรามาให้ค่ะ คล้องใส่แขนเราไว้ได้เลย จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกท่านนึงจะยื่นกล่องให้เราใส่ของเพื่อเข้าเครื่องแสกน เอกสารต่างๆ นาฬิกา เสื้อคลุม เสื้อสูท ถอดวางในกล่องให้หมดค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าจะดึงบัตรคิวสีน้ำเงินที่ได้มาเมื่อกี๊ออก แล้วเราก็ต่อแถวเพื่อรอแสกนตัวค่ะ เดินผ่านเครื่องสแกนตัวแล้วก็ยกแขนทั้ง 2 ข้างให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรวจวัตถุโลหะอีกรอบนึง พอผ่านก็รับของในกล่องแล้วดันประตู(ที่เปิดยากมาก) แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปจุดต่อไปค่ะ
จากนั้นก็มาจุดที่จะรอเตรียมเอกสารค่ะ จะมีเก้าอี้ให้นั่งรอเป็นแถวประมาณ 4-5 แถว สามารถนั่งรอได้เลยค่ะ เพราะเดี๋ยวเจ้าหน้าเค้าจะเรียกค่ะว่ารอบนัดสัมภาษณ์รอบกี่โมงให้มาเข้าแถวเตรียมยื่นเอกสาร พอถึงรอบที่เรานัดก็ลุกขึ้นไปต่อแถวแล้วยื่น confirmation กับ passport ให้เจ้าหน้าที่ผ่านช่องด้านล่างค่ะ เค้าก็จะถามเรานิดหน่อยว่า เคยได้วีซ่าอเมริกามารึยัง (กรณีของเรายังก็บอกว่า ไม่เคยได้) เจ้าหน้าที่เค้าจะนำเอกสารเราใส่แฟ้มใสยื่นกลับมา และแนะนำให้อ่านป้ายเขียวด้านขวามือก่อนเดินไปจุดต่อไป (คำแนะนำตรงป้ายเขียวด้านขวาคือให้จดหมายเลยการส่ง EMS ของวีซ่าเราไว้ค่ะ จะได้สามารถตรวจสอบได้ว่าส่งถึงไหนแล้วหลังจากวีซ่าผ่าน และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมให้ตรวจสอบได้จากเวปของสถานฑูต) ประมาณค่ะ เราก็ไม่ค่อยได้อ่านละเอียด มัวแต่ตื่นเต้นอยู่
จากนั้นเดินขึ้นบันไดทางขวาของป้ายเขียวขึ้นมานะคะ เปิดประตูเข้าไปจะมีคนต่อแถวรออยู่เพียบเลย ให้เราไปต่อแถวเพื่อสอบถามเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะ ช่องที่สอบถามข้อมูลคือช่อง 11-15 พอถึงตาเราก็สอดเอกสารลงไปในช่องด้านล่างนะคะ (ลำบากมากเวลาสอด จะทำให้ช่องใหญ่กว่านี้กันหน่อยก็ไม่ได้ แอบบ่น) เค้าก็จะถามข้อมูลเราเบื้องต้นค่ะ
ชื่อคุณ....ใช่ไหมคะ? (ใช่ค่ะ)
มาสัมภาษณ์กี่ท่านคะ? (ท่านเดียวค่ะ)
เคยได้วีซ่าอเมริกาหรือยังคะ (ไม่เคยค่ะ)
เคยมาสอบสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามาก่อนหน้านี้ไหมคะ? (ไม่เคยค่ะ ครั้งนี้ครั้งแรกค่ะ)
เคยกรอกข้อมูล DS-160 มาก่อนหน้านี้ไหมคะ? (ไม่เคยค่ะ)
แล้วก็จะให้เราสแกนนิ้วด้านซ้าย 4 นิ้ว แล้วก็นิ้วด้านขวา 4 นิ้ว แล้วก็นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง จากนั้นส่งเอกสารคืนเพื่อไปยังช่องที่ 10 ทำการยื่นเอกสารอีกครั้ง (เจ้าหน้าช่อง 10 เป็นฝรั่งที่หล่อมาก แอบกรี๊ดในใจ) สอดเอกสารในช่องด้านล่างให้เค้าเหมือนเดิม
คุณ...ช่ายหม้ายครับ (ใช่ค่ะ)
ดูข้อมูลที่หน้าจอคอมอยู่แปบนึงก็บอกว่าเรียบร้อยแล้วครับ (อ้าว อุตส่าห์จะได้มองหน้านานๆหน่อย โธ่ T_T)
ต่อไปเป็นการสัมภาษณ์จริงๆแล้วค่ะ จะได้วีซ่าหรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับรอบนี้แล้วค่ะ
(ตอนแรกยังไม่รู้ตัวค่ะว่าจะสัมภาษณ์จริงแล้ว คิดว่าแค่ยื่นเอกสารอีกรอบ จนเห็นบางคนได้แต่พาสปอร์ตคืนมาอย่างเดียวเลยเริ่มเอะใจ เลยหันไปถามคนด้านหน้าว่า นี่สัมภาษณ์จริงแล้วใช่ไหมคะ เค้าก็บอกว่าค่ะ นี่รอบสุดท้ายแล้วนะ ฟังแล้วมือเย็นเลยค่ะ สติๆๆๆ เรียกสติกลับมา)
ช่องสัมภาษณ์คือช่อง 5-9 นะคะ แต่วันที่เราไปช่องที่ 5 ไม่มีคนอยู่ สงสัยเจ้าหน้าไม่มา ช่องที่ 6 คือฝรั่งผมทอง ช่องที่ 7 คือฝรั่งผมเข้ม ช่องที่ 8 คือฝรั่งผมน้อย (แบบขึ้นไรผมบางๆ หย่อมๆ) ช่องที่ 9 คือหล่อเกาหลีเลยค่ะนึกว่าโคชเชที่สอนเทคควันโดตอนหนุ่ม หล่อแต่แอบโหดเพราะเห็นยื่นพาสปอร์ตคืนผู้สมัครบ่อยมาก แล้วถามนานด้วย ที่ยืนมองอยู่ 5 คนคืน 4 คนแม่เจ้า!!!!! อัตราการตายช่องนี้สูงมาก ขออย่าให้ได้ช่องนี้นะ ช่องไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ช่องนี้!!!!!
จากนั้นถึงตาเราค่ะ เราได้ช่องที่ 8 ฝรั่งผมน้อย (รอดตัว) เจ้าหน้าที่ท่านนี้ใจดีมากค่ะ หน้ายิ้มแย้ม ไม่บูดบึ้งเหมือนหล่อเกาหลีเลย เราสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนะคะ แต่จะแปลเป็นไทยให้ละกัน เพื่อเอาไปเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้ง่ายขึ้น
สวัสดีครับ (สวัสดีค่ะ ยกมือไหว้ ยิ้มหวานให้ด้วย)
คุณชื่อ.....ใช่ไหมครับ? (ใช่ค่ะ)
จะไปที่ไหนในอเมริกาครับ? (ไปซานดิเอโกค่ะ)
ทำไมถึงเลือกไปซาดิเอโกครับ? (ชอบชามูโชว์ ดูในยูทูปแล้วชอบ อยากไปดูด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้ที่ซานดิเอโกอากาศกำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป สภาพอากาศคล้ายๆเมืองไทยตอนหน้าหนาวค่ะ)
คุณเคยไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อนไหมครับ? (ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนค่ะ แต่เคยเที่ยวคนเดียวภายในประเทศมาแล้ว)
คุณทำงานมากี่ปี่แล้วครับ? (4 ปีแล้วค่ะ)
ทำไมไปคนเดียวครับ? (เพื่อนๆมีครอบครัว มีลูกกันหมดแล้วค่ะ เลยไม่ว่างไปด้วย)
เงินเดือนเท่าไหร่ครับ? (ตอนแรกบอกฐานไปค่ะ แล้วก็บอกว่าพอรวมสวัสดิการรวมโอทีแล้ว รายรับต่อเดือนเท่านนี้นะ) เจ้าหน้าที่เค้าก็พยักหน้าโอเค
ที่อยู่ที่จัดส่งวีซ่านี่ คือที่อยู่ที่ทำงานใช่ไหมครับ (ใช่ค่ะ ที่อยู่ของบริษัทค่ะ) คิดในใจเช็คละเอียดมากๆ
พาสปอร์ตของคุณผ่านแล้วครับ จะจัดส่งให้ภายใน 3 วันนะครับ แล้วก็ชู 3 นิ้วแบบหนัง hunger game (ยกมือไหว้แบบงงๆแล้วยิ้ม ขอบคุณมากค่ะ)
เอกสารที่เตรียมไปไม่เรียกดูสักอย่างเดียว T_T (statement/หนังสือรับรองจากธนาคาร/หนังสือรับรองจากบริษัท/ใบลางาน/ทะเบียบบ้าน/ใบจองโรงแรม/ใบแผนการเดินทางของเครื่องบิน/สมุดบัญชี/รูปภาพสถานที่ท่องและแผนการเดินทาง/ตารางการคำนวณค่าใช้ตลอดการเดินทาง/)
อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ที่เราผ่านการสัมภาษณ์ในครั้งแรกเลยน่าจะมาจากการกรอกข้อมูลใน DS-160 อย่างครบถ้วนและถูกต้องว่าเรามีงานประจำทำอยู่ที่เมืองไทยแน่นอน จะไม่หนีไปอยู่อเมริกา เพราะถามถึงที่อยู่จัดส่งว่าเป็นของที่ทำงานด้วยน่าจะเข้าใจว่าเราบริสุทธิ์ใจ สามารถตรวจสอบกับบริษัทได้ประมาณนี้มั้งคะ ก็ขออวยพรให้ทุกท่านที่ไปสอบสัมภาษณ์ ผ่านกันทุกท่านเลย หวังว่าข้อมูลของเราจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
ใครไปสอบแล้วผลเป็นยังไง มาบอกกันบ้างนะคะ
[CR] แชร์ประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา กุมภาพันธ์ 2559
http://pantip.com/topic/34689209
จนถึงตอนนี้ผ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ ดีใจม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก (กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด)
เลยอยากแชร์ประสบการณ์ไว้สำหรับผู้ที่สนใจต้องการจะสอบสัมภาษณ์นะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆที่กำลังต้องการข้อมูล
โปรไฟล์เรานะคะที่กรอกข้อมูลใน DS-160 ไปคือ
เป็นผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียว พาสปอร์ตขาวสะอาด(ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน) ไปเที่ยวประมาณ 7 วัน (กระทู้แรกบอก10 วัน แต่เปลี่ยนใจที่หลังเป็น 7 วันแทนค่ะ) ใช้เงินตัวเองไม่มีใครสปอนเซอร์ให้ ทำงานบริษัท 4 ปี เงินในบัญชีแสนต้นๆ ไม่รู้จักใครที่นั่น ไม่มีบุคคลอ้างอิงที่อเมริกาเลย ประมาณนี้ค่า
เรื่องการกรอก DS-160 กับการจ่ายเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า และการนัดสัมภาษณ์ขอข้ามนะคะ เพราะมีกระทู้เก่าๆเคยลงไว้แล้ว และละเอียดมากๆเลย ตอนที่เราสมัครก็อ่านและทำตามกระทู้เลยค่ะ ช่วยได้เยอะมากจริงๆ (ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ด้วยที่ช่วยให้เราผ่านมาด้วยดี) ตามลิ้งด้านล่างนี้เลยค่ะ
http://m.pantip.com/topic/32189283
พอถึงวันที่สัมภาษณ์ ของเรานัด 7.30 ให้ไปก่อนเวลาประมาณ 30 นาที กำลังดีค่ะ แนะนำให้ใช้ BTS ลงที่สาขาเพลินจิตแล้วต่อวิน หรือแท็กซี่หรือเดินไปก็ได้ค่ะ ไปถึงก็เห็นคนมาต่อแถวรอกันอยู่แล้วอยู่ด้านริมซ้ายสุดของสถานฑูตค่ะ ให้เตรียมใบ confirmation และ passport ขึ้นมาเลยค่ะจะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรรออยู่ เค้าจะถามเราว่านัดสัมภาษณ์รอบกี่โมง ก็ยื่นใบ confirmation และ passport ให้เค้าเพื่อตรวจสอบรายชื่อและบอกไปเลยค่ะว่านัดรอบกี่โมง เค้าจะเขียนหมายเลขในใบ confirmation และให้บัตรคิวสีน้ำเงินมา จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปิดเครื่องและถือแนบไว้คู่กับบัตรประชาชนหรือใบขับขี่เพื่อเตรียมฝากค่ะ เอาออกมารอไว้เลยนะคะ เจ้าหน้าที่เค้าจะตรวจดูตรงนั้นเลยถ้าไม่หยิบขึ้นมาเตรียมพร้อม จะยังไม่เปิดประตูให้เข้าไปค่ะ (เค้าจะรับฝากแค่โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องต่อ 1 คนเท่านั้นนะคะ นอกนั้นต้องเอาไปฝากที่อื่นมาก่อน ตอนเราผ่านก่อนมาถึงสถานฑูตตรงหน้า 7-11 มีโต๊ะรับฝากของอยู่นะคะ ค่าฝากน่าจะประมาณ 100 บาทแต่ในส่วนของเราไม่ได้ฝากค่ะ กลัวหายเลยเอาของไปให้น้อยที่สุด) ของที่ห้ามเอาเข้าตามรูปที่ยามถือและเราพอจะจำได้คือ หูฟัง แฟลชไดรฟ์ มีดพก ไฟแช็ค ไอแพต เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายรูป โน้ตบุ๊ก power bank จำได้ประมาณนี่อ่ะค่ะ จำได้ไม่หมด ขอโทษด้วย T_T
หลังจากที่ผ่านประตูเข้ามาแล้ว ก็จะต่อคิวเตรียมฝากโทรศัพท์กัน เจ้าหน้าที่เค้าจะรับโทรศัพท์เราไปเก็บไว้ตามช่องและยื่นสายคล้องพร้อมหมายเลขช่องของเรามาให้ค่ะ คล้องใส่แขนเราไว้ได้เลย จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกท่านนึงจะยื่นกล่องให้เราใส่ของเพื่อเข้าเครื่องแสกน เอกสารต่างๆ นาฬิกา เสื้อคลุม เสื้อสูท ถอดวางในกล่องให้หมดค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าจะดึงบัตรคิวสีน้ำเงินที่ได้มาเมื่อกี๊ออก แล้วเราก็ต่อแถวเพื่อรอแสกนตัวค่ะ เดินผ่านเครื่องสแกนตัวแล้วก็ยกแขนทั้ง 2 ข้างให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรวจวัตถุโลหะอีกรอบนึง พอผ่านก็รับของในกล่องแล้วดันประตู(ที่เปิดยากมาก) แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปจุดต่อไปค่ะ
จากนั้นก็มาจุดที่จะรอเตรียมเอกสารค่ะ จะมีเก้าอี้ให้นั่งรอเป็นแถวประมาณ 4-5 แถว สามารถนั่งรอได้เลยค่ะ เพราะเดี๋ยวเจ้าหน้าเค้าจะเรียกค่ะว่ารอบนัดสัมภาษณ์รอบกี่โมงให้มาเข้าแถวเตรียมยื่นเอกสาร พอถึงรอบที่เรานัดก็ลุกขึ้นไปต่อแถวแล้วยื่น confirmation กับ passport ให้เจ้าหน้าที่ผ่านช่องด้านล่างค่ะ เค้าก็จะถามเรานิดหน่อยว่า เคยได้วีซ่าอเมริกามารึยัง (กรณีของเรายังก็บอกว่า ไม่เคยได้) เจ้าหน้าที่เค้าจะนำเอกสารเราใส่แฟ้มใสยื่นกลับมา และแนะนำให้อ่านป้ายเขียวด้านขวามือก่อนเดินไปจุดต่อไป (คำแนะนำตรงป้ายเขียวด้านขวาคือให้จดหมายเลยการส่ง EMS ของวีซ่าเราไว้ค่ะ จะได้สามารถตรวจสอบได้ว่าส่งถึงไหนแล้วหลังจากวีซ่าผ่าน และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมให้ตรวจสอบได้จากเวปของสถานฑูต) ประมาณค่ะ เราก็ไม่ค่อยได้อ่านละเอียด มัวแต่ตื่นเต้นอยู่
จากนั้นเดินขึ้นบันไดทางขวาของป้ายเขียวขึ้นมานะคะ เปิดประตูเข้าไปจะมีคนต่อแถวรออยู่เพียบเลย ให้เราไปต่อแถวเพื่อสอบถามเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะ ช่องที่สอบถามข้อมูลคือช่อง 11-15 พอถึงตาเราก็สอดเอกสารลงไปในช่องด้านล่างนะคะ (ลำบากมากเวลาสอด จะทำให้ช่องใหญ่กว่านี้กันหน่อยก็ไม่ได้ แอบบ่น) เค้าก็จะถามข้อมูลเราเบื้องต้นค่ะ
ชื่อคุณ....ใช่ไหมคะ? (ใช่ค่ะ)
มาสัมภาษณ์กี่ท่านคะ? (ท่านเดียวค่ะ)
เคยได้วีซ่าอเมริกาหรือยังคะ (ไม่เคยค่ะ)
เคยมาสอบสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามาก่อนหน้านี้ไหมคะ? (ไม่เคยค่ะ ครั้งนี้ครั้งแรกค่ะ)
เคยกรอกข้อมูล DS-160 มาก่อนหน้านี้ไหมคะ? (ไม่เคยค่ะ)
แล้วก็จะให้เราสแกนนิ้วด้านซ้าย 4 นิ้ว แล้วก็นิ้วด้านขวา 4 นิ้ว แล้วก็นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง จากนั้นส่งเอกสารคืนเพื่อไปยังช่องที่ 10 ทำการยื่นเอกสารอีกครั้ง (เจ้าหน้าช่อง 10 เป็นฝรั่งที่หล่อมาก แอบกรี๊ดในใจ) สอดเอกสารในช่องด้านล่างให้เค้าเหมือนเดิม
คุณ...ช่ายหม้ายครับ (ใช่ค่ะ)
ดูข้อมูลที่หน้าจอคอมอยู่แปบนึงก็บอกว่าเรียบร้อยแล้วครับ (อ้าว อุตส่าห์จะได้มองหน้านานๆหน่อย โธ่ T_T)
ต่อไปเป็นการสัมภาษณ์จริงๆแล้วค่ะ จะได้วีซ่าหรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับรอบนี้แล้วค่ะ
(ตอนแรกยังไม่รู้ตัวค่ะว่าจะสัมภาษณ์จริงแล้ว คิดว่าแค่ยื่นเอกสารอีกรอบ จนเห็นบางคนได้แต่พาสปอร์ตคืนมาอย่างเดียวเลยเริ่มเอะใจ เลยหันไปถามคนด้านหน้าว่า นี่สัมภาษณ์จริงแล้วใช่ไหมคะ เค้าก็บอกว่าค่ะ นี่รอบสุดท้ายแล้วนะ ฟังแล้วมือเย็นเลยค่ะ สติๆๆๆ เรียกสติกลับมา)
ช่องสัมภาษณ์คือช่อง 5-9 นะคะ แต่วันที่เราไปช่องที่ 5 ไม่มีคนอยู่ สงสัยเจ้าหน้าไม่มา ช่องที่ 6 คือฝรั่งผมทอง ช่องที่ 7 คือฝรั่งผมเข้ม ช่องที่ 8 คือฝรั่งผมน้อย (แบบขึ้นไรผมบางๆ หย่อมๆ) ช่องที่ 9 คือหล่อเกาหลีเลยค่ะนึกว่าโคชเชที่สอนเทคควันโดตอนหนุ่ม หล่อแต่แอบโหดเพราะเห็นยื่นพาสปอร์ตคืนผู้สมัครบ่อยมาก แล้วถามนานด้วย ที่ยืนมองอยู่ 5 คนคืน 4 คนแม่เจ้า!!!!! อัตราการตายช่องนี้สูงมาก ขออย่าให้ได้ช่องนี้นะ ช่องไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ช่องนี้!!!!!
จากนั้นถึงตาเราค่ะ เราได้ช่องที่ 8 ฝรั่งผมน้อย (รอดตัว) เจ้าหน้าที่ท่านนี้ใจดีมากค่ะ หน้ายิ้มแย้ม ไม่บูดบึ้งเหมือนหล่อเกาหลีเลย เราสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนะคะ แต่จะแปลเป็นไทยให้ละกัน เพื่อเอาไปเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้ง่ายขึ้น
สวัสดีครับ (สวัสดีค่ะ ยกมือไหว้ ยิ้มหวานให้ด้วย)
คุณชื่อ.....ใช่ไหมครับ? (ใช่ค่ะ)
จะไปที่ไหนในอเมริกาครับ? (ไปซานดิเอโกค่ะ)
ทำไมถึงเลือกไปซาดิเอโกครับ? (ชอบชามูโชว์ ดูในยูทูปแล้วชอบ อยากไปดูด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้ที่ซานดิเอโกอากาศกำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป สภาพอากาศคล้ายๆเมืองไทยตอนหน้าหนาวค่ะ)
คุณเคยไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อนไหมครับ? (ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนค่ะ แต่เคยเที่ยวคนเดียวภายในประเทศมาแล้ว)
คุณทำงานมากี่ปี่แล้วครับ? (4 ปีแล้วค่ะ)
ทำไมไปคนเดียวครับ? (เพื่อนๆมีครอบครัว มีลูกกันหมดแล้วค่ะ เลยไม่ว่างไปด้วย)
เงินเดือนเท่าไหร่ครับ? (ตอนแรกบอกฐานไปค่ะ แล้วก็บอกว่าพอรวมสวัสดิการรวมโอทีแล้ว รายรับต่อเดือนเท่านนี้นะ) เจ้าหน้าที่เค้าก็พยักหน้าโอเค
ที่อยู่ที่จัดส่งวีซ่านี่ คือที่อยู่ที่ทำงานใช่ไหมครับ (ใช่ค่ะ ที่อยู่ของบริษัทค่ะ) คิดในใจเช็คละเอียดมากๆ
พาสปอร์ตของคุณผ่านแล้วครับ จะจัดส่งให้ภายใน 3 วันนะครับ แล้วก็ชู 3 นิ้วแบบหนัง hunger game (ยกมือไหว้แบบงงๆแล้วยิ้ม ขอบคุณมากค่ะ)
เอกสารที่เตรียมไปไม่เรียกดูสักอย่างเดียว T_T (statement/หนังสือรับรองจากธนาคาร/หนังสือรับรองจากบริษัท/ใบลางาน/ทะเบียบบ้าน/ใบจองโรงแรม/ใบแผนการเดินทางของเครื่องบิน/สมุดบัญชี/รูปภาพสถานที่ท่องและแผนการเดินทาง/ตารางการคำนวณค่าใช้ตลอดการเดินทาง/)
อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ที่เราผ่านการสัมภาษณ์ในครั้งแรกเลยน่าจะมาจากการกรอกข้อมูลใน DS-160 อย่างครบถ้วนและถูกต้องว่าเรามีงานประจำทำอยู่ที่เมืองไทยแน่นอน จะไม่หนีไปอยู่อเมริกา เพราะถามถึงที่อยู่จัดส่งว่าเป็นของที่ทำงานด้วยน่าจะเข้าใจว่าเราบริสุทธิ์ใจ สามารถตรวจสอบกับบริษัทได้ประมาณนี้มั้งคะ ก็ขออวยพรให้ทุกท่านที่ไปสอบสัมภาษณ์ ผ่านกันทุกท่านเลย หวังว่าข้อมูลของเราจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
ใครไปสอบแล้วผลเป็นยังไง มาบอกกันบ้างนะคะ