กระทู้ก่อนนอน (๑๐๕)

กระทู้สนทนา
ช่วงที่ผมไปปฏิบัติงานยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๙ ซึ่งสถานการณ์ยังไม่มีระเบิดเกรียวกราวเช่นทุกวันนี้ ได้มีโอกาสไปเที่ยว อ.เบตง ร่วมกับพวกพี่ๆ ชาวอีสานที่ไม่เคยเห็นอำเภอนี้เช่นกัน โดยผมอาสาเป็นพลขับเอง

พออกจากตัวจังหวัดยะลาซึ่งผ่าน อ.บันนังสตา มาได้เล็กน้อย  ผมตื่นตากับสะพานโครงเหล็กเก่าๆ แห่งหนึ่ง ขนานกับสะพาน คสล.ที่อยู่ใกล้ๆ กัน พอกลับมาหาข้อมูลจึงทราบชื่อว่า "สะพานยีลาปัน"


ภาพจากคุณศณีรา โอเค.เนชั่นดอทคอม

สะพานยีลาปัน เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานี บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลขเลข ๔๑๐ บริเวณ กม.ที่ ๓๕ (นับจากจังหวัดยะลา) บ้านยีลาปัน ตำบลตลิ่งชัน อำเภบันนังสตา จังหวัดยะลา มีความกว้าง ๖ เมตร ยาวประมาณ ๕๐ เมตร พื้นสะพานเป็นเหล็กแบบรังผึ้ง ตัวโครงสร้างทั้งหมดเป็นเหล็กกล้าล้วนๆ สร้างโดยกองทัพญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ราวๆ ปี พ.ศ.๒๔๘๕ หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่น ยกพลขึ้นบกแถวชายฝั่งภาคใต้และยึดครองแหลมมาลายู หรือประเทศสหพันธรัฐมาเลเชียในปัจจุบัน

จุดตรงสะพานนี้ ก็คือท่าแพของคนโบราณ ที่เดินทางข้ามไป - มาระหว่างฝั่งเมืองยะลากับเบตง หรือเพื่อเดินทางไปแหลมมลายู เป็นเส้นการค้าระหว่างเมืองปัตตานี กับเมืองเคดาห์หรือไทรบุรีที่สำคัญเลยที่เดียว โดยกองคาราวานที่จะต้องเดินทางผ่านโดยการข้ามแม่น้ำปัตตานี ด้วยแพ ณ จุดนี้ และใช้เวลาเดินทางมากกว่า ๓ วัน แต่เพียง ๒ ชั่วโมงสำหรับยุคปัจจุบัน

ยิ่งถ้าย้อนไปยุคของคนบ้านฮาลา หมู่บ้านที่สาบสูญอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลางด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจ เพราะคนฮาลาจะตัดไม้ไผ่จากหมู่บ้านกลางป่าลึก ล่องลงมาตามสายน้ำจนกระทั่งแพไม้ผ่านมาถึงตรงจุดนี้ ก็จะเก็บกล้วย ผลไม้ เพื่อเอาไม้ไผ่ ของป่า ผลไม้ และกล้วย ไปแลกกับเกลือ และกะปิที่ท่าเรือเมืองปัตตานี สำหรับสมาชิกชาวฮาลาใช้กิน ประกอบอาหารกัน ทั้ง ๓ หมู่บ้าน นั่นคือวิถีชีวิตของคนโบราณ

ในยุค จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย รัฐบาลจำต้องยินยอมจับมือกับกองทัพญี่ปุ่นซึ่งทรงอนุภาพมากที่สุดในยุคนั้น โดยญี่ปุ่นต้องการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อขนยุทโธปกรณ์และกำลังพล ไปโจมตีพม่า และเพื่อยึดครองอินเดียอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งในสมัยนั้น การคมนาคมยังไม่สะดวก โดยเฉพาะสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานีตรงจุดนี้ เป็นเพียงสะพานไม้ขอน ซึ่งไม่สามารถขนส่ง ลำเลียงยุทโธปกรณ์ที่มีน้ำหนักจำนวนมากผ่านไปได้ กองทัพญี่ปุ่นได้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่นั้นมา

รถทุกคันที่เดินทางไป อ.เบตง จ.ยะลา จึงต้องวิ่งผ่านสะพานแห่งนี้ทุกคัน จนกระทั่งในปี พ.ศ.๒๕๓๘ แขวงการทางยะลา ก็ได้สร้างสะพานคอนกรีตขึ้นมาทดแทนเนื่องจากสะพานยีลาปัน แคบไม่สะดวกในการสัญจร โดยในช่วงนั้นมีข่าวลือว่า ญี่ปุ่นจะเอาสะพานคืน จึงมีการสร้างใหม่เพื่อนทดแทนของเดิม

ทุกวันนี้ สะพานยีลาปัน ยังคงตั้งตระหง่านท้าทายสายลม แสงแดด และสถานการณ์ไฟใต้ วันหน้าหากเหตุการณ์สงบ หากบ้านนี้เมืองนี้หันหน้าเข้าหากัน เราคงได้เห็นกรุ๊ปนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ชาวอังกฤษ ได้มายืนถ่ายรูป มายืนรำลึก ซึมซับ ถึงอดีตกาลที่ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษเขาได้มาใช้ชีวิต เป็นแรมปี

............................................

ขอขอบคุณภาพ และขัอมูลจากคุณศณีรา โอเค.เนชั่นดอทคอม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่