ได้ใช้รถครั้งสุดท้ายเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2558
จนกระทั่งวันนี้ รถยังซ่อมไม่เสร็จเลยค่ะ
จึงต้องออกมาร้องเรียนให้จริงจังเสียที
ขอเริ่มเล่าเรื่องก่อนว่า รถของเราคือ Suzuki Ciaz สีดำ ป้ายแดง ซื้อจากบริษัท สยามอินเตอร์ ซูซูกิ จำกัด มีนบุรี เป็นดีลเลอร์ของ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเราซื้อจากมีนบุรี กรุงเทพฯ แล้วนำรถมาใช้ที่เชียงใหม่ เพราะทำงานที่นี่ อยู่คนเดียว ทำงานคนเดียว
**ที่ย้ำไว้ตรงนี้ เพราะมันมีข้อกรณีที่เกี่ยวข้องจากเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไป
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เราไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่บ้านม่อนฝ้าย จ.เชียงใหม่ เสร็จงานเราก็ขับรถออกมาจากซอยเพื่อเดินทางกลับ แล้วถนนเป็นถนนเล็ก (น่าจะเรียกว่าเป็นทางโท) ที่ต้องออกมาแล้วเจอสี่แยก เราก็ขับรถตามปกติ เจอสี่แยกก็หยุดรอรถ ดูซ้าย-ขวา ก่อนออกตัวต่อไป แต่ก็คงเพราะเหตุการณ์มันถึงเคราะห์จริงๆ รถจากทางเอกก็พุ่งตรงเข้ามาชนเต็มที่ แล้วลากรถไปอีกเกือบ 5 เมตร ได้พูดคุยหับคู่กรณี เค้าเองก็ถือว่ามาจากทางเอกเลยไม่คิดจะขอโทษเราสักคำ ประกันรถของตัวเองก็แค่มีพรบ. พื้นฐาน เราก็เลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะต้องเรียกประกันภัยรถชั้น 1 ของตัวเองมาเพื่อรับเรื่อง ทำซ่อมบำรุงกันต่อไป เราก็เซ็งอยู่มากพอตัวเลย เพราะรถออกมาได้แค่ 3 เดือนทั้งนั้นเอง แต่ในความซวยนั้นก็มีความสบายใจอยู่ เนื่องจากเราต้องไปลาว ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนธันวาคม (ไปทำงานที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว) แล้วจะไม่ได้กลับเข้ามาที่ประเทศไทยและติดต่อได้ลำบาก ถ้ารถได้อยู่ในการดูแลของศูนย์ Suzuki เองก็คงจะน่าหายห่วง และรถประกันชั้น 1 ก็คงจะพึ่งพาและคุ้มครองรถได้ในระดับตามประกันชั้น 1 จริงๆ
จากนั้นเราก็โทรเรียกประกัน ซึ่งก็เป็นบริษัทที่ได้แถมจากการซื้อรถป้ายแดง บริษัทที่ว่านี้คือ บริษัท ว. เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนประมาณบ่ายโมงเศษๆ โทรเรียกประกันว่า ก็ต้องรอเกือบชั่วโมงครึ่งกว่าพนักงานประกันจะมาถึง พอมาถึง เขาก็ไม่ได้แสดงความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าแบบเราเลยสักนิด สิ่งที่ทำคือ ถ่ายรูปๆ แล้วก็เขียนใบเคลม จากนั้นก็ไปคุยกับคู่กรณีแล้วโทรเรียกรถยกมายกรถไปศูนย์ใหญ่ของ Suzuki ที่เชียงใหม่ ซึ่งอยู่แถวตลาดสามแยก พนักงานเขียนใบเคลม โดยแจ้งกับเราว่า จะเขียนให้ ขอแค่ให้เราเซ็นเอกสารก่อน เพราะจะให้รถยกไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปดูรายละเอียดความเสียหายทั้งหมดที่ศูนย์ แต่เนื่องจากเราเองเคยใช้รถมาก่อนแล้ว จึงได้ถามพนักงานประกันย้ำๆไปหลายหน ว่า เซ็นเอกสารเท่านี้มันจะได้หรือ เพราะเราควรได้เอกสารถือกลับไปด้วย แต่เขาก็ยืนยันว่า “ได้” เพราะยังไงก็ต้องเข้าไปดูรถเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้อีกอยู่ดี พอเราถามย้ำไปหลายรอบ เขาแจ้งเช่นนี้ เราจึงไม่ขัด เพราะระเบียบประกันแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน นี่อาจจะเป็นรูปแบบของบริษัทว. ก็เป็นไปได้ แล้วบริษัทว. ก็แจ้งว่า ไม่สามารถหารถมาให้ใช้ทดแทนได้ระหว่างการซ่อมบำรุงได้ เนื่องจากกรณีนี้เราถูกชนก็จริง แต่แพ้ความทางกฏหมายเนื่องจากทางเอก ทางโทนั่นเอง
วันถัดมา เราก็ให้เพื่อนพาไปส่งที่ศูนย์ตรงตลาด ซึ่งอยู่นอกเมือง และส่วนตัวเรานั้นทำงานและพักอาศัยอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ไปถึงก็รอพนักงานประกันอีกเช่นเคย นัดไว้ตอนก่อนเที่ยง กว่าจะโผล่มาได้อีกทีก็ตอนประมาณบ่ายโมง พนักงานมาช้า และอ้างนู้น อ้างนี้ แล้วก็ว่า คิวรถที่ศูนย์มันเยอะ เอกสารที่เซ็นก็เซ็นประมาณนี้ ที่เหลือจะจัดการให้ เพราะเนื่องจากเราแจ้งไปเพิ่มเติมว่าปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนธันวาคมเราต้องไปทำงานที่เวียงจันทน์ จะติดต่อได้ลำบาก และในเมื่อพนักงานว่าเช่นนั้น เราก็ว่าตามนั้น ซึ่งคำพูดของพนักงานประกันบริษัท พูดว่า “ที่เหลือ ผมจัดการให้” ยังติดหูอยู่จนถึงวันนี้
หมายเหตุ ช่างศูนย์เขียนใบรับรถว่า ซ่อมประมาณ 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือน โดยถ้ารถเสร็จก่อนก็จะได้รับเร็วขึ้น
ระหว่างไปอยู่ที่ลาว เราก็ติดต่อเพื่อนให้ช่วยตามเรื่องของรถว่าไปถึงไหนแล้ว ก็ได้ทราบเป็นครั้งคราวว่ารถใกล้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ได้รับแต่คำตอบแบบนั้น จนกระทั่งปลายเดือนธันวาคม 2558 เรากลับมาเชียงใหม่ ติดต่อไปเอง ก็ได้รับคำตอบว่า ใกล้แล้ว อีกนิดนึง ก็ให้ได้รับตามใบนัด ช่างที่ดูแลแจ้งว่าให้โทรกลับมาอีกทีหลังปีใหม่ อาทิตย์แรกน่าจะเสร็จ ซึ่งระหว่างนี้เราต้องโบกรถแดงไปทำงานไป-กลับ ทุกวัน เป็นการใช้ชีวิตที่ลำบากมาก ถ้าใครได้ลองใช้บริการรถแดงเชียงใหม่จะเข้าใจว่าเราหมายถึงอะไร ยังไม่รวมว่าต้องเผชิญกับรถแดงในช่วเวลาทำงาน 8:00-18:00 น. ที่รถแดงโก่งราคาเกินตัวและบางครั้งก็ขับผ่านไปไม่รับเราเลยก็มีเกิดขึ้นทุกวัน ทุกวันจริง ๆ ระหว่างนี้เราไปทำงานสายทุกวัน ยังไม่นับถึงค่าใช้จ่ายและค่าเสียเวลาอะไรทั้งหมดตตรงนี้ เราก็อดทนว่า หลังปีใหม่คงได้รถ แล้วไม่ต้องลำบากอีก
หลังปีใหม่ อาทิตย์ของเดือนมกราคม 2559 เราก็โทรตามนัด ช่างคนเดิมก็แจ้งว่าให้รออีกนิด ขอตามใบนัด ซึ่งใบนัดเขียนว่า 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือน ถ้า 2 เดือนเต็ม ก็คือจะอยู่วันที่ 16 มกราคม ซึ่งเราก็ท้วงไป ว่าเช่นนั้นแล้วจะนัดกับเราทำไมว่าจะเสร็จ.. แล้วนี่ยังต้องมาทะเลาะกับการโบกรถแดงทุกเช้าก่อนเข้างาน ถือเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่เลย
หลังวันที่ 16 มกราคม ก็โทรไปตามใบนัดที่แจ้ง รถก็ยังไม่เสร็จ ต้องรออะไหล่เพิ่มเติม เราก็งงมาก ว่าแล้วทำไมไม่วินิจภัยรถให้เสร็จ แล้วมีมาแจ้งเพิ่มเติมว่า รอเอกสารจากพนักงานประกัน ซึ่งทำให้ยังไม่สามารถซ่อมบางส่วนได้ ก็ยิ่งงงเข้าไปอีก เพราะคำพูดจาก 2 ฝ่าย มันคนละเรื่องเดียวกัน เราก็ได้รับแจ้งจากพนักงานประกันว่าเอกสารเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งเราได้โทรไปหาพนักงานประกันอีกหน จึงรู้ว่า เอกสารยังไม่ครบถ้วน ให้เราเข้าไปที่ศูนย์ เราจึงแจ้งประกันไป ว่า เราไม่เข้าไป เพราะเราเดินทางไม่สะดวก เนื่องจากเราอยู่ในเมือง ไม่มีรถ จนกระทั่งต้องขึ้นเสียงไปกับพนักงานท่านเดิมนั้น แล้วแจงคำพูดที่พนักงานคนนี้เคยรับปากไว้ว่า ได้ๆๆๆ ที่เหลือผมจะจัดการให้
เท่านั่นละคะ พนักงานควรจะต้องทำให้ได้ตามที่พูด ไม่ใช่พูดไปเรื่อยๆ ลอยๆไปแบบนี้ แล้วสว่นตัวเรานั้นจะไม่มีการเข้าไปเซ็นเอกสารอะไรทั้งสิ้น ประกันต้องจัดการและซ่อมรถให้เสร็จตามเวลา จากนั้นวันถัดไปเราก็ติดต่อกลับไปที่ช่าง ช่างก็บอกว่าได้เอกสารแล้ว เนี้ยต้องรอตัวนี้นั่นแหละจึงยังทำอะไรไม่ได้ ขอเลื่อนไปอีกหน่อยละกัน
**การนั่งรถแดงก็ยังเป็นภาระชีวิตทุกวัน จนถึงกับทำให้เรากลายเป็นคนเย็นชาไปแล้ว แล้วตอนนี้คงไม่ต้องถามต่อนะคะ ว่ารู้สึกเช่นไร แต่รถก็รถเราเอง แถมรถเราก็อยู่ในการดูแลของเขาตอนนี้ ที่ทำได้ก็คงต้องรอตามที่เขาแจ้งมา แต่คำพูดของช่างคนเดิมนี้ พูดไพเราะ ดูถ่อมตนมาก แต่เข้าตำรา ปากหวานก้นเปรี้ยวซะจริงๆเลย
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ โทรไปสอบถาม ก็ได้รับแจ้งนิยายเรื่องใหม่ว่ารถต้องซ่อมหม้อน้ำเพิ่มอีก 1 ชิ้น จึงอาจจะต้องรออีก 1 เดือนเต็มๆ ซึ่งพอได้ยินรอบนี้ เราจึงเลิกโทรไปแล้ว เพราะกลัวจะโมโหไปกว่านี้ แล้วต้องมาทะเลาะแน่ๆ เราจึงขอให้คุณพ่อโทรไปสอบถามแทน ซึ่งก็ได้คำตอบมาเหมือนกัน ปากหวานก้นเปรี้ยวเช่นคราวที่ผ่านๆมา ขอเลื่อนเวลาไปอีกนิด แล้วจะซ่อมให้ดีที่สุด เราโทรไปที่ประกัน แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบ แต่ประกันเงียบกริบ โทรไปไม่รับสายและโทรกลับ ไม่ช่วยเหลืออะไรอีกทั้งสิ้น ไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทว.เลย
จากประกันชั้น 1 เรารู้สึกเหมือนได้รับบริการในระดับเพียงประกันชั้น 3
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ คือตอนนี้ เราได้รับสายจากช่างคนเดิมว่า เกิดกรณีว่าหม้อน้ำเป็นแบลคออเดอร์ ต้องรออีกเดือน ซึ่งครั้งนี้แหละค่ะ ที่เรารอไม่ได้อีกแล้ว เพราะช่างใช้วิธีว่า คุณโทรไปที่ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) แล้วแจ้งกับเขาเลย ผู้จัดการสาขาจากเชียงใหม่ ทวงออเดอร์ไปแล้ว แต่ก็ต้องรออีกเดือนอยู่ดี แล้วก็แนะว่าให้เราโทรไปเอง
โทรไปค่ะ เพราะทำอะไรไม่ได้ แถมนี้ก็ผ่อนรถฟรีมา 4 เดือนแล้ว สุดวิสัยกับชีวิตจริงๆ ศูนย์เชียงใหม่เองก็ไม่ช่วยอะไรเลย ให้เราโทรไปศูนย์ใหญ่ที่กรุงเทพเอง ไม่มีใครรับ สุดท้ายต้องโทรไป สยามอินเตอร์ ซูซูกิ มีนบุรี เขาเองก็ได้แต่แนะนำ แต่ไม่สามารถทำอะไรให้ได้ เนื่องจากเราไม่ได้ซ่อมกับเขา สุดท้ายเราก็ต้องโทรกลับไปที่ศูนย์เชียงใหม่..
เหตุการณ์มาถึงตรงนี้
อยากถามว่า บริษัทประกันรถว. ไม่มีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้เชียวหรือคะ
แล้วศูนย์ Suzuki เชียงใหม่ ทำงานกันอย่างไร ซ่อมทีละหน่อย แล้วค่อยงานไปเรื่อยๆ ไม่วินิจฉัยเคสรถทั้งหมดเลยเหรอ
ศูนย์ใหญ่ กรุงเทพเองก็เช่นกัน ของขาด แล้วต้องให้รอกันนานขนาดนี้เลยเหรอ สิ่งที่ได้กลับมา คือ ว่าให้รอๆๆ แล้วการบริการมีแค่เพียงเท่านั้นเองหรือคะ
คำถามคือว่า ทั้ง 2 กรณีนี้ ทั้งศูนย์บริการรถยนต์ Suzuki เชียงใหม่ และบริษัทประกันว. ทำได้เพียงเท่านี้ใช่หรือไม่ เพราะสิ่งที่เราได้กลับ ในฐานะลูกค้าตลอด 4 เดือนนี้ ได้เท่านี้จริง และจะถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานในการดูแลลูกค้าเป็นอย่างมาก
ขอความชัดเจนในการดูแลลูกค้าหลังการขายด้วยค่ะ
ร้องเรียน Suzuki เชียงใหม่ ซ่อม 4 เดือนไม่เสร็จ ยังขอต่อเวลาเพิ่ม แล้วบ.ประกันรถว. เงียบกริบไม่ช่วยเหลือ
จนกระทั่งวันนี้ รถยังซ่อมไม่เสร็จเลยค่ะ
จึงต้องออกมาร้องเรียนให้จริงจังเสียที
ขอเริ่มเล่าเรื่องก่อนว่า รถของเราคือ Suzuki Ciaz สีดำ ป้ายแดง ซื้อจากบริษัท สยามอินเตอร์ ซูซูกิ จำกัด มีนบุรี เป็นดีลเลอร์ของ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเราซื้อจากมีนบุรี กรุงเทพฯ แล้วนำรถมาใช้ที่เชียงใหม่ เพราะทำงานที่นี่ อยู่คนเดียว ทำงานคนเดียว
**ที่ย้ำไว้ตรงนี้ เพราะมันมีข้อกรณีที่เกี่ยวข้องจากเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไป
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เราไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่บ้านม่อนฝ้าย จ.เชียงใหม่ เสร็จงานเราก็ขับรถออกมาจากซอยเพื่อเดินทางกลับ แล้วถนนเป็นถนนเล็ก (น่าจะเรียกว่าเป็นทางโท) ที่ต้องออกมาแล้วเจอสี่แยก เราก็ขับรถตามปกติ เจอสี่แยกก็หยุดรอรถ ดูซ้าย-ขวา ก่อนออกตัวต่อไป แต่ก็คงเพราะเหตุการณ์มันถึงเคราะห์จริงๆ รถจากทางเอกก็พุ่งตรงเข้ามาชนเต็มที่ แล้วลากรถไปอีกเกือบ 5 เมตร ได้พูดคุยหับคู่กรณี เค้าเองก็ถือว่ามาจากทางเอกเลยไม่คิดจะขอโทษเราสักคำ ประกันรถของตัวเองก็แค่มีพรบ. พื้นฐาน เราก็เลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะต้องเรียกประกันภัยรถชั้น 1 ของตัวเองมาเพื่อรับเรื่อง ทำซ่อมบำรุงกันต่อไป เราก็เซ็งอยู่มากพอตัวเลย เพราะรถออกมาได้แค่ 3 เดือนทั้งนั้นเอง แต่ในความซวยนั้นก็มีความสบายใจอยู่ เนื่องจากเราต้องไปลาว ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนธันวาคม (ไปทำงานที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว) แล้วจะไม่ได้กลับเข้ามาที่ประเทศไทยและติดต่อได้ลำบาก ถ้ารถได้อยู่ในการดูแลของศูนย์ Suzuki เองก็คงจะน่าหายห่วง และรถประกันชั้น 1 ก็คงจะพึ่งพาและคุ้มครองรถได้ในระดับตามประกันชั้น 1 จริงๆ
จากนั้นเราก็โทรเรียกประกัน ซึ่งก็เป็นบริษัทที่ได้แถมจากการซื้อรถป้ายแดง บริษัทที่ว่านี้คือ บริษัท ว. เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนประมาณบ่ายโมงเศษๆ โทรเรียกประกันว่า ก็ต้องรอเกือบชั่วโมงครึ่งกว่าพนักงานประกันจะมาถึง พอมาถึง เขาก็ไม่ได้แสดงความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าแบบเราเลยสักนิด สิ่งที่ทำคือ ถ่ายรูปๆ แล้วก็เขียนใบเคลม จากนั้นก็ไปคุยกับคู่กรณีแล้วโทรเรียกรถยกมายกรถไปศูนย์ใหญ่ของ Suzuki ที่เชียงใหม่ ซึ่งอยู่แถวตลาดสามแยก พนักงานเขียนใบเคลม โดยแจ้งกับเราว่า จะเขียนให้ ขอแค่ให้เราเซ็นเอกสารก่อน เพราะจะให้รถยกไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปดูรายละเอียดความเสียหายทั้งหมดที่ศูนย์ แต่เนื่องจากเราเองเคยใช้รถมาก่อนแล้ว จึงได้ถามพนักงานประกันย้ำๆไปหลายหน ว่า เซ็นเอกสารเท่านี้มันจะได้หรือ เพราะเราควรได้เอกสารถือกลับไปด้วย แต่เขาก็ยืนยันว่า “ได้” เพราะยังไงก็ต้องเข้าไปดูรถเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้อีกอยู่ดี พอเราถามย้ำไปหลายรอบ เขาแจ้งเช่นนี้ เราจึงไม่ขัด เพราะระเบียบประกันแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน นี่อาจจะเป็นรูปแบบของบริษัทว. ก็เป็นไปได้ แล้วบริษัทว. ก็แจ้งว่า ไม่สามารถหารถมาให้ใช้ทดแทนได้ระหว่างการซ่อมบำรุงได้ เนื่องจากกรณีนี้เราถูกชนก็จริง แต่แพ้ความทางกฏหมายเนื่องจากทางเอก ทางโทนั่นเอง
วันถัดมา เราก็ให้เพื่อนพาไปส่งที่ศูนย์ตรงตลาด ซึ่งอยู่นอกเมือง และส่วนตัวเรานั้นทำงานและพักอาศัยอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ไปถึงก็รอพนักงานประกันอีกเช่นเคย นัดไว้ตอนก่อนเที่ยง กว่าจะโผล่มาได้อีกทีก็ตอนประมาณบ่ายโมง พนักงานมาช้า และอ้างนู้น อ้างนี้ แล้วก็ว่า คิวรถที่ศูนย์มันเยอะ เอกสารที่เซ็นก็เซ็นประมาณนี้ ที่เหลือจะจัดการให้ เพราะเนื่องจากเราแจ้งไปเพิ่มเติมว่าปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนธันวาคมเราต้องไปทำงานที่เวียงจันทน์ จะติดต่อได้ลำบาก และในเมื่อพนักงานว่าเช่นนั้น เราก็ว่าตามนั้น ซึ่งคำพูดของพนักงานประกันบริษัท พูดว่า “ที่เหลือ ผมจัดการให้” ยังติดหูอยู่จนถึงวันนี้
หมายเหตุ ช่างศูนย์เขียนใบรับรถว่า ซ่อมประมาณ 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือน โดยถ้ารถเสร็จก่อนก็จะได้รับเร็วขึ้น
ระหว่างไปอยู่ที่ลาว เราก็ติดต่อเพื่อนให้ช่วยตามเรื่องของรถว่าไปถึงไหนแล้ว ก็ได้ทราบเป็นครั้งคราวว่ารถใกล้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ได้รับแต่คำตอบแบบนั้น จนกระทั่งปลายเดือนธันวาคม 2558 เรากลับมาเชียงใหม่ ติดต่อไปเอง ก็ได้รับคำตอบว่า ใกล้แล้ว อีกนิดนึง ก็ให้ได้รับตามใบนัด ช่างที่ดูแลแจ้งว่าให้โทรกลับมาอีกทีหลังปีใหม่ อาทิตย์แรกน่าจะเสร็จ ซึ่งระหว่างนี้เราต้องโบกรถแดงไปทำงานไป-กลับ ทุกวัน เป็นการใช้ชีวิตที่ลำบากมาก ถ้าใครได้ลองใช้บริการรถแดงเชียงใหม่จะเข้าใจว่าเราหมายถึงอะไร ยังไม่รวมว่าต้องเผชิญกับรถแดงในช่วเวลาทำงาน 8:00-18:00 น. ที่รถแดงโก่งราคาเกินตัวและบางครั้งก็ขับผ่านไปไม่รับเราเลยก็มีเกิดขึ้นทุกวัน ทุกวันจริง ๆ ระหว่างนี้เราไปทำงานสายทุกวัน ยังไม่นับถึงค่าใช้จ่ายและค่าเสียเวลาอะไรทั้งหมดตตรงนี้ เราก็อดทนว่า หลังปีใหม่คงได้รถ แล้วไม่ต้องลำบากอีก
หลังปีใหม่ อาทิตย์ของเดือนมกราคม 2559 เราก็โทรตามนัด ช่างคนเดิมก็แจ้งว่าให้รออีกนิด ขอตามใบนัด ซึ่งใบนัดเขียนว่า 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือน ถ้า 2 เดือนเต็ม ก็คือจะอยู่วันที่ 16 มกราคม ซึ่งเราก็ท้วงไป ว่าเช่นนั้นแล้วจะนัดกับเราทำไมว่าจะเสร็จ.. แล้วนี่ยังต้องมาทะเลาะกับการโบกรถแดงทุกเช้าก่อนเข้างาน ถือเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่เลย
หลังวันที่ 16 มกราคม ก็โทรไปตามใบนัดที่แจ้ง รถก็ยังไม่เสร็จ ต้องรออะไหล่เพิ่มเติม เราก็งงมาก ว่าแล้วทำไมไม่วินิจภัยรถให้เสร็จ แล้วมีมาแจ้งเพิ่มเติมว่า รอเอกสารจากพนักงานประกัน ซึ่งทำให้ยังไม่สามารถซ่อมบางส่วนได้ ก็ยิ่งงงเข้าไปอีก เพราะคำพูดจาก 2 ฝ่าย มันคนละเรื่องเดียวกัน เราก็ได้รับแจ้งจากพนักงานประกันว่าเอกสารเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งเราได้โทรไปหาพนักงานประกันอีกหน จึงรู้ว่า เอกสารยังไม่ครบถ้วน ให้เราเข้าไปที่ศูนย์ เราจึงแจ้งประกันไป ว่า เราไม่เข้าไป เพราะเราเดินทางไม่สะดวก เนื่องจากเราอยู่ในเมือง ไม่มีรถ จนกระทั่งต้องขึ้นเสียงไปกับพนักงานท่านเดิมนั้น แล้วแจงคำพูดที่พนักงานคนนี้เคยรับปากไว้ว่า ได้ๆๆๆ ที่เหลือผมจะจัดการให้
เท่านั่นละคะ พนักงานควรจะต้องทำให้ได้ตามที่พูด ไม่ใช่พูดไปเรื่อยๆ ลอยๆไปแบบนี้ แล้วสว่นตัวเรานั้นจะไม่มีการเข้าไปเซ็นเอกสารอะไรทั้งสิ้น ประกันต้องจัดการและซ่อมรถให้เสร็จตามเวลา จากนั้นวันถัดไปเราก็ติดต่อกลับไปที่ช่าง ช่างก็บอกว่าได้เอกสารแล้ว เนี้ยต้องรอตัวนี้นั่นแหละจึงยังทำอะไรไม่ได้ ขอเลื่อนไปอีกหน่อยละกัน
**การนั่งรถแดงก็ยังเป็นภาระชีวิตทุกวัน จนถึงกับทำให้เรากลายเป็นคนเย็นชาไปแล้ว แล้วตอนนี้คงไม่ต้องถามต่อนะคะ ว่ารู้สึกเช่นไร แต่รถก็รถเราเอง แถมรถเราก็อยู่ในการดูแลของเขาตอนนี้ ที่ทำได้ก็คงต้องรอตามที่เขาแจ้งมา แต่คำพูดของช่างคนเดิมนี้ พูดไพเราะ ดูถ่อมตนมาก แต่เข้าตำรา ปากหวานก้นเปรี้ยวซะจริงๆเลย
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ โทรไปสอบถาม ก็ได้รับแจ้งนิยายเรื่องใหม่ว่ารถต้องซ่อมหม้อน้ำเพิ่มอีก 1 ชิ้น จึงอาจจะต้องรออีก 1 เดือนเต็มๆ ซึ่งพอได้ยินรอบนี้ เราจึงเลิกโทรไปแล้ว เพราะกลัวจะโมโหไปกว่านี้ แล้วต้องมาทะเลาะแน่ๆ เราจึงขอให้คุณพ่อโทรไปสอบถามแทน ซึ่งก็ได้คำตอบมาเหมือนกัน ปากหวานก้นเปรี้ยวเช่นคราวที่ผ่านๆมา ขอเลื่อนเวลาไปอีกนิด แล้วจะซ่อมให้ดีที่สุด เราโทรไปที่ประกัน แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบ แต่ประกันเงียบกริบ โทรไปไม่รับสายและโทรกลับ ไม่ช่วยเหลืออะไรอีกทั้งสิ้น ไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทว.เลย
จากประกันชั้น 1 เรารู้สึกเหมือนได้รับบริการในระดับเพียงประกันชั้น 3
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ คือตอนนี้ เราได้รับสายจากช่างคนเดิมว่า เกิดกรณีว่าหม้อน้ำเป็นแบลคออเดอร์ ต้องรออีกเดือน ซึ่งครั้งนี้แหละค่ะ ที่เรารอไม่ได้อีกแล้ว เพราะช่างใช้วิธีว่า คุณโทรไปที่ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) แล้วแจ้งกับเขาเลย ผู้จัดการสาขาจากเชียงใหม่ ทวงออเดอร์ไปแล้ว แต่ก็ต้องรออีกเดือนอยู่ดี แล้วก็แนะว่าให้เราโทรไปเอง
โทรไปค่ะ เพราะทำอะไรไม่ได้ แถมนี้ก็ผ่อนรถฟรีมา 4 เดือนแล้ว สุดวิสัยกับชีวิตจริงๆ ศูนย์เชียงใหม่เองก็ไม่ช่วยอะไรเลย ให้เราโทรไปศูนย์ใหญ่ที่กรุงเทพเอง ไม่มีใครรับ สุดท้ายต้องโทรไป สยามอินเตอร์ ซูซูกิ มีนบุรี เขาเองก็ได้แต่แนะนำ แต่ไม่สามารถทำอะไรให้ได้ เนื่องจากเราไม่ได้ซ่อมกับเขา สุดท้ายเราก็ต้องโทรกลับไปที่ศูนย์เชียงใหม่..
เหตุการณ์มาถึงตรงนี้
อยากถามว่า บริษัทประกันรถว. ไม่มีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้เชียวหรือคะ
แล้วศูนย์ Suzuki เชียงใหม่ ทำงานกันอย่างไร ซ่อมทีละหน่อย แล้วค่อยงานไปเรื่อยๆ ไม่วินิจฉัยเคสรถทั้งหมดเลยเหรอ
ศูนย์ใหญ่ กรุงเทพเองก็เช่นกัน ของขาด แล้วต้องให้รอกันนานขนาดนี้เลยเหรอ สิ่งที่ได้กลับมา คือ ว่าให้รอๆๆ แล้วการบริการมีแค่เพียงเท่านั้นเองหรือคะ
คำถามคือว่า ทั้ง 2 กรณีนี้ ทั้งศูนย์บริการรถยนต์ Suzuki เชียงใหม่ และบริษัทประกันว. ทำได้เพียงเท่านี้ใช่หรือไม่ เพราะสิ่งที่เราได้กลับ ในฐานะลูกค้าตลอด 4 เดือนนี้ ได้เท่านี้จริง และจะถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานในการดูแลลูกค้าเป็นอย่างมาก
ขอความชัดเจนในการดูแลลูกค้าหลังการขายด้วยค่ะ