เจ้านาย

กระทู้สนทนา
=============
เจ้านาย
=============
Psycho G.



หัวหน้า
Psycho G.


             ฤดูกาลแห่งการพิจารณาความดีความชอบของชาว “ฆ่าราชการ” และมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายพัดผ่านมาถึงอีกวาระหนึ่งพร้อมกับความร้อนอบอ้าวและสายฝน สำหรับคนหลายคนความดีความชอบจัดเป็นเรื่องคอขาดบาดตายชนิดให้อภัยกันไม่ได้กับผลของการเลื่อนขั้นพิเศษของเงินเดือน มีข่าวว่าบางคนหัวใจวายตายคาที่ทันทีเมื่อได้ข่าวว่าตัวเองได้หรือไม่ได้ขั้นพิเศษ

             เพื่อนผมหลายคนไม่กล้าใส่เสื้อผ้าสีดำเพราะรู้ว่า “เจ้านาย” ไม่ชอบสีดำ เวลาเขียนบันทึกรายงานหลายคนไม่กล้าใช้ปากกาสีดำ เคยมีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อปากกาเขียนไวท์บอร์ดของเจ้านายเกิดหมดมีปัญหาระหว่างประชุม ร้อนถึงเลขาหน้าห้องต้องวิ่งว่อนหาเป็นการใหญ่

             ตอนนั้นผมหลบประชุม (ที่จริงจะว่าหลบก็ไม่เชิง เพราะแกล้งทำตัวขออนุญาตลุกออกมาอย่างสง่าผ่าเผย) เพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วดันลืมกลับเข้าห้องประชุมเพราะ คิดว่าเขาเลิกประชุมกันไปแล้ว) กำลังนั่งจิบกาแฟ อ่านนิยายในอินเตอร์เน็ตอย่างสบายใจและมีความสุขสุดจะหาใดมาเทียบเปรียบปาน เห็นเลขาหน้าห้องของเจ้านายคนงามวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา เส้นผมของหล่อนย้อมเป็นสีส้มสวยงามทีเดียวเชียว

             “มีปากกาไวท์บอร์ดไหมคะ เจ้านายต้องการด่วน”

             “มีสิครับ คนดี”

             สำหรับผู้หญิงแล้วผม JUST SAY YES เสมอ แต่หากผู้ชายวิ่งมาในกรณีเดียวกันนี้ อะไรต่อมิอะไรจะ”ไม่มี” ทันทีแบบอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลที่ว่าความเป็นสุภาพบุรุษจะต้องช่วยเหลือเด็ก (สาว) และผู้หญิง (สวยน่ารัก) เสมอ ส่วนผู้ชายและคนชราไม่ต้องช่วยเหลืออะไรเพราะมีประสบการณ์สูงเอาตัวรอดได้

             ปากกาไวท์บอร์ดแสนหวานของผมจึงบรรจงเรียงรายบนโต๊ะอย่างสวยงาม

             “ขอบคุณมากค่ะ แหม คุณช่วยชีวิตดิฉันไว้แท้ ๆ...”

             เธอยิ้มหวานอย่างดีใจเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แต่ แล้วรอยยิ้มพิมพ์ใจและมือซึ่งถือปากกาเขียนไวท์บอร์ดอยู่ก็ชะงักค้างราวกาล เวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกรีดร้องเสียงดังราวคนสติแตกว่า

             “นี่...นี่ มันสีดำนี่ !”

             “แน่นอนสิครับ ก็ผมชอบสีดำนี่นา ดูนี่สิครับ วันนี้ผมยังใส่ชุดดำมาทั้งชุด”

             ว่าพลางลุกขึ้นยืนเต็มตัว หมุนรอบตัวเองโชว์หนึ่งรอบอย่างกรีดกรายแช่มช้าเพื่อให้มองเห็นชัดเจน

             “กรี๊ด …ซอยข่อยแน๊...!”

             เลขาหน้าหวานร้องเสียงลั่น ราวกับเห็นคนโรคจิตเปิดเสื้อผ้าให้ดูอย่างไรอย่างนั้น

             “อีตาบ้า ฉันเกลียดสีดำ รู้ไหมฉันเกลียดสีดำ !”

             หล่อนวิ่งซนซานกระเซอะกระเซิงไม่รู้เหนือรู้ใต้ออกไปแบบไม่รู้ชะตากรรม ทิ้งให้ผมนั่งเกาหัวตัวเองไปมายังงุนงงสงสัย อะไร...เจ้านายต่างหากไม่ชอบสีดำ ไม่ใช่เธอสักนิด แล้วมาโวยวายทำไม หรือว่าโรคระบาดนี้แพร่ขยายมายังบรรดาคุณลูกน้องทั้งหลายได้อย่างน่าแปลกใจ ประเภทเจ้านายว่าขี้ข้าพลอย ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเกิด “เจ้านาย” ไปงานศพ ท่านจะแต่งชุดสีดำไปหรือไม่ และลูกน้องลิ่วล้อทั้งหลายจะพากันใส่ชุดลายดอกฉูดฉาดไปงานศพหรือไม่ อยากรู้จริง ๆ

             เท่าที่รู้ คนในองค์กรแห่งนี้แบ่งเป็นเส้นเป็นสาย เส้นใครเส้นมัน คนใครคนของมัน ต่างใช้วิชามารสารพัดในการเข้าหาเจ้านาย (เข้าหาในที่นี้หมายถึงเข้าไปใกล้ชิดสอพลอ ไม่ใช่เข้าหาแบบหนุ่มปีนหน้าต่างหาสาว แบบนั้นแค่คิดก็ขนลุกแล้ว) เพื่อสายงานและคนของตัวเอง รวมทั้งตัวเอง

             หลายคนมีโทรศัพท์มือถือ แอบซุ่มอยู่ตามมุมตึก ใต้โต๊ะ ต้นไม้นอกอาคาร กระทั่งตามกองขยะ ราวกับพวกนักล่าสังหารมืออาชีพ เพียงแต่เปลี่ยนจากปืนมาเป็นโทรศัพท์มือถือ ติดต่อสื่อสารรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้านายแทบไม่เป็นอันทำงาน ทุกระยะทุกขั้นตอน เคยเห็นเพื่อนคนหนึ่งแอบซุ่มแบบเฝ้าระวังอยู่ข้างกระถางดอกไม้หน้าตึก กระซิบกระซาบกับมือถือด้วยน้ำเสียงสั่นเทาร้อนรนและระวังตัวสุดชีวิต

             “ไหนนะ..ตอนนี้เจ้านายจะเข้าห้องน้ำเหรอ ไอ้บ้า... ทำไมแกไม่ส่งคนไปดักหน้าห้องน้ำไว้ก่อนวะ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็ชิงลงมือตัดหน้าไปก่อนหรอก หน่วยสอดแนมพวกเราหายไปไหนหมด รู้แล้ว ๆ... ข้ากำลังมีงาน แกหาทางขัดขวางคนของพวกนั้นไว้ก่อนนะ ถ่วงเวลาเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปช่วย…คอยระวังอย่าให้พวกนั้นมันเช็ดก้นเจ้านายก่อนเป็นอันขาด”


             ฟังผิวเผินเหมือนรายงานทางทหารไม่มีผิด


             “เออ...ใช่ๆ ... อ้อๆ... ใช่ๆขืนปล่อยให้มันชิงตัดหน้ามีหวังโควตาความดีความชอบและงบประมาณสายเราโดนพวกมันชิงตัดหน้าแน่  ถ่วงเวลาไว้ และหาทางให้เจ้านายออกห้องน้ำให้ช้าที่สุด”

             “แกทำอะไรฟะ”

             ผมอดรนทนไม่ได้ ยื่นมือไปแตะบ่าพลางเรียกมันเบา ๆ เจ้าเพื่อนตัวดีสะดุ้งเฮือกสุดตัวหันกลับมามองอย่างขวัญผวา พอรู้ว่าเป็นใครมันก็กระชากคอเสื้อผมล้มกลิ้งลงไปหมอบหลบข้างแนวดอกไม้ซึ่งปลูกเป็นแถวยาวอยู่บริเวณนั้น มันเอามือแตะริมฝีปากตัวเองทำท่าให้เงียบเสียงกระซิบร้อนรนสุดขีด

             “อย่าเสียงดัง เดี๋ยวพวกมันก็รู้เข้าหรอก รู้ไหมตอนนี้พวกมันวางกำลังไว้เต็มบริเวณไปหมดแล้ว”

             “อะไร”

             “แกนี่ไม่รู้เรื่องเลย ถนนทุกสายกำลังมุ่งหน้าเข้าหาเจ้านาย เขากำลังพิจารณาความดีความชอบประจำปีกันอยู่ในช่วงนี้ ขืนไม่ลงมือเสร็จมันแน่”

             “เสร็จใคร” ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาสงสัยต่อไป

             “ก็พวกคนของรองหัวหน้าสายสาขาต่าง ๆ ไงล่ะ พวกมันเริ่มลงมือปฏิบัติการโหดแล้ว รู้ไหม เมื่อวานสายของเรารายงานว่าเห็นคนของพวกฝ่ายใต้เข้าไปคุยกับเจ้านาย กลับออกมาปากเป็นมันแผล็บเชียว ป่านนี้คะแนนพวกมันวิ่งขึ้นสูงปรี๊ดแล้ว มันจะฉุดคะแนนเฉลี่ยของพวกเราลงไปด้วยสิ มาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก อ้าว... แล้วนี่แกใส่เสื้อสีดำนี่หว่า ... ไอ้บ้า!!”

             มันตาเหลือกเหมือนคนอยู่ใกล้วัตถุไวไฟกำลังจะระเบิด กลิ้งตัวหนีห่างออกไปด้านข้างแบบไม่คิดชีวิตราวนักรบในสมรภูมิหลบหนีกระสุนปืนใหญ่ไปหลบหลังแนวไม้พุ่ม โผล่ซ้ายโผล่ขวาจากสุมทุมพุ่มไม้ออกมามองอย่างหวาดระแวงระวัง

             “ชิ้ว ๆ... ไปห่าง ๆ หนอย ! .... รู้ว่าเจ้านายไม่ชอบสีดำ ดันทะลึ่งใส่เสื้อสีดำมาอีก เดี่ยวนรกก็กินกระบาลเองหรอก มาทางไหนไปทางนั้น ชิ้ว ๆ...  ผมยาวอีกต่างหาก เจ้านายไม่ชอบคนผมยาวยังทะลึ่งผมยาวมาอีก”

             ใส่ชุดดำแล้วนรกกินหัว โห !..... มันอะไรกัน ก็เป็นสีสุดโปรดปรานของผม แล้วใส่มามันไม่ได้หนักหัวกระบาลใครเลยนี่นา ผมยาวก็ผมบนหัวกระบาลข้า ไม่ได้หนักหัวหมาของใครตัวไหน

             เสียงของมันยังไล่หลังมาอย่างเป็นห่วงว่า

             “ว่าง ๆไปเช็คประสาทบ้างนะ “

             งานเลี้ยงประจำปีจัดขึ้นที่สโมสรแห่งหนึ่ง เป็นงานฉลองความสำเร็จของงานในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนจะสำเร็จมากสำเร็จน้อยอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในความรู้สึกของผมแล้วไม่ต่างจากงานมีเปิดโอกาสในลูกน้องประจบเจ้านายเลย

             เริ่มจากความวุ่นวายบริเวณหัวโต๊ะ เกิดศึกแย่งเก้าอี้กันว่าใครจะนั่งด้านซ้ายด้านขวาของหัวหน้า เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการได้ใกล้ชิดเจ้านาย โดยมีสาธารณะชนเป็นประจักษ์พยาน วันนี้ผมใส่กางเกงสีดำเพราะสีอื่นไม่มี ส่วนเสื้อก็เป็นสีเทาลายดำ ไม่ถึงกับดำไปหมดทั้งตัวเพราะรำคาญพวกเพื่อนมันค่อนแคะและการใส่เสื้อสีเทาลายดำก็ไม่ได้ทำให้ลำบากบาดเจ็บทรมานแต่ประการใด

             กระนั้นสังคมก็รังเกียจพยายามให้ผมนั่งห่างจากเจ้านายมากที่สุด จนมาอยู่ท้ายโต๊ะแต่ดูไปแล้วเหมือนว่าเรานั่งเผชิญหน้ากันระยะไกล มากกว่า เพราะหัวโต๊ะกับท้ายโต๊ะความจริงก็ไม่ต่างกัน ต่างกันว่าใครเป็นคนนั่งเท่านั้น

             เด็กส่งอาหารทุกคนถูกกำชับห้ามใส่เสื้อผ้ามีสีดำปน เด็กในร้านถูกสั่งให้ตัดผมสั้น นัยว่าเอาใจเทวดา อะไรก็แล้วแต่ถ้ามีสีดำจะถูกเก็บกวาดไปจนหมดสิ้น แม้แต่อาหารก็ห้ามมีสีดำ และห้ามเอ่ยคำว่า “ดำ” ขึ้นมาในงานโดยเด็ดขาด

             เมื่อเจ้านายเดินเข้ามาพร้อมกับสาว ๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งล้อมหน้าล้อมหลังวิ่งซ้ายวิ่งขวา ทุกคนลุกขึ้นต้อนรับพยายามยิ้มแสดงความจริงใจในการจงรักภักดีจนถึงที่สุด บางคนแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมาขณะจ้องมองแข้งขารองเท้าของเจ้านายอย่างออกหน้าออกตา ยกเว้นผมซึ่งกำลังอร่อยอยู่กับเครื่องดื่มและอาหารเบื้องหน้าอย่างไม่สนใจคำว่ามารยาท เพราะอาหารวางแล้วนับชั่วโมงแต่เจ้านายดันมาช้าเอง....ถึงจะมาช้าก็ไม่มีใครว่าอะไร แถมบางคนยังบอกว่าเจ้านายมาช้าไปแค่ชั่วโมงกำลังดี จะให้ผมนั่งมองเฉย ก็บ้าตายเท่านั้น อยากมาช้าเอง และอีกอย่างสาวเสิร์ฟน่ารักชวนมองมากกว่าเจ้านายเป็นไหนๆ

             ลูกน้องคนหนึ่งเริ่มต้นร้องคาราโอเกะ ด้วยเพลงซึ่งแอบไปสืบมาว่าเจ้านายชอบเพลงนี้ที่สุด หลายคนมองดูด้วยความอิจฉาและผิดหวังที่ไม่มีโอกาสสอพลอเป็นคนแรก แล้วทุกคนก็เริ่มงัดกดเม็ดเด็ดพรายในการแสดงให้เจ้านายเห็นถึงความจงรักภักดีศรัทธาแบบสุดขั้วแห่งหัวใจ

             “เชื่อไหม...ผมตายแทนเจ้านายได้”

             ใครคนหนึ่งประกาศก้อง แอลกอฮอล์เริ่มเดือดพล่านอยู่ในกระแสเลือดเริ่มออกฤทธิ์

             “ชีวิตนี้ผมอุทิศแก่งาน และเจ้านายผู้แสนดีของผม”

             กล่าวจบก็หันไปยิ้มจงรักภักดีกับเจ้านาย ยื่นหน้ายื่นตาพลางแลบลิ้นออกมาเลียแพลบ ๆให้กับดินฟ้าอากาศส่ายหน้าส่ายตาไปมาเหมือนงู แต่ไม่มีโอกาสเลียหน้าเลียตาเจ้านายเพราะนั่งอยู่ไกลเกินพิกัดแห่งการเลีย

             “เฮ!!”

             เสียงพรรคพวกร้องเชียร์ ปรบมือกันเกรียวกราวเป็นประชามติสนับสนุนความจริงใจนั้น แต่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นคู่กัดกันมาตลอดส่งเสียงโห่สวนขึ้นมาทันที แล้วใครคนหนึ่งซึ่งนั่งตรงข้ามก็ลุกขึ้นมาเผชิญหน้า ยื่นหน้ายื่นตา แลบลิ้นแพลบๆฉวัดเฉวียนไปมาเพื่อแสดงการเอาใจเจ้านายบ้าง แต่หมอนี่มีทีเด็ดกว่าเพราะส่ายก้นไปมาเหมือนคนมีหางซึ่งมองไม่เห็นและกำลังกระดิกระริกไหว

             “ผมก็อุทิศชีวิตนี้เพื่องานและเจ้านายเหมือนกัน”

             “เฮ..!! “

             เอาล่ะสิ ชักยุ่งแล้ว ทั้งสองคนต่างเป็นหัวหน้าสายงานย่อย รับผิดชอบลูกน้องคนละหลายสิบคน งานนี้มีเฮ แต่ผมไม่โห่ไม่เฮกับเขาด้วยเพราะมัววุ่นอยู่กับการสั่งน้องสาวเสิร์ฟคนงามหน้าตาน่ารักให้นำอาหารมาเพิ่ม

             “อย่าว่าแต่ตายแทนเจ้านายเลย ให้ตายแทนหมาที่บ้านเจ้านายยังได้ แบบไม่อายหมา”






                      ...........
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่