ในทุกๆวงการ การที่เราพัฒนามาจนถึงวันนี้ (ยกตัวอย่างง่ายๆก็เรื่องเทคโนโลยีทุกวันนี้) เพราะความรู้ที่คนรุ่นก่อนๆ ศึกษาค้นคว้าไว้ และเราก็มาต่อยอดจากความรู้ดัวกล่าว
ฝรั่งมักจะพูดถึงการต่อยอดที่ว่า ว่าเรายืนอยู่บนบ่าของยักษ์ (standing on the shoulder of giant) ยักษ์ที่ว่าหมายถึงความรู้ที่คนรุ่นก่อนๆ สู้อุตส่าห์สั่งสม ลองผิด ลองถูก มานั่นเอง
เช่นกันกับทีมฟุตบอลครับ ยอดทีมที่ประสบความสำเร็จหลายทีมต่างเคยมีอดีตที่เลวร้าย วันที่เจ็บปวด พวกเขาประสบความสำเร็จโดยทิ้งความเจ็บปวดไว้เป็นบทเรียนเบื้องหลัง เพื่อก้าวไปสู่จุดหมาย
ผมเชื่อว่าแฟนอาร์เซน่อลหลายคนปิดโทรทัศน์ในวันทีโดนแมนยูถล่ม (ทั้งสองนัดห่างกันหลายปี ผมจำสกอร์ไม่ได้)
และแฟนแมนยูหลายคน(รวมถึงผมด้วย) ก็ปิดโทรทัศน์ในวันที่โดนบาร์เซโลน่าต้อนในนัดชิง UCL ทั้งสองนัดที่ห่างกันไม่กี่ปี (ถึงสกอร์จะไม่ขาด แต่รูปเกมส์คือการสอนบอลดีๆนี่เอง)
ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีความสำเร็จใดๆที่ได้มาโดยไร้ซึ่งความผิดหวัง บทความต่อไปนี้ถึงจะไม่เกี่ยวกับฟุตบอล แต่แสดงให้เห็นแคแรคเตอร์ของนักสู้จากอีสานคนหนึ่ง ผมหวังเหลือเกินว่า ทีมจากอีสานทีมนี้จะมี DNA นักสู้เช่นเดียวกับ คุณยายชาวอีสานในเรื่องนี้ครับ
ที่มาจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.winbookclub.com/article.php?articleid=396
และตีพิมพ์รวมเล่มในหนังสือ ฟ้าไม่ปิดทุกวัน หนังสือชุดรวมบทความเสริมกำลังใจ ชุดที่ 9 ของคุณวินทร์ เลียววารินทร์
ผมยกตัวอย่างเรื่องนี้เพราะหัวใจนักสู้นะครับ ห้ามดึงเข้าการเมือง ใครดึงเข้าการเมืองขอให้หมดสมรรถภาพทางเพศ
หัวใจที่ไม่จมน้ำ
ไฮ ขันจันทา เกิดที่บ้านโนนตาล ตำบลนาตาล กิ่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เด็กหญิงกำพร้าพ่อเมื่ออายุสี่ขวบ เรียนหนังสือเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำนากับพี่น้องอีกเจ็ดคน บ้านของไฮมีฐานะดีกว่าชาวนาอื่นๆ ที่ดินกว่าสองร้อยไร่ สวน วัว ควาย ม้า และโรงสีข้าวหนึ่งโรง
เมื่อโตเป็นสาว ไฮแต่งงานกับคำฟอง มีลูกด้วยกันสิบคน ทั้งหมดทำมาหากินอย่างหนักเอาเบาสู้ ไฮได้รับมรดกเป็นที่นาหลายสิบไร่
ชีวิตดำเนินอย่างสงบเรียบง่าย จนในปี พ.ศ. 2520 ชะตาชีวิตก็หักเห สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท กระทรวงมหาดไทย ประกาศโครงการสร้างเขื่อนเพื่อการชลประทานขนาดเล็กที่บ้านโนนตาล - บ้านของไฮ
ไฮรู้ดีว่าน้ำจากเขื่อนจะท่วมไร่นาของนางกับเพื่อนบ้านหลายรายจนทำการเกษตรไม่ได้ ไฮกับพวกรวมตัวกันทำเรื่องคัดค้านต่อทางราชการ แต่ไม่ได้ผล และถึงแม้ไฮไม่เซ็นชื่อยินยอมให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ แต่การสร้างเขื่อนก็เกิดขึ้นจนได้
สองปีต่อมา เมื่อเขื่อนพื้นที่หนึ่งร้อยสามสิบไร่ ความจุ 240,000 ลูกบาศก์เมตรก่อสร้างสำเร็จ ผืนแผ่นดินที่ปู่ย่าตายายส่งทอดมาหลายชั่วคนก็จมใต้น้ำ น้ำเขื่อนท่วมพื้นที่เกษตรกรรมกว่าสี่ร้อยไร่ของชาวบ้านหลายครอบครัว
หลังจากน้ำท่วมไร่นาจนทำนาไม่ได้ ครอบครัวของไฮก็แตกฉานซ่านเซ็นไปคนละทิศ จากชาวนาที่มีฐานะดีใช้ได้เป็นคนยากไร้ในชั่วข้ามคืน สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องทำงานทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด ออกรับจ้างทำงานทุกประเภทโดยไม่เลือกงาน ตั้งแต่การช่วยชาวบ้านอื่นๆ ทำนา เกี่ยวข้าว เก็บฟืนขาย ขนขี้ควายใส่ไร่นาชาวบ้าน ลูกหลานหลายคนเข้ากรุงเทพฯ ทำงานโรงงานเย็บผ้า ทำความสะอาด ฯลฯ
แต่งานสำคัญที่สุดคือการต่อสู้เพื่อขอทวงความยุติธรรม
ไฮเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อร่วมชุมนุมกับกลุ่มสมัชชาคนจน ปลูกเพิงปักหลักใกล้ทำเนียบรัฐบาล สองเดือนหลังการชุมนุมยืดเยื้อ รัฐใช้กำลังสลายการชุมนุม ไฮเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางกลับบ้านในสภาพฝันสลาย ความหวังพังทลาย เมื่อกลับถึงบ้านได้สองวัน บ้านของไฮก็ถูกไฟไหม้วอดวาย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยเลย ไฮเชื่อว่าเป็นการลอบวางเพลิงโดยผู้ที่ไม่ต้องการให้พวกเขาชุมนุมเรียกร้อง
การต่อสู้ของไฮเป็นไปอย่างยากลำบากและโดดเดี่ยว ไม่เพียงต้องสู้กับอำนาจรัฐ ถูกข่มขู่คุกคาม ยังต้องอดทนกับเสียงดูถูกของเพื่อนบ้านผู้ไม่เข้าใจว่าไฮสู้ไปทำไม
ครอบครัวของไฮลำบากอย่างยิ่ง ต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อนำเงินมาต่อชีวิต ไฮขายที่ดินสามแปลง ที่นาสองแปลง วัวควาย รวมทั้งบ้าน เหลือพื้นที่ยี่สิบเจ็ดไร่สำหรับปลูกพืชผักเลี้ยงตัวเองอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประดังเข้ามามิได้หยุดไฮ แต่ไม่มีวันหรอกที่จะยอมแพ้!
ไฮเขียนจดหมายร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีว่าครอบครัวของตนกับเพื่อนบ้านถูกข้าราชการท้องถิ่นและผู้เสียผลประโยชน์รังแก ความหวังผุดขึ้นอีกครั้งเมื่อรัฐบาลหยิบเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ในที่สุดทางราชการยอมจ่ายค่าชดเชยที่ดินและค่าเสียโอกาสที่ไม่ได้ทำกินในที่ดินนั้น
แต่คำสัญญานั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ช่วงเวลาของการเรียกร้องขอความเป็นธรรมอันยาวนานทำให้เส้นผมสีดำสนิทของไฮเปลี่ยนเป็นสีขาว ชีวิตไฮถูกกัดกร่อนด้วยความเครียด
ผ่านไปยี่สิบเจ็ดปี หลังจากหมดหวังจากการรอคอยและคำสัญญาว่างเปล่าของนักการเมือง ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2547 ไฮเรียกลูกหลานทุกคนที่ไปทำมาหากินในเมืองหลวงกลับบ้าน แบกจอบแบกเสียม พากันไปพังเขื่อนทิ้งด้วยมือตัวเอง เพื่อเปิดช่องทางให้น้ำระบายออกจากที่ดินของตัวเอง
ไฮไม่กลัวอะไรอีกแล้ว หากต้องต่อสู้กับคนทั้งโลกเพื่อรักษาความเป็นธรรม ก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ไฮบอกว่า “ถ้าฉันไม่เอาคืน จะให้ฉันเอาที่ไหนมาทำ ฉันก็แก่แล้ว”
การพังเขื่อนทำให้ไฮถูกจับและดำเนินคดีข้อหา ‘ทำลายทรัพย์สินทางราชการ’ แต่ภายในข่าวร้ายก็มีข่าวดีแทรกอยู่ ภาพชาวบ้านตัวเล็กๆ กลุ่มหนึ่งทุบเขื่อนด้วยหัวใจที่คับแค้นถึงขีดสุด เป็นภาพแสนสะเทือนใจ สั่นคลอนหัวใจคนทั้งประเทศ เรื่องราวการต่อสู้ของไฮกลายเป็นข่าวที่แพร่ในวงกว้าง จนผู้มีอำนาจเบื้องบนจำต้องยื่นมือเข้ามาแก้ไขปัญหา
ในที่สุด ด้วยแรงกดดันจากสังคม รัฐก็สั่งให้ระบายน้ำออกจากเขื่อนห้วยละห้า คืนที่ดินจมน้ำให้ไฮและเพื่อนบ้าน เป็นบทสุดท้ายของเขื่อนห้วยละห้า
ทว่าแม้จะได้ที่ดินว่างเปล่ากลับคืนมา ทางการก็ยังไม่ได้จ่ายค่าเสียหายจากน้ำท่วมเรือกสวนไร่นา ไฮต้องสู้กับระบบต่อไป จนหลังจาก 32 ปี, 15 รัฐบาล, 13 นายกรัฐมนตรี ไฮในวัยเจ็ดสิบเก้า ผมขาวโพลนทั้งศีรษะ ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการสร้างเขื่อนให้แก่ไฮและเพื่อนบ้าน รวมเป็นเงิน 4.9 ล้านบาท
เขื่อนห้วยละห้าเป็นตัวอย่างหนึ่งของความอัปลักษณ์ของ ‘การพัฒนา’ แบบตาบอด ไม่มองการณ์ไกล และไม่สนใจชีวิตของชาวบ้าน เฉพาะผลประโยชน์จากการตัดป่าเพื่อสร้างเขื่อนก็มหาศาล มากพอทำให้นายทุนและข้าราชการจำนวนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อปิดปากชาวบ้าน นอกเหนือจากเขื่อนห้วยละห้า ยังมีโครงการ ‘พัฒนา’ อีกมากมายที่ไม่ได้คิดละเอียด กระทบกระเทือนชีวิตชาวบ้าน ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม
ไฮก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนที่ไม่ยอมรับข้อแม้ของระบบ ด้วยความเชื่อว่าระบบใดที่ไม่ชอบธรรมแม้มีกฎหมายรองรับก็คือระบบที่ไม่จำเป็นต้องยอมรับ
ไฮสอนเราผ่านความเจ็บปวดและความอดทนว่า การต่อสู้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความชอบธรรมและหัวใจเหล็ก มนุษย์เล็กๆ ก็อาจเปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์ได้
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาประจำปีการศึกษา 2551-2552 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ไฮในชุดครุยเป็นหนึ่งในผู้เข้าพิธี รับปริญญารัฐศาสตร์มหาบัณฑิตตติมศักดิ์ คณะรัฐศาสตร์
ไฮบอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้รับปริญญา และมีคนเห็นคุณค่าในการต่อสู้ของตน
มีคนถามว่า “ยายจะเอาปริญญาไปทำอะไร?”
นักสู้จากอีสานตอบว่า จะนำปริญญาบัตรนี้ไปให้ลูกหลานได้ดูว่า ได้มันมาจากความอุตสาหะ ความอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com
26 พฤษภาคม 2555
คมคำคนคม
Injustice anywhere is a threat to justice everywhere.
ความไม่ยุติธรรมที่ไหนก็ตามคือการข่มขู่ความยุติธรรมทุกที่ทุกแห่ง
Martin Luther King Jr. (1929 - 1968),
Letter from Birmingham Jail, April 16, 1963
ผมไม่ใช่แฟนบุรีรัมย์ แต่อยากให้นักเตะ และสต๊าฟทีมบุรีรัมย์ได้อ่านครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
ฝรั่งมักจะพูดถึงการต่อยอดที่ว่า ว่าเรายืนอยู่บนบ่าของยักษ์ (standing on the shoulder of giant) ยักษ์ที่ว่าหมายถึงความรู้ที่คนรุ่นก่อนๆ สู้อุตส่าห์สั่งสม ลองผิด ลองถูก มานั่นเอง
เช่นกันกับทีมฟุตบอลครับ ยอดทีมที่ประสบความสำเร็จหลายทีมต่างเคยมีอดีตที่เลวร้าย วันที่เจ็บปวด พวกเขาประสบความสำเร็จโดยทิ้งความเจ็บปวดไว้เป็นบทเรียนเบื้องหลัง เพื่อก้าวไปสู่จุดหมาย
ผมเชื่อว่าแฟนอาร์เซน่อลหลายคนปิดโทรทัศน์ในวันทีโดนแมนยูถล่ม (ทั้งสองนัดห่างกันหลายปี ผมจำสกอร์ไม่ได้)
และแฟนแมนยูหลายคน(รวมถึงผมด้วย) ก็ปิดโทรทัศน์ในวันที่โดนบาร์เซโลน่าต้อนในนัดชิง UCL ทั้งสองนัดที่ห่างกันไม่กี่ปี (ถึงสกอร์จะไม่ขาด แต่รูปเกมส์คือการสอนบอลดีๆนี่เอง)
ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีความสำเร็จใดๆที่ได้มาโดยไร้ซึ่งความผิดหวัง บทความต่อไปนี้ถึงจะไม่เกี่ยวกับฟุตบอล แต่แสดงให้เห็นแคแรคเตอร์ของนักสู้จากอีสานคนหนึ่ง ผมหวังเหลือเกินว่า ทีมจากอีสานทีมนี้จะมี DNA นักสู้เช่นเดียวกับ คุณยายชาวอีสานในเรื่องนี้ครับ
ที่มาจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และตีพิมพ์รวมเล่มในหนังสือ ฟ้าไม่ปิดทุกวัน หนังสือชุดรวมบทความเสริมกำลังใจ ชุดที่ 9 ของคุณวินทร์ เลียววารินทร์
ผมยกตัวอย่างเรื่องนี้เพราะหัวใจนักสู้นะครับ ห้ามดึงเข้าการเมือง ใครดึงเข้าการเมืองขอให้หมดสมรรถภาพทางเพศ
หัวใจที่ไม่จมน้ำ
ไฮ ขันจันทา เกิดที่บ้านโนนตาล ตำบลนาตาล กิ่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เด็กหญิงกำพร้าพ่อเมื่ออายุสี่ขวบ เรียนหนังสือเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำนากับพี่น้องอีกเจ็ดคน บ้านของไฮมีฐานะดีกว่าชาวนาอื่นๆ ที่ดินกว่าสองร้อยไร่ สวน วัว ควาย ม้า และโรงสีข้าวหนึ่งโรง
เมื่อโตเป็นสาว ไฮแต่งงานกับคำฟอง มีลูกด้วยกันสิบคน ทั้งหมดทำมาหากินอย่างหนักเอาเบาสู้ ไฮได้รับมรดกเป็นที่นาหลายสิบไร่
ชีวิตดำเนินอย่างสงบเรียบง่าย จนในปี พ.ศ. 2520 ชะตาชีวิตก็หักเห สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท กระทรวงมหาดไทย ประกาศโครงการสร้างเขื่อนเพื่อการชลประทานขนาดเล็กที่บ้านโนนตาล - บ้านของไฮ
ไฮรู้ดีว่าน้ำจากเขื่อนจะท่วมไร่นาของนางกับเพื่อนบ้านหลายรายจนทำการเกษตรไม่ได้ ไฮกับพวกรวมตัวกันทำเรื่องคัดค้านต่อทางราชการ แต่ไม่ได้ผล และถึงแม้ไฮไม่เซ็นชื่อยินยอมให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ แต่การสร้างเขื่อนก็เกิดขึ้นจนได้
สองปีต่อมา เมื่อเขื่อนพื้นที่หนึ่งร้อยสามสิบไร่ ความจุ 240,000 ลูกบาศก์เมตรก่อสร้างสำเร็จ ผืนแผ่นดินที่ปู่ย่าตายายส่งทอดมาหลายชั่วคนก็จมใต้น้ำ น้ำเขื่อนท่วมพื้นที่เกษตรกรรมกว่าสี่ร้อยไร่ของชาวบ้านหลายครอบครัว
หลังจากน้ำท่วมไร่นาจนทำนาไม่ได้ ครอบครัวของไฮก็แตกฉานซ่านเซ็นไปคนละทิศ จากชาวนาที่มีฐานะดีใช้ได้เป็นคนยากไร้ในชั่วข้ามคืน สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องทำงานทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด ออกรับจ้างทำงานทุกประเภทโดยไม่เลือกงาน ตั้งแต่การช่วยชาวบ้านอื่นๆ ทำนา เกี่ยวข้าว เก็บฟืนขาย ขนขี้ควายใส่ไร่นาชาวบ้าน ลูกหลานหลายคนเข้ากรุงเทพฯ ทำงานโรงงานเย็บผ้า ทำความสะอาด ฯลฯ
แต่งานสำคัญที่สุดคือการต่อสู้เพื่อขอทวงความยุติธรรม
ไฮเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อร่วมชุมนุมกับกลุ่มสมัชชาคนจน ปลูกเพิงปักหลักใกล้ทำเนียบรัฐบาล สองเดือนหลังการชุมนุมยืดเยื้อ รัฐใช้กำลังสลายการชุมนุม ไฮเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางกลับบ้านในสภาพฝันสลาย ความหวังพังทลาย เมื่อกลับถึงบ้านได้สองวัน บ้านของไฮก็ถูกไฟไหม้วอดวาย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยเลย ไฮเชื่อว่าเป็นการลอบวางเพลิงโดยผู้ที่ไม่ต้องการให้พวกเขาชุมนุมเรียกร้อง
การต่อสู้ของไฮเป็นไปอย่างยากลำบากและโดดเดี่ยว ไม่เพียงต้องสู้กับอำนาจรัฐ ถูกข่มขู่คุกคาม ยังต้องอดทนกับเสียงดูถูกของเพื่อนบ้านผู้ไม่เข้าใจว่าไฮสู้ไปทำไม
ครอบครัวของไฮลำบากอย่างยิ่ง ต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อนำเงินมาต่อชีวิต ไฮขายที่ดินสามแปลง ที่นาสองแปลง วัวควาย รวมทั้งบ้าน เหลือพื้นที่ยี่สิบเจ็ดไร่สำหรับปลูกพืชผักเลี้ยงตัวเองอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประดังเข้ามามิได้หยุดไฮ แต่ไม่มีวันหรอกที่จะยอมแพ้!
ไฮเขียนจดหมายร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีว่าครอบครัวของตนกับเพื่อนบ้านถูกข้าราชการท้องถิ่นและผู้เสียผลประโยชน์รังแก ความหวังผุดขึ้นอีกครั้งเมื่อรัฐบาลหยิบเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ในที่สุดทางราชการยอมจ่ายค่าชดเชยที่ดินและค่าเสียโอกาสที่ไม่ได้ทำกินในที่ดินนั้น
แต่คำสัญญานั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ช่วงเวลาของการเรียกร้องขอความเป็นธรรมอันยาวนานทำให้เส้นผมสีดำสนิทของไฮเปลี่ยนเป็นสีขาว ชีวิตไฮถูกกัดกร่อนด้วยความเครียด
ผ่านไปยี่สิบเจ็ดปี หลังจากหมดหวังจากการรอคอยและคำสัญญาว่างเปล่าของนักการเมือง ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2547 ไฮเรียกลูกหลานทุกคนที่ไปทำมาหากินในเมืองหลวงกลับบ้าน แบกจอบแบกเสียม พากันไปพังเขื่อนทิ้งด้วยมือตัวเอง เพื่อเปิดช่องทางให้น้ำระบายออกจากที่ดินของตัวเอง
ไฮไม่กลัวอะไรอีกแล้ว หากต้องต่อสู้กับคนทั้งโลกเพื่อรักษาความเป็นธรรม ก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ไฮบอกว่า “ถ้าฉันไม่เอาคืน จะให้ฉันเอาที่ไหนมาทำ ฉันก็แก่แล้ว”
การพังเขื่อนทำให้ไฮถูกจับและดำเนินคดีข้อหา ‘ทำลายทรัพย์สินทางราชการ’ แต่ภายในข่าวร้ายก็มีข่าวดีแทรกอยู่ ภาพชาวบ้านตัวเล็กๆ กลุ่มหนึ่งทุบเขื่อนด้วยหัวใจที่คับแค้นถึงขีดสุด เป็นภาพแสนสะเทือนใจ สั่นคลอนหัวใจคนทั้งประเทศ เรื่องราวการต่อสู้ของไฮกลายเป็นข่าวที่แพร่ในวงกว้าง จนผู้มีอำนาจเบื้องบนจำต้องยื่นมือเข้ามาแก้ไขปัญหา
ในที่สุด ด้วยแรงกดดันจากสังคม รัฐก็สั่งให้ระบายน้ำออกจากเขื่อนห้วยละห้า คืนที่ดินจมน้ำให้ไฮและเพื่อนบ้าน เป็นบทสุดท้ายของเขื่อนห้วยละห้า
ทว่าแม้จะได้ที่ดินว่างเปล่ากลับคืนมา ทางการก็ยังไม่ได้จ่ายค่าเสียหายจากน้ำท่วมเรือกสวนไร่นา ไฮต้องสู้กับระบบต่อไป จนหลังจาก 32 ปี, 15 รัฐบาล, 13 นายกรัฐมนตรี ไฮในวัยเจ็ดสิบเก้า ผมขาวโพลนทั้งศีรษะ ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการสร้างเขื่อนให้แก่ไฮและเพื่อนบ้าน รวมเป็นเงิน 4.9 ล้านบาท
เขื่อนห้วยละห้าเป็นตัวอย่างหนึ่งของความอัปลักษณ์ของ ‘การพัฒนา’ แบบตาบอด ไม่มองการณ์ไกล และไม่สนใจชีวิตของชาวบ้าน เฉพาะผลประโยชน์จากการตัดป่าเพื่อสร้างเขื่อนก็มหาศาล มากพอทำให้นายทุนและข้าราชการจำนวนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อปิดปากชาวบ้าน นอกเหนือจากเขื่อนห้วยละห้า ยังมีโครงการ ‘พัฒนา’ อีกมากมายที่ไม่ได้คิดละเอียด กระทบกระเทือนชีวิตชาวบ้าน ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม
ไฮก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนที่ไม่ยอมรับข้อแม้ของระบบ ด้วยความเชื่อว่าระบบใดที่ไม่ชอบธรรมแม้มีกฎหมายรองรับก็คือระบบที่ไม่จำเป็นต้องยอมรับ
ไฮสอนเราผ่านความเจ็บปวดและความอดทนว่า การต่อสู้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความชอบธรรมและหัวใจเหล็ก มนุษย์เล็กๆ ก็อาจเปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์ได้
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาประจำปีการศึกษา 2551-2552 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ไฮในชุดครุยเป็นหนึ่งในผู้เข้าพิธี รับปริญญารัฐศาสตร์มหาบัณฑิตตติมศักดิ์ คณะรัฐศาสตร์
ไฮบอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้รับปริญญา และมีคนเห็นคุณค่าในการต่อสู้ของตน
มีคนถามว่า “ยายจะเอาปริญญาไปทำอะไร?”
นักสู้จากอีสานตอบว่า จะนำปริญญาบัตรนี้ไปให้ลูกหลานได้ดูว่า ได้มันมาจากความอุตสาหะ ความอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com
26 พฤษภาคม 2555
คมคำคนคม
Injustice anywhere is a threat to justice everywhere.
ความไม่ยุติธรรมที่ไหนก็ตามคือการข่มขู่ความยุติธรรมทุกที่ทุกแห่ง
Martin Luther King Jr. (1929 - 1968),
Letter from Birmingham Jail, April 16, 1963