"The Adjustment Bureau" ความทรงจำทีไม่อาจลืม

เป็นความทรงจำสมัยเด็ก น่าจะไม่ต่ำกว่า 30 ปีที่ยังคงติดอยู่ในใจเสมอมา
             เริ่มจากผมและน้องเค้า ใช้ชื่อ"น้องวิว" จุ๊บๆหัวใจ(นามสมมุติ )ก็แล้วกันนะครับ บ้านอยู่หมู่บ้านใกล้กัน บ้านป้าผมอยู่ใกล้กับบ้านเค้า พ่อแม่เราก็เป็นเพื่อนกัน บ้านเค้าค่อนข้างมีฐานะ เค้าเป็นเด็กน่ารัก หน้าตาดีตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าเป็นดรัมเมเยอร์ ทุกปีจึงหวงลูกสาวมากไม่ค่อยสุงสิงกับเด็กแถวบ้านเท่าไหร่
             สมัยประถมผมกับน้องวิวนั่งรถประจำคันเดียวกันไปเรียนทุกวัน  ส่วนผมก็เป็นเด็กผู้ชายซนๆคนนึงซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มน้องๆ  ออกจะบ้าอำนาจด้วยซ้ำ ตอนนั้นก็ได้แค่แอบมอง และชอบแกล้งเค้า ซึ่งด้วยความเป็นเด็กผู้ชายวิธีการก็ออกจะซาดิส เท่าที่จำความได้ ก็หาอะไรเล่นกันระว่างเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งเกมส์ที่เล่นทุกวัน คือเจออะไร ใครเห็นก่อน ก็จะหยิกกัน แล้วแต่จะตั้งกติกา เช่น รถสี แดง หรือรถสีเขียว แต่ที่จำติดมาจนถึงทุกวันนี้คือ"รถเต่า"ใครเจอรถเต่า ก่อนก็หยิกกัน ถ้ากับใครที่เราสนิทก็หยิกเบาๆ แต่กับน้องเค้า จัดเต็มตลอด หยิก จิก จนเขียวเลยอ่ะ (แอบสงสาร แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้น ทำไมถึงใจร้ายนักเจสัน)แต่น้องเค้าก็เล่นด้วยทุกวันนะ ไม่เคยโกรธ บางครั้งเป็นรอยจนแม่เค้าถาม แถมบอกให้เลิกเล่น เกมนี้เลยทีเดียว  
               วันหยุด ช่วงนั้นบ้านผมเพิ่งจะมีไมโครเวฟใหม่ๆ ด้วยความที่เห่อของใหม่ พนักงานขายสาธิตการทำขนมให้ดู เป็นจุดเริ่มต้นของการหัดทำขนมของน้องสาวผม นั่นก็เป็นอีกความทรงจำที่ เป็นเหตุให้น้องวิวมาเล่นที่บ้าน เพื่อหัดทำขนมกับน้องสาวผม เค้กอมยิ้มเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่คิดถึงแล้วก็มีความสุข  หรือแม้กระทั่งวันหยุดก็จะหาข้ออ้าง เพื่อจะไปบ้านป้า เพราะจะต้องปั่นผ่านบ้านน้องวิว (เผื่อเค้าจะเดินออกมาหน้าบ้าน "ถึงไม่ได้เห็นหน้า แค่ได้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี")เป็นผ่านไปกับความทรงจำสมัยประถม ห่างกันๆไปเมื่อผมเข้าเรียนมัธยม ไปคนละทางก็เลยไปกลับเอง
               ซึ่งต้องยอมรับว่าความทรงจำช่วงนี้ผมเลือนลางเหลือเกิน เพราะโอกาสเจอน้องวิวน้อยมาก สิ่งเดียวที่ยังทำอยู่ก็คือ หาเหตุที่จะไปบ้านป้า ขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าบ้านน้องเค้าบ่อยๆ เผื่อจะได้เจอ แต่ก้อน้อยครั้งซะเหลือเกิน
               โตมาอีกหน่อย ช่วงเรียน ปวส ที่บ้านเริ่มมีโทรศัพท์บ้าน ก็ดิ้นรนจนได้เบอร์โทรของน้องวิวมา ก็พยายามโทรหาบ่อยๆ ซึ่งก็ไม่ได้คุยหวานแหววอะไร แค่ได้คุยก็ดีใจแล้ว แต่ก็ลำบากมากเพราะอย่างที่บอกแม่เค้าหวงลูกสาวมาก โทรๆไปก็ลุ้นว่าใครรับสาย เค้าจะรับหรือคนอื่นรับ ถ้าเสียงคนอื่นที่ไม่ใช่น้องเค้าก็รีบวางทันที ก็ได้คุยบ้างไม่ได้คุยบ้าง ต่อมาก็เริ่มมีเพจเจอร์ใช้ ก็มีส่งข้อความหากันบ้าง แต่ก็ไม่ได้จะสื่ออะไร แค่ส่งกันไปมาแบบเด็กๆ
                เริ่มห่างกันไปไกล เมื่อผมเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในกทม ส่วนน้องเค้าก็เข้าเรียนมหาลัยใกล้บ้าน แล้วเพจเจ้ากรรมก็ดันพัง ทำให้ติดต่อน้องเค้าไม่ได้ ก็ห่างกันไปเลย ถึงตรงนี้ทุกครั้งที่กลับบ้าน ในช่วงปิดเทอม ก็ต้องขับรถไปบ้านป้า เผื่อจะเจอน้องวิว แต่ก็ไม่เคยจะได้เจอเลย
                 จนเรียนจบ กลับมาทำงานมีแฟน ก็พาแฟนไปทำบุญที่วัดแถวบ้าน ซึ่งถึงตอนนี้แล้วน้องวิวก็เรียนจบแล้วทำงานอยู่ต่างอำเภอ บังเอิญเจอกันที่วัดผมก็แอบดีใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อผมก็มีแฟน ชื่อน้องหน้าขาวประหลาดใจ (น้องวิวตั้งให้)แล้ว และไม่คิดว่าน้องเค้าจะรู้สึกอะไร หลังจากนั้นก็ไปทำงานต่างจังหวัด แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ส่วนผมก็เลิกกับแฟนคนนั้น
                  ผ่านไปอีกหลายปีจนเมื่อ 4 ปีก่อน ผมได้กลับมาทำงานใกล้บ้านอีกครั้ง ช่วงนี้เป็นอะไรที่เหมือนชะตาพาให้เรากลับมาเจอกัน ทำให้ได้เจอเธอหลายครั้ง เริ่มจากเจอกันที่งานศพญาติ ก็ทักทายกันเฉยๆ เพราะมีผู้ใหญ่ไปร่วมงานเยอะ ต่อมาก็เธออีกครั้งรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ก็ทักทายกันกะว่าจะขอเบอร์ แต่ก็รู้สึกได้เพียงแค่เสียววินาที เมื่อแฟนเค้าเดินมา เค้าก็แนะนำให้รู้จัก "พี่คะนี่แฟนหนูค่ะ" ขอบอกว่า"เซ็งโคตร" หลังจากนั้นแค่ไม่กี่เดือน ก็เจอน้องเค้าที่ห้างก็รวบรวมความกล้า ขอเบอร์ เค้าก็ให้นะ ยังไม่ทันที่จะได้เมม  แต่แล้วแม่เค้าก็โทรตาม เค้าก็เลยขอตัวไปหาแม่ แต่ขอบอก ฟังรอบเดียว จำขึ้นใจ แล้วก็ลองโทรเข้าไป น้องเค้าก็บอกว่ารีบบอกไม่คิดว่าจะจำได้ จนปวดใจที่สุดตรงที่รู้ว่า เค้าเพิ่งแต่งงาน หลังจากวันที่เค้าแนะแฟนให้รู้จักนั่นแหละ หลังจากนั้นก็ได้โทรหากันเรื่อยมา เริ่มใช้ไลน์หากัน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้คุยและบอกเล่าความรู้สึกของตนเองที่มีให้อีกฝ่ายที่ไม่เคยได้บอกให้รับรู้ หัวใจหัวใจหัวใจ
                  ผมได้รับรู้ว่าน้องวิวเค้าเค้าตั้งหน้าตั้งตารอข้อความจากผม ว่าเมื่อไหร่ผมจะเพจไปหาบ้าง ในช่วงที่ผมเรียน ที่กทม ที่บอกว่าเพจผมเสีย แล้วน้องเค้าก็ยังพยายาม E-mail หาผม แต่ผมกลับไม่ได้เปิดอ่าน E-mail เหล่านั้นเลย เค้ารอผมโดยไม่มีใครเลยจนจบมหาลัย และทำงาน ถึงตรงนี้แล้วบอกเลย รู้สึกผิด น้ำตาไหลเลย ไม่เคยรู้ว่า เค้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่เค้าทำได้มากกว่าผม เพราะผมมีแฟน วันที่เค้าเลิกรอก็คือวันที่เจอกันที่วัด ที่เค้าเจอผมกับน้องหน้าขาวคนนั้น ทำให้น้องวิวรู้แล้วแล้ว คงต้องตัดใจแล้วล่ะ เค้าจึงเริ่มเปิดใจให้มีคนเข้ามาจีบและ แต่งงานไปในที่สุด
                 หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยมา ไม่ได้มีอะไรเกินเเลย แค่ความสุขทางใจเท่านั้น เค้าเป็นคนเดียวที่สามารถคุยกับผมได้ทุกเรื่อง เข้าใจ ให้คำปรึกษา สนับสนุน เป็นได้ทุกย่าง รู้ว่าเวลาไหนผมจะรู้สึกอะไร และต้องการอะไร มีความสุขมาที่ได้คุยกัน ปกติผมเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจ ไม่ค่อยยอมใคร แม่กระทั่งคนที่เป็นแฟนผม แต่ละคนก็มักจะต้องยอมผม แต่เค้าเป็นคนเดียวที่ผมยอมให้ในทุกเรื่อง ไม่ว่าผมจะว่ายังไมเค้าไม่เคยขัดใจ แต่บทที่เค้าจะแข็ง ผมก็ยอมแพ้โดยราบคาบ เคยบอกว่า รู้สึกชีวิตของพวกเราคล้ายกับภาพยนต์ "The Adjustment Bureau" ที่มีหลายครั้งที่เราจะได้มาเจอกัน แต่ก็เหมือนจะมีโชคชะตาหรือใครซักคนพยายามจะแยกเราออกจากกัน
               ซึ่งวันหนึ่งก็เกิดเรื่องเมื่อเค้าไลน์มาบอกว่าคงไม่สามารถคุยกันได้แล้วนะเพราะแฟนของเค้าและแม่ของเค้า รู้และไม่พอใจ ขอให้เลิกคุยกันให้เด็ดขาดเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาครอบครัวตามมาภายหลัง จะทำอะไรได้ล่ะ รับสภาพแต่โดยดี แต่จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังคิดถึงน้องเค้า แต่ไม่สามารถบอกใครได้ เพราะต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง ก้คงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
            ก็เลยขอมาแชร์ไว้ใน Pantip เผื่อความคิดถึงนี้จะสื่อไปถึงน้องเค้าบ้างครับ คิดถึงนะ
            ปล.มีบางช่วงที่ถูกตัดออกและเพิ่มเติมไปบ้าง เนื่องจากไม่อยากให้คนใกล้ตัวสามารถคาดเดาได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่