รักษาพระธรรมวินัยยิ่งชีพ
ตลอดวาระของการปกครองหมู่สงฆ์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ติดตาม เฝ้าระวังและแสดงความห่วงใยในสถานการณ์อัน
เป็นเสี้ยนหนามต่อพระพุทธศาสนามาโดยตลอด ทั้งยังได้ขอให้พระสังฆาธิการทุกระดับ พระราชาคณะชั้นต่างๆ ช่วย
กันระงับเหตุอันไม่ถูกควร และหาข้อยุติให้ได้เสียแต่ในเบื้องต้น โดยยึดพระธรรมวินัยที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเป็นสำคัญ
ดังพระโอวาทที่ประทานในการประชุมคณะการกสงฆ์ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ความตอนหนึ่งว่า
“การจะอ้างว่าพระไตรปิฎกผิดหรือบกพร่องนั้นไม่ได้ หรือจะไปปฏิบัติผิดพระวินัยบัญญัติหรือธรรมที่ปรากฏอยู่ในพระวินัย
ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับที่ไทยเรารับรองแล้วนี้ โดยอ้างว่าของตนถูก แต่พระไตรปิฎกนั้นผิด ดังนี้ไม่ได้ เป็นไทย
ไม่ได้ ไม่ควรจะอยู่ในเมืองไทย”
อีกทั้งพระองค์ยังทรงให้ข้อคิดว่า การโค่นล้มต้นตออันเป็นเสี้ยนหนามโดยยึดพระธรรมวินัยเป็นหลักนั้น ถือว่าเป็นการกระ
ทำอันกอปรด้วยความเมตตา มิใช่ด้วยความโกรธขึ้งหรือเคียดแค้น เป็นเมตตาที่ถูกต้องในการนิคคหะ คือ การข่ม การปราบ
ด้วยเมตตา หากว่าไม่ข่ม ไม่กำราบแล้ว ผู้นั้นก็จะทำผิดเรื่อยไป จนอาจเป็นความผิดถึงขั้นอนันตริยกรรมหรือมหันตกรรม
อันจักเป็นโทษภัยแก่ตัวบุคคลนั้นเอง
การเมตตาเช่นนี้จึงเท่ากับการเปิดโอกาสให้บุคคล ได้กลับมาประพฤติดี ประพฤติชอบด้วยพระธรรมวินัย
บวรธรรมบพิตร ๘๒
พระนิพนธ์
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
พ ร ะ นิ พ น ธ์ เ พื่ อ ค ว า ม ส วั ส ดี แ ห่ ง ชี วิ ต
แ ล ะ พ ร ะ ค ติ ธ ร ร ม เ พื่ อ เ ป็ น แ ส ง ส่ อ ง ใจ
-------------------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/groups/1681946992021803/?fref=nf
รักษาพระธรรมวินัยยิ่งชีพ
ตลอดวาระของการปกครองหมู่สงฆ์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ติดตาม เฝ้าระวังและแสดงความห่วงใยในสถานการณ์อัน
เป็นเสี้ยนหนามต่อพระพุทธศาสนามาโดยตลอด ทั้งยังได้ขอให้พระสังฆาธิการทุกระดับ พระราชาคณะชั้นต่างๆ ช่วย
กันระงับเหตุอันไม่ถูกควร และหาข้อยุติให้ได้เสียแต่ในเบื้องต้น โดยยึดพระธรรมวินัยที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเป็นสำคัญ
ดังพระโอวาทที่ประทานในการประชุมคณะการกสงฆ์ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ความตอนหนึ่งว่า
“การจะอ้างว่าพระไตรปิฎกผิดหรือบกพร่องนั้นไม่ได้ หรือจะไปปฏิบัติผิดพระวินัยบัญญัติหรือธรรมที่ปรากฏอยู่ในพระวินัย
ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับที่ไทยเรารับรองแล้วนี้ โดยอ้างว่าของตนถูก แต่พระไตรปิฎกนั้นผิด ดังนี้ไม่ได้ เป็นไทย
ไม่ได้ ไม่ควรจะอยู่ในเมืองไทย”
อีกทั้งพระองค์ยังทรงให้ข้อคิดว่า การโค่นล้มต้นตออันเป็นเสี้ยนหนามโดยยึดพระธรรมวินัยเป็นหลักนั้น ถือว่าเป็นการกระ
ทำอันกอปรด้วยความเมตตา มิใช่ด้วยความโกรธขึ้งหรือเคียดแค้น เป็นเมตตาที่ถูกต้องในการนิคคหะ คือ การข่ม การปราบ
ด้วยเมตตา หากว่าไม่ข่ม ไม่กำราบแล้ว ผู้นั้นก็จะทำผิดเรื่อยไป จนอาจเป็นความผิดถึงขั้นอนันตริยกรรมหรือมหันตกรรม
อันจักเป็นโทษภัยแก่ตัวบุคคลนั้นเอง
การเมตตาเช่นนี้จึงเท่ากับการเปิดโอกาสให้บุคคล ได้กลับมาประพฤติดี ประพฤติชอบด้วยพระธรรมวินัย
บวรธรรมบพิตร ๘๒
พระนิพนธ์
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
พ ร ะ นิ พ น ธ์ เ พื่ อ ค ว า ม ส วั ส ดี แ ห่ ง ชี วิ ต
แ ล ะ พ ร ะ ค ติ ธ ร ร ม เ พื่ อ เ ป็ น แ ส ง ส่ อ ง ใจ
-------------------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/groups/1681946992021803/?fref=nf